ตอนที่3 : มัจจุราชสีเทา
"โอ๊ย!! หยุดก่อน"
พลั่ก! เสียงวัตถุแข็งบางอย่างกระทบอย่างแรงเข้าที่อวัยวะของคนที่บังอาจปิดบังความจริง
"โอ๊ย!! เจ็บ!!" เสียงร้องครวญครางดังออกมาต่อเนื่องจากภายในห้องกว้างที่มืดสนิทมีเพียงโคมไฟสีส้มส่องสว่างสลัวอยู่เท่านั้น
พลั่ก! วัตถุแข็งถูกตีกระทบที่หน้าท้องของคนที่กำลังร้องครวญครางอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือ
"โอ๊ย!! ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ"เสียงร้องขอความเมตตาจากชายคนหนึ่งที่ถูกแขวนห้อยไว้กับเสา โดยมีชายตัวโตอีกคนตั้งท่ายกไม้เบสบอลเตรียมจะฟาดเข้าที่ท้องอีกครั้ง
"หยุดก่อน" เสียงเรียบพร้อมกับชายหนุ่มตัวสูง ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามปรากฏตัวขึ้นจากในเงามืด เมื่อสิ้นเสียงของคนที่เดินเข้ามาเหล่าลูกสมุนทำได้แค่ก้มหัวให้อย่างจงรักภักดี
"ฉันให้โอกาสแกอีกครั้งนะออสซี่ ว่าไอ้คาเมลมันไปซ่อนอยู่ที่ไหน" น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ภายใต้หน้าตาเรียบเฉยแบบนั้นสามารถฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน
"ผะ..ผมไม่รู้จริงๆ ครับนาย ผมไม่รู้" คนที่ถูกแขวนห้อยกับเสาปฏิเสธหัวชนฝาไม่ยอมพูดความจริง
"แกจะไม่พูดจริงๆ สินะ ฉันคงต้องให้ลูกแกช่วยบอกแล้วมั้ง!" ขู่ด้วยคำพูดแต่ทุกคนรู้ว่าเขาสามารถทำได้จริงตามคำขู่ ไม่มีอะไรที่คนอย่างเอเดนทำไม่ได้ แม้แต่พวกตำรวจก็ยังไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเขา เพราะเขาอยู่เหนือกฎหมายไงล่ะ
"อย่านะครับนาย อย่าทำอะไรลูกกับเมียผมนะครับ"
"ถ้าไม่อยากให้ยุ่งกับลูก เมียของแก ก็พูดความจริงมาซะ!" คนตัวโตเริ่มมีน้ำโหที่อีกฝ่ายมัวแต่เล่นลิ้นไม่ยอมบอกความจริงเสียที คนอย่างเขายิ่งความอดทนต่ำเสียด้วย
"ถ้าผมบอกไปนายจะไม่ทำอะไรลูกกับเมียใช่ไหมครับ"
"แกอยู่กับฉันมานานออสซี่ แกน่าจะรู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง" เอเดนไม่ตอบคำถามอดีตลูกน้องตรงหน้าแต่กลับถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ไอ้คาเมลมันแอบไปกบดานอยู่แถว..." อดีตลูกน้องหน้าตาฟกช้ำเงียบไปสักพักเพื่อชั่งใจว่าควรบอกดีหรือไม่
"แถวไหน!" คนที่ใกล้จะได้คำตอบแต่อีกคนกลับเงียบไปเสียดื้อๆ ทำให้เริ่มมีน้ำโหอีกครั้ง
"แถวตรอกใกล้ร้านอาหารไทย"
"ร้านอาหารไทย?" เอเดนถามต่อเพราะร้านอาหารไทยในรัสเซียมีเป็นร้อยๆ
"ร้านอาหารไทยสุมันตาครับ" อดีตลูกน้องเอ่ยออกมาชในที่สุด ถึงจะรู้จุดจบตัวเองแต่ชีวิตของลูกและเมียสำคัญที่สุด
"ไปตามล่าตัวมัน!" หันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเสียงดังฟังชัด
"นายครับ"
"อะไร?" เอเดนหยุดชะงักเมื่ออดีตลูกน้องที่เคยจงรักภักดีแต่กลับทรยศเขาอย่างไม่น่าให้อภัยเอ่ยเรียกด้วยสายตาอ้อนวอน
"ผมบอกสิ่งที่นายรู้ไปแล้ว ได้โปรด..ฝากลูก เมียผมด้วย..เฮือก!" อดีตลูกน้องทิ้งคำลาก่อนจะตัดสินใจกัดลิ้นตัวเองเพื่อจบชีวิต ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่อยู่ก็ตายหากเปิดเผยความลับออกไป เขาจึงเลือกที่จบชีวิตตัวเองเสียดีกว่าถูกตามฆ่า
"ฉันเห็นแก่ที่แกเคยเป็นลูกน้องที่จงรักของฉัน ฉันสัญญาว่าลูกกับเมียของแกจะปลอดภัย" เอเดนให้คำมั่นกับร่างไร้วิญญาณของอดีตลูกน้องก่อนจะสั่งให้คนไปคุ้มกันลูกและภรรยาของคนที่เพิ่งจบชีวิตตัวเองไปต่อหน้าต่อตา
"ให้คนไปพาลูก เมียของออสซี่ไปอยู่ที่ปลอดภัย"
"ครับนาย" ลูกน้องรีบรับคำสั่งแล้วรีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอเดนนั่งนิ่งก่อนจะมองภาพไร้วิญญาณของลูกน้อง เขาจัดการปลดโซ่ที่รั้งร่างของอีกคนออกแล้วอุ้มร่างอดีตลูกน้องไปนอนบนโต๊ะสีดำตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางห้องมืดสนิท
"หลับให้สบายออสซี่ แกเลือกทางเดินผิดเองผลที่แกต้องรับก็ต้องเป็นแบบนี้" ชายหนุ่มหน้าตาโหดเหี้ยมจัดการใช้ผ้าสีขาวคลุมร่างไร้วิญญาณของคนตรงหน้า เขาเห็นความตายเป็นเรื่องปกติจนไม่รู้สึกกลัวหรือตกใจแต่อย่างใด
"นายนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ"
"เหมือนเดิมยังไง?" เอเดนขมวดคิ้วสงสัยกับสิ่งคนสนิทเอ่ยขึ้นมา
"เปล่าครับนาย" วาดิมรีบปฏิเสธ ที่บอกว่าเหมือนเดิมคือเอเดนยังเป็นคนที่แข็งนอกอ่อนในเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
"ไปเตรียมรถได้แล้ว เราจะไปล่าไอ้คนทรยศที่บังอาจเอาข้อมูลของบริษัทฉันไปขายให้คนอื่น!" ขายาวก้าวฉับๆ ออกจากห้องมืดที่ใครๆ ก็ต่างเรียกว่าห้องเชือดเพราะไม่ว่าใครได้เข้าห้องนี้มักจะได้ออกมาแค่ร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น
"ได้เบาะแสบ้างหรือเปล่า?" เมื่อขึ้นรถก็เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
"ครับนาย ดูเหมือนว่าที่ไอ้ออสซี่พูดจะเป็นเรื่องจริงครับ ข้างร้านอาหารไทยมีตรอกแคบๆ ที่เป็นเหมือนแหล่งกบดานอยู่ครับ" วาดิมผู้เป็นลูกน้องมือขวาคนสนิทที่แสนจงรักภักดีเอ่ยบอกกับผู้เป็นเจ้านายถึงข้อมูลที่หามาได้
"ดี! ไปกันเลย" เสียงทุ้มสั่งเสียงเรียบก่อนที่รถลีมูซีนคันหรูจะค่อยๆ แล่นสู่ท้องถนนในเมืองอันกว้างใหญ่ เอเดนนั่งนิ่งบนรถอย่างใจเย็นเพราะยังไงวันนี้เขาต้องได้ตัวคนทรยศ
