บทที่ 1 ยักษ์แบก (2)
แค่เห็นก็สะดุดตาเป็นอย่างมาก...
ไม่ใช่เพราะการแต่งกายที่โดดเด่นของเขาเพียงอย่างเดียว ที่สะดุดตาแต่แรกเห็นคือหน้าตาหล่อเหลาของเขา หน้าตาของคนผู้นี้คมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มหนาและขมวด ดวงตาคมดุทรงอำนาจ และริมฝีปากเป็นรูปกระจับรับกับใบหน้า
ไม่รู้ว่าเขามองอยู่นานแค่ไหน ทว่าสายตามุงมาดแน่แน่ว ที่จับจ้องมายังทิศทางที่เธอยืนอยู่ มันก็ส่งผลให้หายใจไม่สะดวก เหมือนว่าสายตาคู่นี้มีอำนาจบางอย่างแฝงอยู่และมันสะกดให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
แก้วศิลาถอนสายตาจากคนผู้นั้นแล้วมองไปรอบ ๆ บางทีเขาอาจจะมองคนอื่นก็ได้ แต่ตรงบริเวณที่เธอยืนไม่มีใครเลย เธอย้ายสายตากลับมาที่เขาอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขายังเอาแต่จ้องมองเธออย่างเสียมารยาท
ในวินาทีนั้นแก้วศิลาตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาเพื่อถามเขา แต่ลูกทัวร์ก็เรียกเธอให้ช่วยถ่ายรูปให้เสียก่อน
“คะ?”
“รบกวนถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ”
ก่อนเดินจากไปแก้วศิลาได้หันกลับไปมองคนผู้นั้นอีก แต่เขาก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว...
แม้จะติดใจว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่คิดไปคิดมาบางทีอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ของทางวัดก็ได้ เดี๋ยวนี้มันมีกระแสแต่งชุดไทยเที่ยววัด หรือไม่ก็ใส่ชุดไทยเที่ยวตลาดน้ำ เมืองจำลองโบราณเทือก ๆ นี้มีมากมาย แม้แต่ชาวต่างชาติที่มาเมืองไทยยังแต่งชุดไทยเที่ยวเลย ดังนั้นการเห็นคนใส่ชุดไทยในวัดจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
แก้วศิลาเดินตามลูกทัวร์ไปหน้าพระปรางค์ ทว่า... ทันทีที่หญิงสาวคล้อยหลังไป เจ้าของร่างใหญ่โตมหึมาสูงเท่าพระปรางค์ก็ปรากฏกายเป็นเงาจาง ๆ รูปบางโปร่งใสที่เกิดจากมนตร์กำบังกายทาบทับพระปรางค์
สายตาหมายมาดคมดุตามเชื้อเผ่าพันธุ์เป็นประกายระยับคราเห็น ‘นางเนื้อ’ ซึ่งเป็นเป้าหมาย ริมฝีปากแดงฉานคล้ายย้อมด้วยโลหิต มีเขี้ยวขาวโง้งแย้มยิ้มสมฤดี หากเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ขนหัวลุกแก่ผู้พบเห็นมากกว่า
“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า นังลูกมนุษย์ตาใส” อสุราหนุ่มรำพันอย่างดีใจยิ่งยวด หากแต่หางเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับเป็นเสียงของฟ้าคำราม ทั้งที่แสงแดดเจิดจ้าไร้เมฆฝน!!
ลมเย็นลูบไล้ผ่านยอดไม้พาให้โมบายแก้วที่ห้อยไว้เป็นทิวแถวเกิดเสียงไพเราะ เบื้องหน้าคือแม่น้ำสายหลักของภาคกลางหล่อเลี้ยงชีพชาวไทยมาหลายยุคหลายสมัย
ฝั่งตรงข้ามคือตึกรามบ้านช่องที่เรียงซ้อนกัน คราลมเย็นลูบไล้ผ่านก็หอบเอากลิ่นของดอกลีลาวดีโชยจาง ๆ เข้าจมูกหญิงสาว ที่หน้าตางดงามราวกับนางในวรรณคดีไทย
แก้วศิลานั่งเอาขาแช่น้ำเล่นสูดกลิ่นหอมเข้าปอดลึก แม้บรรยากาศรอบกายจะสงบเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แต่จิตใจของเธอในตอนนี้กลับไม่สงบเอาเสียเลย
ทุกครั้งที่มีปัญหาหรือมีเรื่องให้คิดไม่ตก แก้วศิลามักจะมานั่งสงบอารมณ์ที่นี่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน...
หญิงสาวเชื่อว่าความสงบจะช่วยให้สมองปลอดโปร่ง จากนั้นวิธีแก้ปัญหาก็จะตามมา แต่เธอนั่งอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรดี
จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมเสียงกระแอมไอ แก้วศิลาก็หลุดจากภวังค์ความคิด
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?”
เจ้าของวงหน้าหวานส่ายหน้าจนเส้นผมสะบัดตาม “หนูโดนพักงาน”
“อ้าว” คนเป็นป้าอุทาน ทิ้งตัวนั่งบนพื้นกระดานข้าง ๆ หลานสาว “ไม่สบายใจเรื่องอะไร ระบายกับป้าได้นะ”
คนเป็นหลานยิ้มเฝื่อน ทอดสายตาไปยังผืนน้ำที่ระยิบระยับเพราะแสงแดด
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ อาทิตย์ก่อนหนูไปงานเลี้ยงวันเกิดของบอส ไปกับเพื่อน ๆ ไกด์ด้วยกันนี่แหละ แต่ไม่รู้มือดีคนไหนปล่อยข่าวว่าหนูเป็นเมียน้อยของบอส พอซ้อใหญ่รู้เรื่อง หนูเลยถูกสั่งพักงาน เฮ้อ...” เล่าถึงตรงนี้คนถูกสั่งพักงานก็ถอนหายใจหนักๆ
“แค่ข่าวลือ เมียเจ้านายเราก็เชื่อเหรอ เออ... คนสมัยนี้หูเบากันเนอะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นสิคะป้า พอดีมีภาพหลุดตอนหนูเมาแล้วไปซบไหล่บอสเข้า หนูจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ซ้อรู้เรื่องถึงได้โกรธมาก”
