บทที่ 1 ยักษ์แบก (4)
แก้วศิลาพ่นลมหายใจดังพรืดจนเส้นผมที่ตกลงมาปิดหน้ากระจาย รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย ไม่ว่าผลคำทำนายจะออกมาเป็นลบ หรือบวก ยังไงเธอก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ มันก็เท่านั้น...
เปรี้ยง!!
เสียงอสนีบาตดังกึกก้องจนพื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน ตามมาด้วยเสียงครืนคำรามน่ากลัวราวฟ้าถล่มติด ๆ กัน ปลุกให้ร่างแน่งน้อยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าแพรผืนบางสะดุ้งเฮือกหลุดจากห้วงความฝันตื่นขึ้นมา
เม็ดเหงื่อยังจับหน้าผากของหญิงสาว หัวใจยังเต้นแรง พอกวาดสายตาไปรอบห้องแก้วศิลาก็ผ่อนลมหายใจออกมา ลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างไม้เข้าหากันพร้อมทั้งใส่กลอนแล้วกลับมาล้มตัวลงบนเตียงตามเดิม
แต่เพราะฝนฟ้ายังแรง เสียงคำราม ฟ้าแลบ ฟ้าผ่าเธอจึงหลับต่อไม่ลง
อีกประการเสียงฟ้าผ่าเมื่อครู่มันทำให้เธอหลุดจากห้วงความฝัน ความฝันในวัยเด็กที่มีแต่ภาพเดิม ๆ ซ้ำมาซ้ำไป เพียงแต่ความฝันในคืนนี้มีภาพเหตุการณ์มากกว่านั้น
เธอฝันเห็นตัวเองในวัยเด็ก อายุประมาณแปดหรือเก้าขวบ เป็นภาพที่เคยเกิดขึ้นจริง คุณครูประจำชั้นได้พาเธอและเพื่อน ๆ ไปทัศนศึกษาที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งวัดนั้นก็คือวัดที่เธอพาลูกทัวร์ไปไหว้พระเมื่อวันก่อน
ในห้วงความฝันเธอเห็นยักษ์ตัวแดง ที่แอบตั้งฉายาให้ว่า ‘พี่ยักษ์ซดน้ำร้อน’ ยืนทำหน้าบูดบึ้งกึ่งโมโหกึ่งคล้ายร้องไห้ สองขาถ่างออก สองมือแบกพระปรางค์ประธานไว้
เห็นแล้วก็เวทนาน่าสงสารนัก...
‘พระปรางค์นี้สร้างก่อนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นสิริมงคลให้ผู้คนได้กราบไหว้’
‘คุณครูคะ ทำไมพี่ยักษ์ต้องยืนทำท่าประหลาดด้วย ตรงนั้นก็มี ตรงนู้นก็มี’ แก้วศิลาถามขึ้นทั้งยังชี้นิ้วให้ครูประจำชั้นดู
‘ยักษ์พวกนี้คือรูปปั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อความสวยงามตามหลักคติจักรวาลค่ะ’
ไม่เข้าใจ... อะไรคือคติจักรวาล
แก้วศิลาได้แต่ยืนมองรูปปั้นพี่ยักษ์ตัวโตด้วยความสงสัย
‘แล้วพี่ยักษ์จะหนักไหมคะ?’
‘ตามความเชื่อยักษ์นั้นแข็งแกร่ง มีพละกำลังมหาศาล แบกพระปรางค์แค่นี้สบายมาก’
‘รู้ได้ไงว่าสบาย!’
แก้วศิลานิ่วหน้าเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของใครสักคนดังขึ้น แต่มองซ้ายมองขวาเธอก็ไม่เห็นใครเลย จะมีก็แต่เพื่อนนักเรียนในห้องที่เดินห่างออกไป
‘ครูคะ พี่ยักษ์จะร้อนไหม แดดร้อนแบบนี้ บางวันก็มีฝนตกพี่ยักษ์จะเป็นหวัดไหม?’
‘แก้วศิลา ยักษ์ตรงหน้าของหนูเป็นแค่รูปปั้นไม่มีชีวิตค่ะ เดี๋ยวคุณครูพาไปไหว้พระข้างในพระปรางค์นะคะ’
แม้คุณครูจะพานักเรียนคนอื่นเข้าไปในพระปรางค์แล้ว แต่แก้วศิลาก็ยังยืนจ้องหน้ารูปปั้นยักษ์สีฟ้าอยู่ รอบพระปรางค์มียักษ์น้อยใหญ่มากมาย แต่ยักษ์ตนนี้ตัวโตกว่าใครเพื่อน ซ้ำยังแต่งกายแตกต่างจากยักษ์ทุกตน เธอถึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ
‘หิน ไปได้แล้ว’ เพื่อนสนิทสะกิดเรียก แต่แก้วศิลาก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน นอกจากเงยหน้ามองพี่ยักษ์
‘สงสารพี่ยักษ์จัง ไม่รู้ทำผิดอะไรต้องมาแบกพระปรางค์แบบนี้’
‘คุณครูบอกแล้วไงว่าเป็นแค่รูปปั้นไม่มีชีวิต ไปกันเถอะ คุณครูไปนู่นแล้ว’
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกเพื่อนสนิทลากตัวให้ไปรวมกลุ่มกับคุณครู แม้จะเดินจากมาแต่แก้วศิลาก็ไม่วายหันไปมอง แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกตาดำมะเมื่อมของพี่ยักษ์ซดน้ำร้อนย้ายสายตามาที่เธอ!!
‘แป้ง! ยักษ์ ยักษ์...’ แก้วศิลาได้แต่ชี้นิ้วไป แต่พูดอะไรไม่ออก
‘ยักษ์ทำไม?’
‘ลูกตายักษ์ขยับได้! ยักษ์มองเราอยู่’ กว่าจะพูดออกมาได้เธอแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
‘ไม่เห็นมีเลย ตาฝาดแล้ว ไปกันเถอะ’
เธอถูกเพื่อนสนิทลากตัวเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่น ภาพรอบตัวหมุนติ้วจนน่าเวียนหัว แล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่งเมื่อเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้าพี่ยักษ์ซดน้ำร้อนอีกครั้ง
แก้วศิลาจับจ้องดวงตาดำมะเมื่อมของยักษาอยู่แบบนั้น
เธอไม่ได้ตาฝาด!
เมื่อครู่เธอเห็นยักษ์กะพริบตาได้จริง ๆ
