14
“มีอย่างที่ไหน ใจคอจะติดสินบนเจ้าหน้าที่เขาเลยเหรอป้า ตำรวจที่นี่ไม่มีใครเขาเอาด้วยหรอก” เหมียวพูดเสียงดังพลางกราดยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน......แน่นอนว่าเหมียวไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอกเพียงแต่เธอใช้วิธี.......ตีปลาหน้าไซ.......ไม่ว่าสังคมไหนมีทั้งคนดีคนเลว...ขืนไม่ป้องกันไว้มีหวังว่าป้าเธอจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ คิดซะว่าเอาคืนที่ตาชดคิดชั่วกับเธอก็แล้วกัน แค่นอนคุกนิด ๆ หน่อย ๆ เธอไม่แจ้งความเรื่องนั้นก็บุญแล้ว.......
“เอาล่ะ...กลับกันเถอะ ป้าจะกลับพร้อมพวกผมไหมครับ”
“ไม่ล่ะ.....ฉันจะอยู่แถวนี้เผื่อจะมีช่องทางช่วยตาชดได้บ้าง” นางเอียดพูดเสียงสะบัดอย่างไม่พอใจรู้สึกว่าไม่มีใครเป็นเดือดเป็นร้อนกับนางเลยแม้แต่หลานแท้ ๆ
“ป้าจะนอนที่นี่หรือเปล่า เย็น ๆ ฉันเอาเสื่อเอาหมอนมาให้เอาไหม” เหมียวมีแก่ใจถามเผื่อเธอจะช่วยบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ พอไหว
“ไม่ต้องย่ะ” นางเอียดค้อนควักหน้างอเป็นจวัก รู้อย่างนี้ไม่ไปง้อมันให้เสียเวลาหรอก
“งั้นหนูไปนะป้า” แทนที่จะสลดเหมียวกลับยิ้มแป้นแต่พอลงมาจากโรงพัก เธอแบมือขอเงินสามีเพื่อซื้อโอเลี้ยงกับข้าวผัดสองชุดแล้ววิ่งขึ้นไปยัดใส่มือป้าแท้ ๆ ก่อนจะวิ่งผละมาไม่พูดสักคำ......
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ.....ขอบคุณนะจ๊ะ” เธอฉีกยิ้มจนตาหยีและเข้าไปกอดซบกับแขนสามีเหมือนแมวขี้อ้อนก่อนจะเดินไปขึ้นรถด้วยกัน
“ขอบคุณแค่นี้?”
“อ้าว !.....ไม่พอหรือจ๊ะ” เธอทำเป็นยกมือทาบอกแต่แววตาซุกซนเต้นระริก....แหม...หมอทำอย่างกับพระเอกสมบัติ...จะหอมหรือว่าจะ...อุ้ย...ไม่คิดดีกว่านางเอกอย่างเหมียวต้องทำซื่อ ๆ หน่อย...คิกคิก.....
“ยิ้มอะไร” เขาเริ่มระแวง ยัยแมวเหมียวยิ่งชอบทำอะไรแปลก ๆ แสบ ๆ คัน ๆ อยู่เรื่อย
“ก็หนูดีใจนี่ สามีของเหมียวใจดีที่หนึ่งจริง ๆ นะจ๊ะ ว่าแต่วันนี้หมอจะไปไหนต่อจ๊ะ”
“ฉันต้องไปทำงาน”
“งั้นเหมียวไปด้วยนะ....น๊า....หมอนะ”
“เฮ้อ ! ต่อไปฉันคงจะต้องพกเมียกระเตงลูกไปทำงานด้วยกันทุกวันหรือไง.....” เขาพูดออกมาอย่างคนที่ปลงตก ก็เด็กมันอ้อนขนาดนี้ใครจะกล้าขัดใจวะ....
“หมอมีแต่เมีย ยังไม่ได้ทำลูก...เอ้ย....ยังไม่มีลูกจ้ะ” เธอแกล้งยิ้มยั่วกลัวเสียที่ไหนบนรถแบบนี้หมอจะทำอะไรได้ ขนาดบนเตียงนอนหมอยังนอนตัวแข็งเลย....น่ารักจริง ๆ เธอชักจะคลั่งรักหนักไม่แพ้เขาแล้วสิ.......
“ทะลึ่งเหมือนกันนะเรา...งั้นกลับไปทำลูกกันก่อนดีไหม” เขายิ้มกรุ้มกริ่มแววตาแพรวพราวขึ้นมาทันทีดีนะที่มีเมียเด็กความจำมันดีอย่างนี้นี่เอง......
บทที่ 5
วันนี้เหมียวตามสามีไปทำงานเป็นวันแรกหลังจากหลีกเลี่ยงไม่ไปทำลูกอย่างที่ถูกชวน......หมอก็นะ....บ้าจริง.....กลางวันแสก ๆ ชวนไม่ดูเวล่ำเวลาเดี๋ยวก็มีใครมาขัดจังหวะอีกหรอก....เธอนั่งอมยิ้มขณะที่คุณสามีหันมามองอย่างสงสัยระคนหวั่นใจว่ายัยตัวแสบคิดจะทำอะไรแผลง ๆ อีก....
เหมียวได้รับการแนะนำให้รู้จักกับลุงช้างและคนงานอื่น ๆ อีกหลายคนล้วนดูสนิทสนมกับคุณสามีอีกทั้งยังเผื่อแผ่ไมตรีมาให้เธอด้วย และที่สำคัญเธอได้รู้จักกับลูกชายของพี่กอหญ้าชื่อเจ้ามะยมเธอยืนมองอยู่นานแต่ไม่กล้าเข้าไปเล่นด้วยเพราะลำตัวที่ใหญ่โตเกิดไปทำคุณเขาโมโหเข้าล่ะก็มีหวังได้แบนแต๊ดแต๋ จึงได้แต่ยืนมองอยู่ข้างนอกยื่นไม้ยื่นมือเรียกคอแทบแตกแต่พ่อเจ้าประคุณทำเมิน...ชิ....หยิ่งไปอีกไม่ง้อก็ได้...เธอยู่หน้าใส่เจ้าช้างขี้เก็กก่อนจะหันหลังเดินปั้นปึ่งกลับมาหาสามี
“เป็นอะไรอีกล่ะ” หมอทิวเห็นเมียเด็กเดินหน้าตูมกลับมาหลังจากเห็นไปเต้นแร้งเต้นกาอยู่ใกล้ ๆ เจ้ามะยมมาพักใหญ่ ๆ จึงเอ่ยถามยิ้ม ๆ
“เบื่อช้างขี้เก็ก” เธอนั่งลงบนขอนไม้ใกล้ ๆ กับหมอทิวที่กำลังเก็บเครื่องไม้เครื่องมือเข้ากระเป๋า เธอไม่แน่ใจว่าเขาเข้าไปฉีดยาให้ช้างเชือกไหนเพราะมัวแต่สนใจเจ้าช้างจอมหยิ่ง
“สรุปว่าทะเลาะกับช้าง?” หนุ่มใหญ่เลิกคิ้วมองใบหน้างอง้ำอย่างขำ ๆ แต่ไม่กล้าหัวเราะเสียงดังได้แต่ทำเสียงหึหึในลำคอ…กลัวโดนงอนแล้วเหนื่อย....
“เปล่าซะหน่อย......หยิ่งชะมัด” พูดแล้วอดส่งค้อนไปทางเจ้าตัวโตไม่ได้
“เอาน่า...ถ้าช้างไม่สนเดี๋ยวพาไปหาวัวมันอาจจะชอบเธอก็ได้” พูดเหมือนปลอบใจแต่เท่ากับการเยาะเย้ยกลาย ๆ เสียมากกว่า
“เหมียวไม่สวยเหมือนพี่หญ้านี่”
“อย่าบอกนะว่าอิจฉา”
“เปล่าจ้ะ แค่ยอมรับความจริง....”
“ก็ดี......รู้ตัวว่าไม่สวยก็อย่าทำหน้างอบ่อยนักสิ”
“เอ๊ะ ! หมอนี่ยังไงนะหนูไม่ได้บอกว่าตัวเองไม่สวย แค่สวยน้อยกว่าพี่หญ้าหน่อยเดียวเองอ่ะ” หมอนะหมอน่าขัดใจจริง ๆ
“ครับผม...สวยก็สวย...งั้นไปกันได้แล้ว....” คนอายุมากกว่ายอมโอนอ่อนผ่อนตาม
“ไปไหนหรือจ๊ะ”
“ไร่ภูผาหญ้าหวาน”
