บทที่ 3 ก็แค่ปารีส
ชม้อยมองลูกชายคนเล็กตัวเองที่หน้าซูบตอบลงไปเยอะ งานหนักหรือไงกันถึงได้ซูบ แก้มตอบลงเยอะขนาดนี้
“แล้วเนี่ยจะไปกี่วันตาธิป?” นางถามลูกชายที่จะเดินทางไปฝรั่งเศสบ่ายวันนี้
“ไม่แน่ใจครับ ทางนี้ก็ฝากพี่ธรดูแลรอไปก่อนแล้วกันนะครับ อีกอย่างปกติก็ต้องเป็นพี่อยู่แล้ว เพราะพี่เป็นประธานใหญ่ใช่ไหม” เขาเอ่ยตอบแม่และหันไปพูดกับพี่ชายของตนเอง
“อย่าไปนานก็แล้วกัน ว่าแต่ธุระอะไรกันถึงต้องไปให้ได้ ถึงพี่ไม่กลับมาก็จะทิ้งงานไปอยู่ดี”
“ก็สำคัญน่า ไปแล้วนะครับ ดา...เดี๋ยวซื้อของมาฝากเธอกับหลานนะ” แล้วเขาก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งในห้องรับประทานอาหารเช้าออกไป
“ธุระอะไรกัน ตาธรรู้ไหม”
“ไม่รู้ครับ มันไม่ได้บอกธร แม่ชม้อยทานเถอะครับ ดาก็ทานเยอะๆ นะ” แล้วเขาก็ตักกับข้าวให้แม่ตัวเองและภรรยาก่อนจะตักให้ตัวเอง
กรุงปารีส ณ ประเทศฝรั่งเศส
เกือบสิบสามชั่วโมงในการเดินทางมาฝรั่งเศส พอมาถึงก็เข้าพักผ่อนที่โรงแรมที่ตนจองไว้และแน่นอนว่าก่อนจะมาเขาได้สืบแล้วว่าที่ฝรั่งเศส ศศิญาภรณ์มีญาติที่ไหน อยู่เมืองไหน และก็ได้รู้ว่าเธอมีคุณอาที่ได้สามีชาวฝรั่งเศสเปิดร้านอาหารไทย เขาจึงมาร้านอาหารไทยของคุณอาเธอเผื่อจะเจอเธอที่ร้านอาหารไทย แต่ก็ไม่เจอเธอ เขาสั่งอาหารและมองรอบๆ ร้าน เฝ้าอยู่นี่ทั้งวัน โดยสั่งอาหารมาแล้วไม่ได้ทานจนเจ้าของร้านออกมาพูดคุยด้วย
“สวัสดีครับ คนไทยครับ พูดไทยกับผมก็ได้ครับ”
เขาบอกเจ้าของร้านที่เดินมาทักทายตัวเองด้วยภาษาอังกฤษให้พูดภาษาไทยกับเขา
“ทำไมถึงไม่ทานอาหารคะ ไม่อร่อย ไม่ถูกปากหรือว่ายังไงคะ”
แรมถามลูกค้า เพราะสั่งอาหารหลายอย่างและสั่งพนักงานเอาไปเก็บและสั่งใหม่แบบนี้สามรอบแล้วจนตอนนี้ร้านจะปิดแล้ว
“อร่อยครับ แต่ว่ากินคนเดียวเลยรู้สึกเหงานิดหน่อยครับ” เขาตอบอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มให้
“มาคนเดียวเหรอคะ”
“ครับ มาคนเดียว ว่าแต่พนักงานที่ร้านมีแค่นี้เหรอครับ” เขาถามอีกฝ่าย
“มีแค่นี้ค่ะ” แรมขมวดคิ้วปนสงสัยในคำถามของลูกค้าหนุ่ม ทำไมถึงถามแบบนี้จึงเอ่ยต่อ “มาตามหาคนเหรอคะ?”
“ถ้าผมบอกว่ามาตามหาคนและใคร จะบอกผมไหมครับ” ชนาธิปทั้งตอบทั้งเอ่ยถามกลับในประโยคด้วย
“ก็บอกมาก่อนสิคะว่ามาตามหาใคร คนไทยหรือต่างชาติล่ะคะ”
แรมถามกลับ และก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาตามหาหลานสาวตัวเองแน่นอน หรือว่าคนนี้จะเป็นพ่อของหลานนางกันนะ
“คนไทยครับ คนนี้” แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ข้างมือขึ้นมาเปิดรูปให้อีกฝ่ายดู
แรมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่หนุ่มหล่อคนนี้ตามหาคือหลานสาวตัวเอง
“อ๋อ...ช่วงนี้ไม่ได้เข้าร้านค่ะ เธอแพ้ท้อง” แรมบอกอีกฝ่าย
“ฮะ! ว่าไงนะครับ” เขาตกใจกับคำตอบของอีกฝ่ายจนดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างอัตโนมัติ
“เธอแพ้ท้องค่ะ มาร้านก็ได้กลิ่นอาหารเหม็น คลื่นไส้ อาเจียน เลยอยู่บ้านค่ะ” แรมบอกตอบ
“แพ้ท้องหนักมากไหมครับ” เขาถามเพราะเห็นพี่ชายตัวเองนั้นแพ้ท้องแทนอลิลดาหนักเหมือนกัน
“ไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ ว่าแต่เป็นอะไรกับหลานสาวดิฉันคะ”
“ผมน่าจะเป็นพ่อของเด็กครับ” ชนาธิปตอบไปตามที่คิด และก็มั่นใจว่าตัวเองคือพ่อของลูกในท้องศศิญาภรณ์
“ดิฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณกับหลานฉันมีเรื่องอะไรกัน แต่ดิฉันก็ไม่ปิดกั้นค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน”
“งั้นผมขอไปหาแป้งที่บ้านได้ไหมครับ”
“ไปได้ค่ะ ดิฉันก็กำลังจะกลับบ้าน ไปด้วยกันได้ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ ผมคิดเงินเลยครับ” แล้วพนักงานก็มาเช็คบิลอาหารของเขาทั้งหมด ตอนนี้เขาอยากเจอหน้าศศิญาภรณ์มาก อยากรู้นักว่าเธอจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขาและเขาเองก็ดีใจมากจนใจเต้นผิดจังหวะ ยอมรับว่าตกใจกับเรื่อง ‘ลูก’ แต่ก็ไม่ได้โมโหคนตัวเล็ก ดีใจเสียด้วยซ้ำเมื่อรู้ว่าตนเองจะได้เป็นพ่อคน
