อ่อยครั้งที่ 2
Rrrrrr
เสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยจากมือถือของผมทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
พรึบ
“กี่โมงแล้วเนี่ย!” ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่าห้องทั้งห้องสว่างจ้าอย่างกับว่าตอนนี้น่ะบ่ายโมงแล้ว
“บ่ายโมงแล้วครับ”
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งตกใจแล้วหันไปหาคนข้างๆ ก็เห็นว่าชิน เด็กผู้ชายที่ผมมานอนด้วยเมื่อคืนกำลังนอนอ่านหนังสือและเปลือยกายอยู่ข้างๆ บนเตียง
“บ่ายโมงแล้วหรอ...จริงซิ ครามแน่ๆ” ผมรีบลุกจากเตียงโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเปลือยอยู่ ก็แหม เมื่อคืนก็เห็นกันมาหมดแล้วนี่ครับ พอจับมือถือขึ้นมาดูพบว่าคนที่ติดต่อมาก็คือครามจริงๆ และไม่ใช่แค่สายเดียวนะ
“ยี่สิบสี่สายที่ไม่ได้รับ ใครตายรึไงไอ้บ้านี่ แล้วทำไมฉันไม่ได้ยินนะ” ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันหลังไปมองชิน...รู้แล้ว
ก็เมื่อคืนหมอนั่นเล่นเอาผมหมดแรงจะลืมตานี่นา ถึงว่าทำไมผมถึงนอนหลับไม่รู้สึกตัวขนาดมีคนโทร.มาเยอะแบบนี้
Rrrrr
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ผมอ่านชื่อที่ขึ้นมาก่อนจะกดรับสายทันที
“เฮเลน!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อครามตะโกนเรียกชื่อของผมเสียงดังจนมือถือถึงกับสั่น
“คร้าบ”
“ให้ตายเถอะ คุณหายไปไหนทั้งคืนผมติดต่อคุณไม่ได้! บอกแล้วใช่มั้ยครับว่าถ้าเสร็จธุระให้บอกผม ผมจะได้ไปรับ แล้วนี่อะไร บ่ายโมงแล้วคุณยังไม่กลับเข้าบ้านอีก คุณรู้มั้ยครับว่า...”
“คราม...” ผมเรียกชื่อปลายสายเบาๆ อีกฝ่ายเงียบสนิทก่อนจะถอนหายใจ
“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับ
เขา
กำลังจะถึง” ผมชะงักแล้วถอนหายใจทั้งโล่งอกที่เขายังไม่กลับมา และเหนื่อยใจเมื่อคิดว่าพอเขากลับมาแล้วผมจะต้องเจออะไรบ้าง....
“ฉันอยู่คอนโด แถว...” ผมบอกสถานที่ไปพร้อมกับเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายเต็มพื้น
“เดี๋ยวผมไปถึงไม่เกินครึ่งชั่วโมง” ผมรีบวางสายทันทีเมื่อครามพูดแบบนั้นก่อนจะหันไปหาคนที่นอนอยู่
“จะกลับแล้วหรอครับ?”
“อื้อ” ผมพยักหน้าแล้วสวมใส่กางเกงแต่ถูกร่างสูงดึงเอวไว้จนล้มลงไปที่เตียง
“ชิน!”
“ผมอยากอยู่กับเฮเลนอีกนิด” ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
“อย่ามาทำหน้าทำตาเป็นเด็กน่า ฉันรู้นิสัยของนาย”
“ว้า รู้ทันกันจนได้ ถ้ารู้แล้วก็ช่วยผมหน่อยซิ” ผมหันไปมองร่างสูงก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“พอแล้วล่ะสำหรับคนอย่างนาย” พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเสื้อกล้ามที่กำลังสวม ได้ยินเสียงเรียกของชินมาแว่วๆ แต่ก็ไม่สนใจอะไร ใครจะไปสนใจหมอนั่นล่ะ แค่เด็กปีหนึ่งที่เพิ่งหัดมีเซ็กส์ ถึงจะดุ เผ็ด สะใจ แรงเยอะก็จริง แต่มันก็ยังธรรมดาสำหรับผมนี่นา ที่เด่นขึ้นมาก็มีแค่ไอ้แรงฮึดอดทนนี่แหละ ยังหนุ่มยังแน่นก็แบบเนี้ย!
ปรี๊นนนน~
ผมหันไปตามเสียงบีบแตรก่อนจะยกยิ้ม ครามมาเร็วกว่าที่คิดไว้ไม่รู้หมอนี่รีบร้อนอะไรนักหนา
“เร็วๆ เถอะครับคุณเฮเลน”
“ทำไมต้องรีบ” ผมสอดตัวเข้าไปนั่งข้างในแล้วเอ่ยถาม มันไม่ตอบแต่รีบออกรถทันที
“ครามทำไมรีบจัง”
“ผมเพิ่งรู้ว่าเขาหลอกพวกเรา เมื่อชั่วโมงก่อนเขาบอกผมว่าเขาอยู่บนเครื่อง อีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงนี่ แต่ความจริงคือ ตอนนี้ เวลานี้เขากำลังนั่งรถออกจากสนามบินไปที่บ้านใหญ่แล้ว” ผมอ้าปากค้างก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วกอดอกตั้งสติ
“คราม”
“ครับ...”
“รีบๆ ขับซิวะ!!” ผมเร่งอีกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ให้ตายเขาคิดอะไรนะถึงหลอกกันแบบนี้ นี่คงเป็นเส้นตายเลยว่าผมกับเขาใครจะถึงบ้านก่อนกัน ถ้าผมถึงก่อนก็รอด ถ้าเขาถึงก่อน....
ไอ้เฮเลน ไอ้คนไม่มีโชคเรื่องดวง
“อึก...” ผมกลืนน้ำลายมองรถที่จอดอยู่ด้วยแววตาสั่นๆ ให้ตานเถอะ...เขามาถึงก่อนผมไม่กี่นาทีเท่านั้น
“เอาไงดีครับคุณเฮเลน?” ครามหันมาถามสีหน้าซีดไม่ต่างกัน ก็นะ ถ้าผมโดน ครามมันก็โดนด้วย!
“เรา...ขับรถหนีก่อนดีกว่ามั้ยแบบว่า เอ่อ ลืมของ ใช่ๆ ลืมของไว้บ้านไอ้ฝุ่นไง เราต้องรีบไปเอา เอางี้แหละ ออกรถ!” ผมที่ได้ไอเดียขึ้นมาในหัวก็สั่งทันที ครามพยักหน้าเห็นด้วยก็เร่งเครื่องแต่ยังไม่ทันที่พวกเราสองคนจะไปไหน...
“เดี๋ยวเถอะ!!”
“ตายแน่...” ผมกับครามอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นร่างเพียว บางของ
“เอ่อ คุณแม่.....สวัสดีครับ” ผมค่อยๆ ลงจากรถก่อนจะยกมือสวัสดีแม่แท้ๆ ผู้ที่คลอดผมออกมาด้วยความยากลำบาก...
“เฮเลน....” แหม เรียกชื่อผมเสียงแข็งเชียว กลัวนะครับ!
“คือว่า ฮ่าๆ แม่กลับมาแล้วหรอครับ เราไปคุยกันข้างในดีกว่า” ผมแกล้งทำเป็นเนียนแล้วเดินผ่านคุณแม่จะเข้าบ้าน
“เอ้าๆ คราม แกรีบไปหาน้ำมาให้คุณแม่ซิ แม่กลับมาเหนื่อยๆ เอาเค้ก เอาของหวานมาด้วยนะ” ผมชี้นิ้วสั่ง ครามชะงักก่อนจะเออออตามผม
“อะ อื้อ ได้! รอก่อนนะครับคุณนาย”
“ฮ่าๆ แหม วันนี้อากาศดีจัง ถ้าได้นอนพักผ่อน...” ผมแกล้งหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟากลางบ้านกะจะตีเนียนนอนหลับ แต่ว่า
“เฮเลน! คราม!!” ผมและครามสะดุ้งเฮือกทันที คุณแม่เดินเท้าเอวมาหาพวกผมก่อนจะชี้หน้าพรึบขึ้นมา
พรึบ!!
“พวกแกสองคน....ไปไหนมาห้ะ!!” ผมกับครามรีบส่ายหน้าไปมาทันที
“ไม่ๆ ไม่ได้ไปไหนเลยครับแม่ ไม่ได้ไปเลยครับ! จริงๆ นะครับ!!”
“ใช่ๆ ผมกับคุณเฮเลนไม่ได้ไปไหนเลยนะครับ จริงๆ ครับคุณนาย เชื่อผมเถอะ!” พวกเราต่างปฏิเสธกันสุดฤทธิ์ แม่หลี่ตามองก่อนจะถอนหายใจแล้วนั่งไขว่ห้างที่โซฟา
“แม่กลับมาทั้งที คิดว่าจะมีเรื่องดีๆ ทำไมถึงได้หาเรื่องให้แม่ปวดหัวตั้งแต่วันแรกเลยเฮเลน” ผมมองคนเป็นแม่ที่ทำหน้าเสียใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งใกล้ๆแล้วโอบกอดแม่ไว้
“แม่ครับ แม่อย่าพูดอย่างนั้นซิ...”
“แล้วแกจะให้แม่พูดอะไร ทั้งแก ทั้งคราม พากันเสื่อมเสียลงไปทุกวัน เป็นเพื่อนกันก็แทนที่จะพากันเจริญๆ” ผมกับครามมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
“ผมกับครามไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีนะแม่”
“ใช่ครับคุณนาย พวกผมน่ะ...”
“เฮเลนใช้เงินเดือนหนึ่งเกินสิบล้าน ซื้อรถเดือนนี้สามคันสี่สิบล้าน เที่ยวกลางคืนสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่าห้าวัน ช๊อปปิ้งทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น บางวันบางคืนก็ไม่กลับบ้านไปนอนกับผู้ชาย....นี่น่ะหรอ เรื่องดีๆ?” ผมชะงักก่อนจะยิ้มแหยะๆ
“ก็มัน...”
“คิดว่าลูกรวยล้นฟ้ารึไงเฮเลน?” ผมชะงักเมื่อแม่พูดขึ้นมา....
“อะไรกันแม่ ปกติผมก็ใช้เงิน เที่ยวแบบนี้ แม่ไม่เห็นจะด่าผมเลย” แถมบางเดือนยังใช้เยอะกว่านี้ตั้งสามเท่าก็ไม่เคยบ่นเรื่องใช้เงิน ที่บ่นก็มีแต่เรื่องเที่ยว เรื่องดื่มนี่นา...หรือว่า บ้านเราจะล้มละลายเหมือนในละครหลังข่าว..ไม่นะ!!
“หรือว่า.....”
“ก็เพราะปกติฉันสามารถหาเงินให้แกใช้ได้ ไม่ใช่ในเวลานี่ไงเฮเลน”
“คุณนายหมายความว่ายังไงครับ?” ครามเอ่ยถาม ผมหันมามองหน้าแม่ที่มีสีหน้าเหนื่อยใจ แม่ครับ...ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านเราล้มละลาย อย่าบอกนะว่า แม่ป่วยเป็นโรคร้ายไม่สามารถดูแลธุรกิจได้ ไม่เอานะ ผมรักแม่ ผมนะไม่อยากเสียแม่...
“ฉันคิดมานานแล้ว”
“แม่...”
“เมื่อสามวันก่อน ก่อนที่ฉันตัดสินใจจะกลับมาที่นี่ ฉันได้คิดแล้วว่าฉันน่ะไม่ไหว.....”
“ฮึก แม่ครับ! แม่อย่าตายนะ!” ผมโผลเข้ากอดแม่แล้วสะอื้นไห้ออกมา ไอ้ครามเห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ แล้วกอดขาแม่ของผมที่เปรียบเหมือนแม่อีกคนของมัน
“คุณนาย คุณนายพูดอะไรน่ะครับ ไม่ว่ายังไงคุณนายก็ยังต้องมีชีวิตต่อไปนะครับ!”
“ใช่แม่ ฮึก เฮเลนกับครามรู้ตัวตลอดว่าทำไม่ดี แต่ว่า ฮึก ต่อไปนี้พวกเราจะปรับปรุงตัว แม่สบายใจได้เลยนะ ไม่ต้องเครียด และไปรักษาให้หาย”
“เฮ...”
“ระ หรือว่า เป็นโรคที่รักษาไม่หาย!” ครามพูดเสียงดัง ผมเบิกตากว้างแล้วกอดแม่แน่นกว่าเดิม
“แม่อ้า!! อย่าตายน้า!!”
“เดี๋ยว!!!” เสียงตะวาดลั่นของคุณแม่ดังลั่นแถมยังสะบัดพวกเราสองคนออกอีก ผมมองหน้าแม่อย่างน้อยใจที่สะบัดผมออกแล้วเช็ดน้ำตาเบาๆ
“แม่...”
“อะไรของพวกแก ฉันไม่ได้ป่วยใกล้ตาย!” ผมกับครามมองหน้ากันงงๆ
“อ้าว หรือว่า บริษัทเรา บ้านเราจะล้มละลายหรอครับ?” แม่ขมวดคิ้ว
“ใครบอก! หุ้นขึ้นสูง ยอดเม็ดเงินเข้าบริษัทป่านเทน้ำเทท่า แกเอาจากไหนมาว่าจะล้มละลาย” ผมกับครามมองหน้ากันงงๆ อีกครั้ง
“ก็ปกติคุณนายไม่เคยพูดเรื่องที่คุณเฮเลยใช้เงินเลย พวกเราเลยคิดว่า...” แม่ของผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเขกหัวพวกเราคนละที
“เจ็บนะ...”
“พวกแกนี่มัน ที่ฉันพูดเรื่องนี้เพราะมันมีส่วนเกี่ยวกับบริษัท”
“งง?” แม่หันมาหาผมก่อนจะกุมมือของผมไว้
“เฮเลน แม่เองก็แก่แล้ว เลี้ยงดูแกคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ไหนจะบริหารบริษัท จนตอนนี้แม่เองก็แทบจะฝืนสู้คนวัยรุ่นไม่ไหว” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แม่เลยคิดว่า แม่จะวางมือจากธุรกิจ” ผมกับครามพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ~”
เดี๋ยวนะ...
“ห้ะ!!” พวกเราสองคนอุทานออกมาเสียงดังพร้อมกัน
“แม่พูดว่าไงนะ จะวางมือ เดี๋ยวดิแม่! ถ้าแม่วางมือ แล้วบริษัทเราอ่ะ แล้วเงินล่ะ ละ แล้ว....” คุณแม่ยกมือห้ามปรามผมที่กำลังจะสติแตกเมื่อได้ยินว่าแม่จะวางมือ
“คุณนายหมายความว่ายังไงครับ ถ้าคุณนายวางมือล่ะก็ คนที่จะสานต่อก็มีเพียง...” ครามเหล่ตามองมาที่ผมก่อนจะกลืนน้ำลายแล้วส่ายหน้า
“ไม่มีทางครับคุณนาย คุณนายต้องคิดใหม่นะครับ”
“เดี๋ยวคราม! มองหน้าฉันแล้วทำหน้าปฏิเสธเด็ดขาดแบบนั้นหมายความว่ายังไงห้ะ?” ครามชะงักก่อนจะยิ้มเล็กน้อย
“ก็จริงของนายนั่นแหละคราม เฮเลน ถึงลูกจะไม่ได้เรียนบริหาร แต่แม่อยากให้ลูกมาบริหารงานต่อจากแม่ได้หรือไม่?” ผมส่ายหน้าไปมาทันที
“ไม่ ไม่มีทางอ่ะแม่ เราตกลงกันไว้แล้วไงแม่ว่าผมจะทำก็ต่อเมื่ออายุสามสิบ เหลืออีกตั้งห้าปี ผมควรที่จะใช้ชีวิตวัยรุ่นให้สนุกสุดเหวี่ยงก่อน” แม่ของผมถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงผนักโซฟาแล้วยกมือก่ายหน้าผาก
“ไอ้เรามันก็แก่แล้ว ผัวก็ตายไปตั้งแต่ลูกสองขวบ งานก็เยอะจนไม่มีเวลาจะพัก ช่วงนี้ก็ป่วยออดๆ แอดๆ ไม่มีแม้แต่แรงกินข้าว แถมยังต้องเลี้ยงดูลูกชายวัยยี่สิบห้าที่โตป่านนี้แล้วยังไม่มีงานมีการทำอีก เห้อชีวิตเรา ลำบากจริงๆ...” ผมมองหน้าแม่ที่ตีหน้าเศร้าแล้วถอนหายใจ
“แม่อ่า พูดเกินไปแล้ว ผมรู้นะว่าแม่ทำไหว เพราะงั้นแม่ทำต่อเถอะนะ ข่วงนี้บริษัทเรากำลังไปได้ดี ถ้ามาเปลี่ยนผู้บริหารตอนนี้ก็แย่ซิแม่ อีกอย่างผมยังหาแฟนไม่ได้เลย ถ้าผมต้องไปทำงานแบบนั้น...” แม่เด้งตัวขึ้นมาจ้องหน้าผมนิ่ง
“ฉันไม่สน!” อ้าว...
“แม่....”
“บอกไว้ก่อนเลยนะ ตั้งแต่ที่ฉันคิดได้ว่าฉันจะให้แกมาดูแลบริษัทแทน ฉันก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจและตรงดิ่งมาที่นี่ทันที ไม่ใช่เพื่อมาถามความสมัครใจ แต่ฉันมาเพื่อบังคับ!” ผมเบิกตากว้างก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“แม่ไม่มีทางบังคับผม!!”
“มีซิ!” แม่ว่าแล้วล้วงกระเป๋าหนังราคาแพงขอตัวเองค้นไปค้นมาก็หยิบสลิปยาวเหยียดขึ้นมา
“อะไรอ่ะ...”
“ใบรับรอง อายัดทรัพย์สินที่ฉันเป็นเจ้าของ” ผมขมวดคิ้วมองสลิปนั่นดีๆ ก่อนจะเบิกตากว้าง
“แม่....เอาจริงอ่ะ!!”
“ใช่! ทั้งบัตรเครดิต เดบิต รถ คอนโด ต่างๆ ของแก ทุกอย่างยังเป็นชื่อฉัน และฉันได้ยึดเอาไว้แล้ว...นี่ฉันใจดีเท่าไหร่ที่ไม่ยึดแท้กระทั่งนาฬิกา รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า ของแกน่ะไอ้ลูกชายสุดที่รัก”
“แม่เล่นอะไรของแม่เนี่ย!” ผมชูแขนจะแย่งสลิปนั่นแมา แต่แม่ดันผับและเก็บไว้ในช่องกลางหน้าอกหน้าใจ...แม่!!!
“ฉันขอสั่งแกไอ้ลูกชาย ตั้งแต่พรุ่งนี้ แกจะต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทสาขาใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ขึ้นตำแหน่งผู้บริหารและบริหารงานทุกอย่างให้ดีจนครบ 1ปี”
“1 ปี!!”
“และตลอด 1ปี แกจะต้องบริหารงานให้บริษัทใหญ่ของเรามีกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัวในตอนนี้ ถ้าไม่เช่นนั้น ทรัพย์สินที่ฉันยึดมาจะเอาไปบริจาควัด!” ผมอ้าปากค้างมองแม่อย่างอึ้งๆ
“พูดจริงหรอแม่”
“จริง! เฮเลน แกต้องเริ่มทำงานหาเงินซะที ได้เป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะลูกรัก ส่วนแกคราม ในฐานะที่แกเรียนบริหารแกต้องอยู่ช่วยเฮเลน แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเลขาของฉันก็ดูแลอยู่ วางใจได้ และคำพูดของฉันเป็นคำขาด 365วันหลังจากนี้เจอกันจะลูกชาย แม่จะขอใช้วันหยุด 1ปีไปเที่ยวล่ะ บายย~”
“กูจะเป็นลม...”
100%
#โปรดติดตามตอนต่อไป...
