ตอนที่4 : ความซวยมาเยือน
[ร้านอาหารไทยสุมันตา]
อันดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับที่พักหลังจากเลิกงาน ร่างบางใช้ชีวิตวนไปเช่นนี้จนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว เธอไม่เคยไปเที่ยว ไม่มีเพื่อน เธอมีแค่ตัวเองที่คอยปลอบใจเวลาที่ท้อหรือเหงา
"กลับดีๆ นะอ้อน"
"ค่ะ พี่เจี๊ยบไปก่อนนะคะ" เสียงหวานกล่าวลาก่อนจะเดินออกจากร้านไปเจอกับอากาศที่เย็นฉ่ำ หิมะร่วงปกคลุมท้องถนนจนเป็นสีขาว
"ฮู่! หนาวๆ รีบกลับดีกว่า"
ตุบ! จู่ๆ ร่างใหญ่ของใครบางคนก็ชนกับอย่างแรงเธอจนเกือบกระเด็น
"ขอโทษทีนะแม่หนู เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ แล้วคุณลุงล่ะคะ" ถึงจะโดนชนแต่เธอก็ยังมีน้ำใจถามคนที่เข้ามาชนเธอทั้งที่พื้นที่มีตั้งเยอะแต่เขาเลือกที่จะเดินมาใกล้เธอ
"ไม่เป็นไร ขอโทษด้วยนะ"
"เออ..ค่ะว่าแต่คุณลุงมาทำอะไรคะ ถ้ามาร้านอาหารตอนนี้ปิดหมดทุกร้านแล้วนะคะ" อันดาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะร้านอาหารละแวกนี้ปิดหมดทุกร้านแถมแถวนี้ยังไม่มีบ้านพักหรืออะไรที่คนสามารถอยู่ได้เลย
"ลุงอาศัยอยู่แถวนี้น่ะ"
"คุณลุงไร้บ้านเหรอคะ" หญิงสาวที่เป็นคนขี้สงสารเริ่มเห็นใจคนตรงหน้า
"จะว่าแบบนั้นก็ได้"
"หิวไหมคะ หนูมีอาหารจากร้านที่ทำงานหนูแบ่งให้ค่ะ" อันดาส่งกล่องอาหารที่เจ้าของร้านให้เธอมาเนื่องจากแม่ครัวทำเมนูที่ลูกค้าสั่งผิดไปหนึ่งโต๊ะ
"หนูเก็บไว้กินเถอะ ลุงไม่เป็นไร"
"รับไปเถอะค่ะ หนูกินแล้ว" อันดายัดกล่องอาหารใส่มือคนตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ ถึงเมื่อวานจะเพิ่งเจอเหตุการณ์ร้ายๆ มาแต่เธอยังสามารถยิ้มให้คนอื่นได้โดยไม่ได้ระวังภัย
"ขอบใจนะ" คนตัวโตที่เดาอายุไว้ว่าน่าจะเป็นวัยกลางคนเดินหายเข้าไปในตรอกซอยที่มืดสนิทข้างร้านอาหารที่เธอทำงาน
"มืดขนาดนั้นไม่กลัวหรือไงกัน" ร่างบางยืนมองชายกลางคนที่คิดว่าเป็นคนไร้บ้านหายเข้าไปในความมืดจนลับสายตาก่อนที่จะตัดสินหันหลังเพื่อกลับที่พัก
เอี๊ยด! เสียงเบรกรถที่จอดสนิทอย่างกะทันหันทำให้อันอาหันมองด้วยความตกใจ
"ไปจับตัวมันมา" เสียงทุ้มกังวานของชายหนุ่มตัวโตที่กำลังก้าวลงจากรถลีมูซีนเอ่ยสั่งงานลูกน้องนับสิบคน
"เอ๊ะ?" ร่างบางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนวิ่งไปทางตรอกซอยที่มืดสนิทข้างร้านอาหารที่เธอทำงาน และเธอจำได้ว่าในตรอกนั้นมีลุงคนไร้บ้านที่เพิ่งให้อาหารกับเขาไป
"คุณลุง?" ด้วยความขี้สงสารและเห็นใจทำให้เธอต้องเลือกทำในสิ่งที่ไม่ควร แต่ถ้าอะไรที่เธอช่วยได้เธอจะไม่รีรอ
ร่างบางค่อยๆ ย่องตามกลุ่มคนชุดดำไปเงียบๆ โชคดีตรงที่เธอยืนก่อนหน้านี้มีต้นไม้บังแถมยังมืดสนิททำให้เธอค่อยๆ ทำตัวเนียนๆ เดินตามความมืดไปกับกลุ่มชายชุดดำนั้นได้อย่างไม่มีใครสงสัย
"ฮู่! เกือบแล้ว" ถึงจะมืดแต่คนพวกนั้นมีไหวพริบดีมากจนเธอตกใจ พวกเขาหันซ้ายหันขวากันแทบทุกวินาทีทำให้เธอต้องมาแอบซุ่มดูเงียบๆ อยู่ในซอกกำแพงที่แสนแคบ
"ไปลากคอมันมา!" เสียงทุ้มกังวานเสียงเดิมดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ เดินเข้ามากลางวงล้อมลูกน้องสิบคนที่ยืนหันรีหันขวางกันตลอดเวลา
อันดาแอบมองทุกอย่างผ่านช่องกำแพงที่มีรอยเจาะแค่พอดูได้ เธออาศัยความตัวเล็กทำตัวลีบๆ เข้ามาอยู่ในซอกกำแพงแล้วรอดูเหตุการณ์ส่วนในมือกำโทรศัพท์แน่นเตรียมโทรแจ้งตำรวจ
"ปล่อย! ปล่อยกู!" เสียงทุ้มของคนหมดทางหนีตะโกนดังลั่นทำเอาคนที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ปิดปากตกใจเมื่อเห็นผู้ชายที่คิดว่าเป็นคนไร้บ้านกำลังโดนคนน่ากลัวพวกนั้นล้อมเอาไว้
"หนีฉันมานานเป็นเดือนสุดท้ายก็มาแอบอยู่ที่รูหนูแบบนี้ น่าสมเพชชะมัด" เสียงเข้มแสนเย็นยะเยือกของชายที่มองยังไงก็รู้ว่าเป็นมาเฟียเอ่ยกับคนตรงหน้าที่นั่งมองพื้นไม่กล้าสบตา
"ผม..ผมขอโทษ ให้โอกาสผมนะครับ"
"โอกาส? โอกาสที่แกจะรอดหรือโอกาสที่แกจะตาย!" วัตถุสีดำสนิทแต่ความเงาของมันทำให้รู้ได้ว่าเป็นปืนกำลังจ่อที่หัวชายคนที่นั่งอยู่กับพื้น
"อย่าฆ่าผมเลยนะ ผมไม่ได้ขโมยข้อมูลมาจริงๆ"
"ยังจะโกหกอีกนะ ไอ้ออสซี่เพื่อนรักแกรู้ไหมจุดจบเป็นยังไง" เอเดนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
"ผม..ผมไม่ได้ขโมยจริงๆ นะครับ ผมไม่รู้เรื่องไม่เชื่อคนตัวผมได้เลย" ชายวัยกลางคนยืนขึ้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เอเดนพยักหน้าให้ลูกน้องค้นตัวและสถานที่รอบๆ เพื่อหาชิปขนาดเล็กที่มีข้อมูลขององค์กรอยู่ในนั้นทั้งหมด
