18
22.00 น
เหมียวทำหน้าที่ผู้ช่วยสัตวแพทย์ได้อย่างคล่องแคล่ว หมอทิวของเธอวุ่นวายอยู่กับการทำคลอดให้แม่วัวสาวตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนกระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี หลังจากเฝ้าดูมาพักใหญ่ ๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลจึงได้พากันกลับบ้านท่าทางอ่อนเพลียทั้งคู่แต่แล้วจู่ ๆ คนที่ทำท่าตาจะปิด พออาบน้ำเสร็จปุ๊บกลับเปลี่ยนเป็นคึกราวกับคนละคน
“หมอทำอะไร.....ไม่เหนื่อยหรือจ๊ะ” เหมียวร้องทักหมอทิวที่ทำเป็นฟิตจัดลงไปวิดพื้นข้างเตียงทั้งที่เพิ่งจะอาบน้ำมาหยก ๆ เสื้อแสงก็ไม่ใส่ถึงกล้ามไม่ใหญ่แต่ก็กำลังดี......เธอแอบจินตนาการไปไกล....
“หลับอยู่”
“หมออออออ.........” เธอลากเสียงยาวอย่างขัดใจทำไมจะต้องยอกย้อนด้วยนะคนกำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ
“อ๊าก..ก..ก........” จู่ ๆ ก็เจ็บแปลบที่ต้นแขนจนต้องทิ้งตัวลงนอนแต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงร้องโอดโอยจนเกินจริงพร้อมกับแอบมองคนบนเตียงไปด้วย
“เป็นอะไรจ๊ะ...” เหมียวลุกจากเตียงลงมานั่งหน้าตาตื่นอยู่ข้างกายหมอทิว เธอมองเขาอย่างห่วงใยเพราะหน้าตาของเขาแสดงความเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน
“อูยยยยย...........”
“หมอ....” เหมียวขยับเข้าไปก้มมองสำรวจใกล้ ๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ทำไมหมอถึงได้ดูแย่เหมือนคนเจ็บหนัก เท่าที่กวาดตามองก็ไม่เห็นจะมีส่วนไหนแตกหักนี่นา....
“เจ็บแขน ลุกไม่ไหว”
“มาจ้ะ หนูช่วย” เธอช่วยพยุงคนเจ็บแขนโดยลืมนึกถึงความสมเหตุสมผลจะยังไงก็ช่างเหอะหมอเจ็บ เหมียวก็เจ็บ
“ลูบแขนให้หน่อยสิเหมียว” เสียงเว้าวอนออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้...เอิ่ม.....กูหมั่นไส้ตัวเองนี่แหละ....
เหมียวพาหมอทิวขึ้นมานอนบนเตียงและเฝ้าดูอยู่ไม่ห่างเขาบอกให้ลูบก็ลูบ......บอกให้จับก็จับ......
“ตรงนี้เหรอจ้ะ”
“โอย......เบา ๆ หน่อยเหมียว.....ตรงนี้ด้วยจ้ะ” เขาเริ่มชี้ไปทั่วจากแขนเลื่อนไปที่หน้าอกก่อนจะวกลงกล้ามท้อง.......เอ่อ...ถึงไม่มีกล้ามแน่น ๆ หกลูกแต่ก็ไม่ถึงกับลงพุงก็แล้วกัน
เหมียวคิดเพลิน ๆ ก่อนจะเริ่มเอะใจ มองคนเจ็บที่นอนอมยิ้มหลับตาพริ้มอย่างสงสัย.......หืมมมม....แกล้งกันเหรอ...นี่แน่ะ ๆ ๆ ๆ ....
“โอ้ย......เหมียว” เขาดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้าเมื่อโดนจับหัวนมสีน้ำตาลอ่อนบิดอย่างจังร่างหนาถึงกับแอ่นขึ้นตามมือ...... “เบา ๆ เหมียวเดี๋ยวหัวนมขาด” หมอทิวสูดปากพลางร้องเสียงหลง
“หมอชอบแกล้ง” เธอต่อว่าหน้าตางอง้ำ
“ก็ฉัน.....คือฉันอยาก.....เอ่อ...”
“อยากอะไรจ๊ะ...” เธอมองเขาตาโตรอลุ้นคำตอบพร้อมกับอมยิ้มแก้มตุ่ย
“อยากให้เหมียว.......นวดให้....” พูดจบก็พรูลมหายใจออกจากปากเหมือนโล่งอกแต่ไม่ใช่.....ทำไมมันพูดยังจังวะไอ้ทิว.....
“เฮ้อ !.....แล้วก็ไม่บอกเหมียวก็นึกว่าอยากอย่างอื่นเสียอีก” เธอแกล้งทำหน้าผิดหวัง
“ฉันอยากอย่างอื่นได้จริงเหรอ” เขารู้สึกมีความหวังเมื่อสาวเจ้าเปิดทางเหมือนเชื้อเชิญซะขนาดนั้น....โถ...เหมียวของฉันอยากเหมือนกันก็ไม่บอก.....
“ไม่จริงจ้ะ....แฮร่......” เธอยิ้มแฉ่งทำหน้าทะเล้นใส่ เรื่องแค่นี้บอกกันตรง ๆ ไม่ได้มัวแต่อายก็อดไปเหอะ
ปล้ำซะดีไหมวะ !.....ได้แค่คิดก่อนจะพลิกตะแคงหันหลังให้ยัยเด็กแสบที่ชอบปั่นหัวเป็นที่หนึ่ง.......หงุดหงิดโว้ย !.....
เหมียวมองคนขี้งอนอย่างขำ ๆ หมอทิวขี้อาย...น่าเอ็นดูจังเธอคิดได้ดังนั้นจึงโถมกายเข้าหาตัวพาดขวางอยู่บนร่างกายแกร่งค้างไว้อย่างนั้น
“เล่นพิเรนทร์อะไรอีกหึ” ออกปากทำเป็นดุแต่นอนตัวแข็งไม่กล้าขยับ
“หมองอนหรือจ๊ะ”
“พูดอะไร ใครงอน”
“หมอไง.....ไม่ให้เหมียวนวดให้แล้วหรือจ๊ะ”
“ไม่ล่ะฉันเปลี่ยนใจแล้ว......ง่วง”
เหมียวไถลตัวลงมาอีกฝั่งจัดแจงดึงแขนเขาเอาไปพาดเอวของเธอ พร้อมกับเอาหน้าเข้ามาซุกซบอกถูไถอย่างเด็กขี้อ้อน
“เหมียว !”
“กอดหนูหน่อยน๊า...เหมือนตอนเด็ก ๆ พ่อชอบนอนกอดเหมียว...นะจ๊ะกอดเหมียวหน่อย” เสียงเธอเว้าวอน คราวนี้ไม่ได้แกล้งแต่รู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัยจนอยากนอนหลับใหลในอ้อมกอดนี้
วงแขนแกร่งกระชับอ้อมกอดเบา ๆ .......อืม......กูควรจะรู้สึกยังไงวะเนี่ยแต่ที่แน่ ๆ เรือนร่างนุ่ม ๆ หอม ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้หลับตาพริ้มอมยิ้มในหน้าแลดูมีความสุขมากมายจนไม่กล้าหื่นใส่ อยากทำตัวเป็นความสบายให้กับเธอ.....ยัยลูกแมวหลงทาง.....
เช้าวันรุ่งขึ้น
ขณะที่คู่สามีภรรยานอนกอดกันกลมท่ามกลางอากาศสดชื่นเย็นสบายยามเช้า แต่ดูเหมือนว่าหน้าบ้านจะเกิดเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นแล้วเมื่อมีหญิงต่างวัยมาเยือนแต่เช้า
นางเอียดเพิ่งจะกลับเข้าบ้านหลังจากไปรับตาชดคู่ทุกข์คู่ยากออกจากห้องขัง เห็นคนแปลกหน้ามายืนรี ๆ รอ ๆ อยู่หน้าบ้านหมอทิวก็อดที่จะไปเสนอหน้าตามประสาคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อจะรู้เรื่องของชาวบ้าน.....ส่วนนายชดที่เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาก็เดินตามเมียด้วยอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
“มาหาหมอทิวหรือคะคุณนาย” นางเอียดเกรงใจทองหยองบนเนื้อตัวผู้สูงวัยกับรถยนต์คันโก้ที่จอดโชว์อยู่ข้าง ๆ นางจึงพินอบพิเทาเรียกอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติ
