23
“เหมียว...คือ...” จู่ ๆ ก็คอแห้ง จะประหม่าทำไมวะไอ้ทิว ยัยแมวเหมียวยอมเปิดทางให้ขนาดนี้.....
“ฉันขอจูบได้ไหม” เขาเอ่ยถามเธอเสียงพร่า
“จ้ะ....” เธอโอบรอบคอพร้อมกับมองเขาตาแป๋วในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ โน้มลงมาจรดริมฝีปากหยักบนหน้าผากเพียงปัดผ่านผะแผ่ว เหมียวถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งร่างก่อนที่จมูกโด่งของหมอทิวจะไล้ไปตามกรอบหน้าช่างพาให้อารมณ์ปั่นป่วน เธอเกร็งตัวรับกับสัมผัสแปลกใหม่ที่เขามอบให้อย่างเชื่องช้า
“คราวนี้จะจูบจริงแล้วน๊า....”
เหมียวหลับตาเมื่อเห็นเขาจ้องมองริมฝีปากเหมือนอยากจะกลืนกินเธอใจเต้นระทึกรอสัมผัสกับประสบการณ์ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น หากเมื่อครู่เป็นแค่การไหว้ครู งั้นของจริงคงตื่นเต้นน่าดู .......ริมฝีปากอิ่มโดนสัมผัสอย่างนุ่มนวลเพียงแค่นี้ปลายเท้าเธอก็เริ่มร้อนดั่งมีกองฟอนลุกโชนอยู่ใกล้ ๆ .....ตะ....แต่....ไม่มีใครโดนจูบจนตายใช่ไหมเธอเริ่มกังวลเพราะเริ่มหายใจไม่ออกหลังจากริมฝีปากถูกครอบครองเคล้าคลึงได้เพียงครึ่งนาทีเห็นจะได้
“ต๊าย !...ตาเถร....” คุณนายลออเดินเร็ว ๆ ลงมาจากห้องนอนมาพบภาพที่น่าตกใจกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
สองร่างผละออกจากกันต่างสูดลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ ....เหมียวรู้สึกขอบคุณเสียงที่มาขัดจังหวะไม่อย่างนั้นเธอคงขาดใจตายแน่ ๆ
“นี่ทำอะไรอยู่หึตาทิว ไฟจะไหม้อยู่แล้วเร็ว ๆ เข้า”
“ห๊ะ ! ไฟไหม้” เหมียวตกตะลึง....ส่วนหมอทิวรีบถีบชายผ้าห่มที่ข้างหนึ่งตกลงไปข้างล่างถูกไฟลามเลียจนขึ้นมาเกือบถึงตัว
ทิวาคว้าถังน้ำมาสาดโครมไปบนไฟกองเล็กจึงได้สงบลง
“เฮ้อ ! ฉันจะบ้าตายพวกแกนี่เล่นอะไรกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ไฟจะไหม้แล้วยังจูบกันอยู่ได้ ไม่รู้สึกบ้างหรือไงหรือต้องรอให้ไฟมันคลอกตายเสียก่อนหึ” คุณนายลออต่อว่าทั้งคู่เป็นชุดทั้งโมโหทั้งตกใจ...ว่าจบถึงกับยืนหอบกันเลยทีเดียว
“เอ่อ....แม่เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า...” หมอทิวรีบเข้าไปจูงมารดาพาเข้าบ้าน เกรงว่าถ้านานกว่านี้บ้านใกล้เรือนเคียงคงจะโผล่หน้ามาดูถึงมีรั้วก็คงไม่รอดตาคนสอดรู้สอดเห็น...อายตายห่าเลยกู......
“แม่เหมียวนี่ก็ยอมผัวเกิ๊น...ไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือยะ”คุณนายลออยังไม่หายโมโหหันมาต่อว่าสะใภ้ต่อ
“ถึงว่าสิจ๊ะ เหมียวก็งงว่าทำไมจูบที่ปากแต่ร้อนที่ขา...แหะ ๆ.... ไฟไหมนี่เอง” เธอทำหน้าปูเลี่ยน ๆ อายแทบจะมุดดินหนี
“อย่าว่าเหมียวเลยแม่...ผมผิดเอง”
“เอ่อ...เหมียวผิดเองจ้ะ...คือว่าเหมียวกอดหมอ หมอขอหอมเหมียว เหมียวเลยให้หมอหอม แล้วก็...”
“หยุด ! ฉันปวดหัวไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันกับทิวาจะนอนให้หลับสนิทจนถึงหกโมงเช้าจะไม่ลงมาชั้นล่างนี่อีก เพราะฉะนั้นจะทำอะไรกันก็ตามสบายอย่าอุตริเกินไปก็พอ...ฮึ่ย...” คุณนายลออพูดจบก็สะบัดหน้าหนีทั้งคู่อย่างหมั่นไส้โดยมีทิวาหันมาขยิบตาให้ก่อนจะเดินตามมารดาขึ้นไปชั้นบนปล่อยให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวน้อยยืนอายม้วนอยู่ตรงนั้น......
หมอทิวขยับเข้ามาใกล้แมวเหมียวตัวน้อยของเขาพลางยกแขนขึ้นโอบไหล่เมื่อเธอหันมามองก็พยักหน้าชวนทำตาปริบ ๆ.....
“ไม่จ้ะ...เราจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว” เธอแน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงปฏิเสธออกไปเต็มปากเต็มคำ
“ฮื้อออ....ทำไมล่ะเหมียวพวกเขาเปิดทางให้เราแล้วนะ” หากการกระทืบเท้าดิ้นเร่า ๆ มันจะไม่เป็นการน่าเกลียดเกินไปสำหรับหนุ่มใหญ่วัยเกือบสี่สิบเขาคงทำไปแล้ว........อุปสรรคเยอะจริง ๆ พับผ่าสิ
“หมอจ๋า..า..า..ครั้งแรกของเหมียวเชียวนะจ๊ะ...น๊า....ขอวันที่เราอยู่กันสองคนเถอะจ้ะ” เธอหันมากอดเอวสามีพร้อมกับอ้อนด้วยการถูไถศีรษะเข้ากับแผงอกปล่อยให้กลิ่นหอมฟุ้งของเรือนผมนุ่มที่เพิ่งสระมาหมาด ๆ ระเหยเข้าจมูกสูดดมแก้ขัดไปก่อน….
“ก็ได้ แต่อย่าเรียกหมอจ๋าได้ไหม”
“ทำไมคะ”
“ช่างเหอะ .....ไปนอนกันได้แล้วหรือจะออกไปดูดาวต่อ” เขาจะบอกได้ยังไงว่ามีคนชอบล้อ หมอจ๋า...หมาจ๋อ....ได้ยินจากปากเพื่อนไม่ค่อยเท่าไหร่แต่ขออย่าให้ยัยเหมียวขี้แกล้งรู้ดีกว่าเดี๋ยวจะเรียกหากันทั้งวัน....
“แต่เครื่องนอนไม่มีแล้วนะจ๊ะ...”
“จะกลัวอะไรก็ฉันนี่ไง” เขาพูดพร้อมกับตบอกตัวเอง นัยน์ตาแพรวพราว
เช้าวันรุ่งขึ้น
“คุณแม่ทำอะไรคะ” ทิวาเห็นมารดานั่งอยู่หน้ากระจกกำลังบรรจงทำอะไรสักอย่าง จะว่าแต่งหน้าก็....อื้อ..ไม่น่าจะใช่
“แกคอยดูเฉย ๆ เถอะน่า”
“อย่าบอกนะว่าแม่จะแกล้งเมียพี่ทิว”
“ไม่มี๊ ! ฉันไม่ใช่พวกผู้ใหญ่ชอบรังแกเด็กเสียหน่อย”
“นั่นไง....ชัดเลยทีหนูแกล้งหยอกเหมียวนิด ๆ หน่อย ๆ คุณแม่ยังห้าม....ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” ทิวาบ่นหงุงหงิงก่อนจะตะลึงปากอ้าตาค้างเมื่อคุณนายลออหันหน้ากลับมาให้ได้เห็นชัด ๆ
“คุณแม่ !.....ออกหัดหรือคะเป็นไข้ด้วยหรือเปล่า” ลูกสาวปรี่เข้าไปหามารดาคลำเนื้อคลำตัวด้วยความเป็นห่วง
“นี่แม่ทิวาเดี๋ยวเถอะ” คุณนายลออปัดมือลูกสาวออก รู้หรอกน่าว่าโดนประชด….
“คุณแม่จะเล่นอะไรคะเนี่ย” คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคุณนายลออจะมีมุมซุกซนแบบนี้ด้วย
“ฉันไม่ได้เล่น นี่เป็นหนึ่งในมาตรการทดสอบลูกสะใภ้ของฉันย่ะ....เฮอะ ! สมบัติฉันเยอะแยะจะรับใครก็ได้มาเป็นลูกสะใภ้ชุ่ย ๆ ได้ยังไงกัน”
“ถ้าอย่างนั้นไม่เปิดรับสมัครสอบคัดเลือกเสียเลยล่ะคะคุณนายลออ”
“อืม....เป็นความคิดที่ดี ใครได้คะแนนสูงที่สุดคนนั้นก็คว้าตำแหน่งยอดสะใภ้ของฉันไปเลยดีไหม”
“คุณแม่คะ หนูประชด”
“แต่ฉันคิดจริง ๆย่ะ” คุณนายลออค้อนลูกสาวอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเปิดประตูแล้วย่องลงบันไดมาเงียบ ๆ เห็นคู่สามีภรรยานอนกอดกันกลมอยู่บนโซฟา.....แหม...ใหม่ ๆ ก็แบบเนี้ย....ผู้สูงวัยพึมพำเบา ๆ พร้อมกับเผลอยิ้มออกมาก่อนจะนึกขึ้นได้จึงปั้นหน้าทำเป็นเคร่งขรึม…
