บท
ตั้งค่า

อ่อยครั้งที่ 3

ก็อก ก็อก ก็อก

ผมตวัดสายตาไปมองที่ประตูตามเสียงเคาะที่ดังเป็นจังหวะ ก่อนจะเดินไปเปิดให้

“ผมคิดว่าคุณเฮเลนยังไม่ตื่น” ครามว่าด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ผมจิ๊ปากใส่มันเล็กน้อยแล้วเดินมานั่งลงที่เตียงอย่างหงุดหงิดพลางเหลือบไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดโมงเช้า...ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้มาหลายปีแล้วนะ!

“รีบใส่สูทเถอะครับ จะได้ทานอาหารวันนี้เราต้องเข้าบริษัท” ร่างสูงว่าแล้วหยิบเสื้อสูทสีดำสนิทมาให้

พรึบ ตุบ

“ฉันไม่ใส่ไอ้นั่นแน่ๆ” ผมปัดเสื้อสูทนั่นทิ้งลงพื้นแล้วลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์ วันนี้จะเป็นวันแรกที่ผมต้องเข้าไปบริหารบริษัท และเป็นวันแรกที่ผมได้เหยียบบริษัทของบ้านตัวเอง!

ถ้าเกิดผมไม่ไปล่ะก็ จากที่ผมใช้เงินวันละหลายพันคงเหลือวันละร้อยกว่าบาทแน่ๆ

เฮเลนไม่ยอม!

“ทำหน้าแบบนั้นไม่ดีเลยนะ” ครามพูดเสียงแผ่ว ผมหันไปหามันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่คราม

“แล้วแกจะให้ฉันทำหน้ายินดียิ้มแย้มงั้นหรอคราม! ฮึ้ย! แม่นะแม่ ไหนบอกว่าอยากกลับมาที่บ้านเพราะอยากกลับมาหาลูกชาย ไหงทิ้งคำสั่งให้ฉันไปบริหารงานแล้วหนีไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียวล่ะ แล้วบริษัทที่อยู่ต่างประเทศอีกใครจะเป็นคนดูแล”

“เรื่องบริษัทตามประเทศต่างๆ เลขาส่วนตัวของคุณนายจะคอยดูครับ คุณเฮเลนไม่ต้องห่วง” ครามว่า ผมก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยไม่ต้องการคำตอบสักหน่อย

“ถ้าไม่ติดว่าโดนยึดเงินฉันไม่ไปบริหารหรอกนะ บอกแล้วนี่ว่าฉันยังต้องการสีสันชีวิต ชิ๊! คอยดูนะแม่ ภายในเวลาหนึ่งปีเฮเลนคนนี้จะบริหารกำไรให้มากกว่าเดิมสองเท่าแล้วจะไม่กลับไปเหยียบบริษัทอีกเลย!!” ผมชูกำปั้นขึ้นมาตรงหน้าและให้คำมั่นสัญญาก่อนจะลงมาทานอาหารและเตรียมพร้อมสำหรับไปบริษัท

“ว่าแต่ครามแกจะมาเป็นเลขาของฉันรึเปล่า?” ผมเอ่ยถามเพราะเห็นคุณแม่บอกว่าจะให้ครามช่วยเรื่องงาน และครามก็เป็นคนคอยดูและเป็นคนสนิทของผมอยู่แล้ว แต่ว่าครามกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“อ้าว”

“เห็นว่าผู้จัดการบริษัทที่สาขาใหญ่ที่นี่มีฝีมือและเก่งมาก คุณนายเลยให้เขามาทำงานเป็นเลขาแทนครับ” ผมพยักหน้าส่งๆ

“คงเป็นป้าเรื่องมากแหละมั้ง”

“ผมเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” ผมหยักไหล่ไม่สนใจ ตาก็เหลือบมองทางที่ไม่คุ้นเคยเพื่อจดจำเส้นทางไว้เพราะผมไม่เคยมาแถวนี้จริงๆ ครับ ถนนเส้นนี้อุดมสมบูรณ์ดีครับ คือมีของกิน ของขาย ร้านค้า ห้าง สวน โรงเรียน วัด คลีนิค เรียกได้ว่าครบทุกอย่างเลย

ไม่นานพวกเราก็มาถึงบริษัทใหญ่ บริษัทนี้เป็นแห่งแรกที่คุณตาคุณยายสร้างขึ้น และพอมารุ่นคุณพ่อคุณแม่ท่านก็ขยายไปสร้างบริษัทที่ต่างประเทศและคุมงานที่นั่นจนกิจการของเราเจริญเติบโตขึ้นมา

แต่ดูท่าว่ามันน่าจะจบลงที่รุ่นผมนี่แหละ

“นายเคยมารึเปล่าคราม” ผมเอ่ยถามเมื่อครามดับรถ สองข้างถนนมีพนักงานมากมายยืนรอพวกเรา ครามส่ายหน้าก่อนจะลงไปก่อนและเปิดประตูให้ผม เมื่อผมก้าวลงจากรถพนักงานทุกคนต่างปรบมือใหญ่ทำเอาผมเขินไปเลย

“ยิ้มหน่อยซิครับ” ครามที่อยู่ข้างๆ ว่า ผมชะงักก่อนจะยิ้มกว้างรู้สึกเกร็งไปหมด ผมมองพนักงานทุกคนก่อนจะชะงักกับผู้ชายในชุดสูทสีกรมท่าที่ถือดอกไม้และกำลังเดินมา ร่างสูงสง่าผ่าเผยยิ้มเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าหล่อคมนั่นมีเสน่ห์ขึ้นมา ทรงผมที่ผู้ชายตัดแล้วดูปกติสำหรับผม แต่พอผู้ชายคนนั้นตัดมันช่างเข้ากับเขาเหลือเกิน อื้อหือ ท่อนแขนใหญ่ล่ำแม้จะใส่เสื้อ ใส่สูทผมยังสามารถมองทะลุไปเห็นยังกล้ามเนื้อของเขาได้ ผิวสีแทนที่ชวนบาดใจ แล้วไอ้นั่นที่มัน ตุง แม้จะอยู่ในเวลาปกติ

ให้ตายเถอะ

ถูกใจเฮเลน!!

“คะ คราม...ใครน่ะ...” ผมใช้ศอกกระทุ้งไปที่สี่ข้างของคนข้างๆ แล้วเอ่ยถาม ครามหันมามองตามผมก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“ไม่รู้เหมือนกันครับ อ่า...ที่ป้ายชื่อเขียนว่าเลขาณุการ แหม แต่วตัวน่านับถือ ต่างจากคุณเฮเลนเลยนะครับ สูมก็ไม่ใส่” ผมกรอกตามองบนมันที่แขวะผมก่อนจะหันไปหาเลขาคนนั้น

นี่อย่าบอกนะว่า

“สวัสดีครับ ผม ขุนพล รับตำแหน่งเลขาณุการ เลขาของคุณเฮเลนครับ”

บิงโก! ส้มหล่นแล้วเรา!

ตอนแรกก็คิดว่าเลขาจะเป็นป้าแก่ๆ หนังเหี่ยวที่ชอบจี้ชอบกฎระเบียบ แต่ไหงกับเป็น ชายหนุ่มรูปหล่อขยี้ใจเฮเลนแบบนี้ได้...

“แม่ไม่บอกตั้งแต่แรกว่าเลขาหล่อขนาดนี้ ถ้ารู้นะจะมาทำงานที่นี่ตั้งแต่ยังไม่จบมอปลายเลย!!” ผมคิดในใจก่อนจะรับช่อดอกไม้ที่ส่งกลิ่นชวนปวดหัวเพราะมันหอมเกินไป แต่มนนาทีนี้ วินาทีนี้อะไรๆ มันก็ดีหมด

“เฮเลนครับ จะมารับตำแหน่งประธานตั้งแต่วันนี้” ผมดัดเสียงให้ดูเล็กน่ารักแล้วส่งยิ้มใสซื่อให้กับขุนพล ร่างสูงตรงหน้าชะงักตาโตขึ้นเล็กน้อย ผมแอบเห็นว่าใบหูของเขามีสีแดงระเรื่อด้วย

เขินหรอ!!

“ครับ ยินดีที่ได้ร่วมงาน พวกเราทุกคนในบริษัทพร้อมจะทำงานอย่างตั้งใจ”

“ผมเองก็ต้องขอความคิดเห็นคำแนะนำจากทุกคนด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไหร่ คงต้องให้คุณขุนพลช่วยสอนอย่างมากเลย” ผมพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข

“อะแฮ่ม!” แต่ไอ้มารผจญมันก็มาขัดขวาง

“ผมคราม ปกติทำหน้าที่เป็นคนดูแลคุณเฮเลน แต่ครั้งนี้ผมจะมาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขา ถ้ามีอะไรช่วยตักเตือนแนะนำด้วยนะครับ” ครามว่าแล้วยื่นมือออกไป ขุนพลพยักหน้าแล้วยื่นมือจับกับคราม

เดี๋ยว

ทำไมกูไม่ได้จับ?

“อะเอ่อ....” ผมยิ้มแล้วยื่นมือออกไปบ้าง ขุนพลหันมามองงงๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือผม...

ฟินนนนน~~

“คุณเฮเลนเป็นคนที่ยิ้มเก่งจังเลยนะครับ คุณนายบอกว่าคุณเฮเลนเป็นคนร่าเริงน่าจะเข้ากับพวกเราทุกคนได้ แต่ผมกลับคิดว่าพวกเราคงไม่คิดอยากใฝ่สูงหรอกครับ”

“หูยไม่เป็นอะไรเลยครับขุนพล เข้าเลยเข้ามาเลย^^” ขุนพลชะงักขมวดคิ้วงงๆ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ

“เราเข้าบริษัทกันเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูรอบๆ” ผมพยักหน้า ส่งดอกไม้ให้ครามแล้วชี้หน้ามันเมื่อมันกำลังจะเดินตาม ก่อนจะส่งยิ้มไปให้มันอย่างเสแสร้ง

“แหม ครามปวดหัวอยู่ไม่ใช่หรอ ไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวผมจะไปดูรอบๆ บริษัทกับคุณขุนพลสองคน ไม่ต้องห่วงนะครับ” ไอ้ครามอ้าปากค้างก่อนจะถอนหายใจ

“ครับคุณเฮเลน” ดีมาก!

“แต่ว่า” ขุนพลหันมามองผมกับครามอย่างลังเล แต่ผมยิ้มและจับแขนของเขาไว้อย่างสนิทสนม แหม ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะจะมาถือเนื้อถือตัวอะไรกัน จับตั้งแต่เนิ่นๆ นี่แหละดี!

“เราไปกันเถอะครับคุณขุนพล ผมอยากเห็นภายในจะแย่” ขุนพลพยักหน้าแล้วเดินนำไป ส่วนผมก็เดินตามอย่างมีความสุข พนักงานที่มายืนรอก็แยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ

ขุนพลพาผมมาเดินตามชั้นต่างๆ ที่ถูกแบ่งเป็นแผนกไว้ ทั้งตึกมีทั้งหมด สิบชั้นและชั้นดาดฟ้า ส่วนชั้นที่สิบชั้นบนสุดเป็นชั้นของฝ่ายบริหารที่มีห้องทำงานส่วนตัวผมและห้องประชุมต่างๆ

“ต่อไปเราไปดูห้องทำงานของคุณเฮเลนกันนะครับ” ขุนพลหันมาบอก ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ห้องของผม แล้วห้องของคุณขุนพลล่ะ? เราไม่ได้ทำงานห้องเดียวกันหรอ?” ขุนพลส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

“ไม่ได้ครับ ผมเป็นแค่เลขา ห้องทำงานของผมจะอยู่ชั้นสิบข้างหน้าลิฟท์ครับ ใครไปใครมาผมก็จะได้รู้ และส่งเอกสารง่ายๆ ไม่ต้องเดินไกล” ผมขมวดคิ้วไม่พอใจ และส่งสัยจะเผลอทำหน้าไม่พอใจออกไปจริงๆ

“หรือว่าคุณเฮเลนต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ครับ ผมจะได้ย้ายไปข้างล่าง”

“โอ๊ะ ไม่ต้องครับไม่ต้อง ไม่ต้องเลย ผมแค่คิดว่า...” ผมขยับตัวเข้าไปใกล้กับขุนพลมากขึ้น และเพราะตอนนี้เราอยู่ในลิฟท์กันสองต่อสองมันยิ่งสร้างความลุ้นระทึกให้หัวใจปั่นปวนชวนเสียวท้องน้อย

“คิดว่า คุณกับผมควรจะทำงานในห้องเดียวกันนะครับ ผมไม่ค่อยมีประสบการณ์ คุณจะได้สอนงานและ...เรื่องต่างๆ ให้ผมได้มากขึ้น” ขุนพลเม้มปากแน่นมองผมที่ขยับเข้าไปใกล้และเริ่มหายใจแรงขึ้น ผมอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีร่างสูงที่เหมือนจะระทึกปั่นป่วนไปกับผม

“อะ เอ่อ...ถ้าคุณเฮเลนต้องการแบบนั้น ก็ ได้ครับ...” ผมเผยยิ้มออกมาก่อนจะถอยตัวและมองอีกคนด้วยสายตาดีใจที่แกล้งทำขึ้นมา

“ดีใจจัง ขอบคุณนะครับคุณขุนพล”

ติ้ง

ผมกับขุนพลเดินก้าวออกจากลิฟท์ เบื้องหน้าของผมคือชั้นสิบ ชั้นนี้ดูจะหรูหรากว่าชั้นก่อนๆ รอบด้านเป็นกระจกที่ใสจนมองทะลุทั่วเมืองหลวงซึ่งชั้นอื่นๆ ก็เป็น แต่ดูแล้วชั้นนี้จะเป็นกระจกที่ดี หรูกว่า แถมชั้นนี้ยังไม่มีใครเลยสักคนมีแต่ห้องประชุมสามสี่ห้อง นอกนั้นโล่ง...

เดี๋ยวนะ

“ที่จริงคุณเฮเลนไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะครับ ถึงผมจะอายุมากกว่าแต่มันก็แปลกๆ เรียกผมว่าขุนพล หรือ พลปกติก็ได้” ผมพยักหน้ารับก่อนจะมองไปรอบๆ ซ้ายที ขวาทีอีกครั้ง

“ได้เลยครับ พล ว่าแต่พลครับ ชั้นนี้ไม่มีคนอยู่เลยหรอ?”

“ครับ เมื่อก่อนผมทำงานที่ชั้นนี้ในห้องทำงานของคุณเฮเลนเพื่อบริหารแทน รอคุณมา คนที่จะเข้าออกมีแค่หัวหน้าของแต่ละแผนก และเด็กฝึกงานที่คอยส่งเอกสาร แต่ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคุณครามครับ หลังจากวันนี้ชั้นนี้คงมีแค่ คุณเฮเลน ผม คุณครามที่ขึ้นมาบ่อยๆ ยกเว้นวันที่มีประชุมต่างๆ” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินตามอีกคนที่จะพาผมเดินไปที่ห้องทำงาน

แต่สายตาจองผมก็เหลือบไปเห็นห้องสีดำสนิทห้องหนึ่ง....ผมคิดอะไรดีๆ ออกแล้ว

“นี่ ขุนพลผมอยากไปดูห้องนั้น”ผมพูดแล้วชี้ไปที่ห้องดำ ขุนพลชะงักก่อนจะพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

“ได้เลยครับ นั่นคือห้องประชุมผู้บริหาร ชั้นนี้จะมีห้องประชุมสี่ห้อง ห้องนี้จะเป็นห้องใหญ่สุด” ขุนพลพาผมเปลี่ยนทิศทางแล้วเดินมาหยุดที่ห้องประชุมห้องสำดำ

“ห้องนี้เป็นห้องที่เราสั่งออกแบบพิเศษ ถ้ามองจากด้านในเราจะเห็นทุกคน 360องศา เห็นทุกส่วนในชั้นและเห็นวิวด้านนอก แต่ไม่สามารถมองจากด้านนอกได้อย่างที่คุณเฮเลนเห็น ถ้าเรามองจากด้านนอกมันจะเป็นห้องดำสนิท คุณผู้ชายให้ออกแบบไว้เพื่อจะได้คิดไอเดียใหม่ๆ น่ะครับ” ผมพยักหน้า ดีเลยห้องแบบนี้

“ถ้าเราทำอะไรในห้องนี้คนข้างนอกไม่เห็นใช่มั้ย?”

“ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ” ผมยิ้มกว้างแล้วผลักประตูเข้าไป ข้างในเป็นห้องกว้างและโปร่ง มองเห็น 360องศาจริงๆ เห็นรอบๆ ชั้นนี้สามด้านและอีกด้านเห็นวิวของเมือง

“นอกจากนี้ก็เป็นห้องประชุมทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษครับ”

“มีซิ” ผมหันไปว่า ขุนพลชะงักทำหน้างงก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อผมผลักเขาไปที่โต๊ะประชุมที่เป็นทรงตัวยู

“คุณเฮเลน...”

“หลังจากนี้มันกำลังจะมีสิ่งพิเศษครับ” ผมยิ้มหวาน ขุนพลใบหน้าแดงก่อนจะอ้ำๆ อึ้งๆ

“ขุนพล....ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ หน้าแดงหมดแล้ว” ขุนพลส่ายหน้าไปมา

“ผม ผมเปล่า...”

“ขุนพล ทำไมคุณถึงน่ารักขนาดนี้ล่ะ” เมื่อผมพูดออกไปขุนพลก็เบิกตากว้างตกใจ

“นะ น่ารัก ผะ ผมน่ะหรอ...น่ารัก” ผมพยักหน้าแล้วซบใบหน้าลงกับแผ่นอกหนาที่กระเพื้อมขึ้นอย่างแรงและถี่

“อกคุณมันแน่นดีจริงๆ....มันทำให้ผมอยากนะขุนพล”

“ยะ อยาก อยาก...อะ อะไรครับ...” ผมช้อนตาขึ้นมองอีกคนด้วยแววตาแสดงความต้องการที่ปิดไม่มิด

“คุณไม่รู้จริงๆ หรอ?”

“คุณเฮเลนครับ ผมว่าปล่อยผมเถอะ คือ ผมว่ามันไม่เหมาะ...” ผมชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกแขนคล้องคออีกคน

“เหมาะไม่เหมาะใครตัดสินกัน ชั้นนี้ไม่มีใครเพราะฉะนั้นไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยขุนพล ผมรู้สึกชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วล่ะ” ขุนพลเบิกตากว้างใบหน้าแดงก่ำจนผมอดหัวเราะไม่ได้

“ชะ ชอบ ชอบผม แต่...เราเพิ่งเจอกันเมื่อครึ่งชั่วโมง...”

“ผมชอบคุณตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว ทั้งหน้าตา สีผิว ร่างกายใหญ่โตแบบนี้ มันทำให้ผมตัวสั่นระริกอยากจะกอดคุณจะแย่” ผมว่าแล้วคล่อมร่างสูงไว้ ขุนพลเอนตัวลงนาบไปกับโต๊ะประชุมแล้วยกมือปิดหน้า

“ผม ผมน่ะ....ผม....”

“คุณไม่ชอบผมหรอ? เพราะผมเป็นผู้ชาย หรือ เพราะผมหน้าตาไม่ดีกัน?” ขุนพลส่ายหน้าไปมาก่อนจะแหวกนิ้วแล้วมองผม ให้ตาย ตัวใหญ่ผิวเข้มภายนอกดูจะแกร่ง แข็งแรง แต่ไหงกับอ่อนดูนุ่มนิ่มแบบนี้นะ เล่นเอาผมกลายเป็นรุกไปเลย!

“ว่าไง ไม่ชอบผมหรอ?”

“ปะ เปล่าครับ”

“แล้วชอบหรือไม่ชอบ?” ขุนพลพยักหน้าหงึกหงัก

“ผม....ชอบคุณเฮเลน คะ คุณ...ยิ้มน่ารัก เห็น ละ แล้ว....ใจสั่น” ผมชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น จู่ๆ ใจก็สั่นเต้นตึกตักขึ้นมา

“ระ หรอ...ถ้างั้น เราสองคนก็ใจตรงกันซินะ ไหนๆ เราก็อยู่กันสองต่อสองในห้องแบบนี้” ผมว่าเสียงเบาแล้วจับมือหนาที่ปิดหน้าออก หน้าของขุนพลแดงมากอย่างที่ผมไม่เคยเห็น เจ้าตัวเม้มปากแน่นมองผมด้วยแววตาสั่นๆ แต่มันเหมือนเป็นการเชิญชวนให้ผมกระทำชำเรากับเขามากกว่า

“คุณเฮเลน....ทำไมถึง...”

“หึ คุณน่ะน่ารักจริงๆ” ให้ตาย ผมทำตัวเหมือนพวกโจรที่หื่นกระหายจริงๆ พอว่าจบ ผมที่กำลังจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้กับร่างสูงเพื่อที่จะมอบจูบดุเดือดให้เขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

“คุณเฮเลนผมรู้นะว่าคุณอยู่ในนั้นและกำลังจะทำอะไร ผมจะนับหนึ่งถึงสิบจัดการให้เรียบร้อยแล้วรีบมาทำงานของคุณซะ” เสียงนิ่ง ทุ้มของครามทำให้ผมกับขุนพลชะงัก

“คะ คุณเฮเลน...”

“ให้ตายเถอะคราม แย่จังนะครับเราสองคนกำลังจะได้เชื่อมความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว”

“เชื่อม...”

“ไว้รอบหน้าเตรียมตัวเลยครับ เพราะผมเฮเลนคนนี้ถูกใจคุณแล้ว จะไม่ปล่อยคุณแน่ๆ จุ๊บ!” ผมส่งจูบและกระพริบตาให้ขุนพล ร่างสูงชะงักหน้าแดงอีกครั้งนั่นก็ทำให้ผมมีความสุขแล้วล่ะ

หวังว่าการทำงานครั้งนี้ของผมคงจะมีเรื่องดีๆ นะ อย่างน้อย

ผมก็ต้องได้เลขาเป็นผัวล่ะวะ!!

100%

#โปรดติดตามตอนต่อไป...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel