13
“เขาไปทำอะไรเข้าล่ะป้า” เห็นแก่ที่นางเอียดเป็นเพื่อนบ้านกันมานานจึงไม่ได้ตัดเยื่อขาดใยเสียทีเดียว ถ้าไม่หนักหนาเขาก็คิดจะช่วย
“ไม่ได้ทำอะไรเลย ติดร่างแหเขาไปมากกว่า” นางเอียดเข้าข้างผัวเต็มที่
“ฮึ !...สงสัยหน้ามืดปีนเข้าหาลูกสาวบ้านไหนเข้าล่ะสิแล้วก็หลอกป้าว่าไม่ได้ทำอย่างที่ฉันเจอมาไงล่ะ” เหมียวอดไม่ได้ที่จะสอดแทรกขึ้นมา คนเลว ๆ พรรค์นั้นเชื่อไม่ยากหรอกถ้าบอกว่าไปทำเรื่องชั่ว ๆ มา
“นังเหมียวเอ็งก็อคติเกินไป” นางเอียดไม่กล้าว่าเหมียวรุนแรงได้แค่ปรามเท่านั้น ก่อนจะหันมาเล่าให้หมอทิวฟังต่อ “คืออย่างนี้จ้ะ.... ตำรวจเขาว่าหลานชายตาชดไปลักขุดสมบัติที่วัดเก่าในอยุธยาแล้วหนีมาที่บ้านในตลาดน่ะจ้ะ.....พอดีเมื่อคืนตาชดไปนั่งกินเหล้าอยู่ด้วยก็เลยโดนรวบไปด้วย....หมอต้องช่วยฉันนะ” นางเอียดอ้อนว้อนพลางสูดยาดมปื๊ด ๆ เหมือนจะเป็นลม
“งั้นป้ารอเดี๋ยวขอผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยไปดูด้วยกัน”
“แต่...หมอ” เหมียวทำท่าจะค้านเพราะเกรงใจ
“ไปดูหน่อยเถอะเหมียว ผิดถูกก็ค่อยว่ากันไปตามกฎหมาย” เขาฉวยมือเมียสาวให้ตามขึ้นไปบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกัน ในขณะที่นางเอียดค่อยยิ้มออกและกลับไปเตรียมตัวที่จะไปโรงพักไม่หนักใจเท่าตอนแรกที่รู้ข่าว เมื่อเช้าตอนที่มีคนมาบอกมันมืดแปดด้านไปหมด
ทั้งหมดพากันขึ้นมาบนชั้นสองของสถานีตำรวจ สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความวุ่นวาย เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวทั้งจากญาติและผู้ต้องหาที่ถูกจับมาขังรวมกันอยู่ในมุ้งสายบัวชั้นในสุดมีแต่คนอ้างว่าตัวเองบริสุทธ์กันทั้งนั้น ป้าเอียดเดินตรงไปหน้าห้องขังในขณะที่ตาชดร้องหาเมียน้ำตาไหลไม่อายใครเกิดมาจนอายุป่านนี้ไม่เคยต้องขึ้นโรงขึ้นศาลทำให้หวาดกลัวไปหมด
ทางด้านหมอทิวปลีกตัวเข้าไปคุยกับสารวัตรโดยที่เหมียวเลือกที่จะยืนรออยู่ด้านนอกมองลุงกับป้าอยู่ห่าง ๆ เห็นอย่างนั้นก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ยามดีก็ทำเป็นอวดอ้างอหังการแต่พอสิ้นท่าหมดทางกลับทำเหมือนไอ้ด่างหางลู่หูตกหันหาคนปกป้องตัวเองอย่างขี้ขลาด.....
สามีของเหมียวเดินออกมาจากห้องของสารวัตร เธอจึงขยับเข้าไปหาเมื่อเห็นหน้าตานิ่ง ๆ ของเขาเดาไม่ออกว่าผลออกมาเป็นยังไง เธอเข้าไปเกาะแขนจะอ้าปากถามแต่เขาแตะมือเบา ๆ บนหลังมือ ซึ่งเธอเข้าใจว่าเขาคงยังไม่อยากตอบคำถามเธอจึงได้แต่หุบปากเงียบและเดินตามการนำของเขาไปที่หน้าห้องขังตรงที่ป้าเอียดจับมือสามีของแกผ่านลูกกรงน้ำตานองหน้า
“ตำรวจให้กลับบ้านได้แล้วใช่ไหมคะหมอ” นางถามหลานเขยอย่างกระตือรือร้นท่าทางเต็มไปด้วยความหวัง
“หมอ.....บอกให้เขาเอาผมออกไปที คันฉิบหาย.....” ตาชดมองเห็นหมอทิวเดาว่าเขามาช่วยจึงทำเป็นเก่งโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดว่าจะได้ออกไปจากที่นี่แน่ ๆ ไม่เหมือนตอนที่เห็นหน้าเมียใหม่ ๆ ตอนนั้นร้องห่มร้องไห้เพราะไม่รู้ว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่
“ยังออกไม่ได้ครับ” เขาบอกเสียงเรียบเห็นทีจะต้องกลับเข้าไปตกลงกับสารวัตรใหม่ไอ้ที่ขอให้ขังไว้อีกหนึ่งคืนคงจะไม่พอแล้ว
“อะไรนะ อะไรคือออกไม่ได้” ตาแก่ขี้โวยวายตกใจจนตาเหลือก เป็นไปได้ยังไงใคร ๆ ก็รู้ว่าหมอทิวเป็นเพื่อนกับสารวัตรจักรกริชทำไมเรื่องแค่นี้ถึงช่วยไม่ได้ แล้วดูนั่น...นังหลานเนรคุณยังยิ้มหน้าบานอีกต่างหากมันน่าเจ็บใจชะมัด....
“นั่นสิหมอ.....ตาชดไม่ได้ทำผิดเสียหน่อยทำไมถึงไม่ยอมปล่อยสักที” นางเอียดผิดหวังไม่ต่างจากผัว เธอคิดว่าเรื่องจะจบง่าย ๆ เสียอีกมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“คงต้องรออีกสองสามวันจนกว่าจะสอบปากคำเสร็จน่ะป้า ผมไม่แน่ใจว่าทางนี้อาจจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่อยุธยาหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นคงอีกหลายวัน.....ทนหน่อยนะลุง” หมอทิวอ้างส่งเดชพร้อมกับแสดงสีหน้าสีตาราวกับสงสารสองคนนี่เสียเต็มประดา คนแบบนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้างเห็นชัด ๆ ว่ายังไม่สำนึก เผลอ ๆ ถ้าสอบไปสอบมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยมีหวังติดคุกหัวโตเพราะรู้จักกับสารวัตรจักรกริชมานาน นิดหน่อยพอจะขอกันได้ แต่ถ้าผิดชัดเจนล่ะก็...อย่าหวังว่าใครจะวิ่งเต้นได้….
ตาชดปล่อยโฮนั่งลงดิ้นกับพื้นห้องขังราวกับเด็กโดนขัดใจ เหมียวเห็นแล้วไม่รู้ว่าควรขำหรือสงสารก่อนดี….สงสัยสมงสมองไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไรเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวเหมือนพวกป่วยทางจิตเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย.....
“เหมียวเอ็งช่วยหน่อยเถอะนะนึกเสียว่าเห็นกับป้า ช่วยพูดกับหมอให้ไปขอร้องท่านสารวัตรใหม่หรืออยากได้เท่าไรบอกมาได้เลย” นางเอียดลดเสียงเป็นกระซิบคิดจะติดสินบนเจ้าหน้าที่....ถึงแม้เงินจะสำคัญที่สุดสำหรับนางแต่เห็นผัวเป็นแบบนี้แล้วใจคอไม่ดีเกรงจะเสียสติไปจริง ๆ แล้วใครจะทำมาหาเลี้ยงนางล่ะ.....
“โอ๊ย....ป้าจะหาเรื่องให้ผัวหนูไปอยู่ในห้องขังอีกคนหรือไง” เหมียวทำเป็นสะดุ้งตกใจเสียงที่ต่อว่าคนเป็นป้าดังพอจะเรียกความสนใจจากหลายคนให้หันมามอง
“นังเหมียว...เบา ๆ สิวะ”
