บทที่ 4 ก็แค่ปารีส
อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เธอไม่ได้เข้าไปร้านอาหารของคุณอาสักวัน เพราะไปแล้วก็พะอืดพะอมคลื่นไส้ตลอดเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร ตอนนี้ที่ทานได้มีแค่ข้าวไข่เจียว เมนูไข่ทุกอย่างกินได้หมด และมีแกงจืดหมูสับกับผัดผักรวม ส่วนอาหารเมนูอื่นไม่ได้เลย แค่ได้กลิ่นก็จะอ้วกแล้ว ตอนนี้เวลาบ่ายสองแล้ว เธอเพิ่งตื่นนอน ก็พอทานมื้อเที่ยงอิ่มก็ขึ้นมานอนพักผ่อน
ศศิญาภรณ์ตื่นนอนกลางวันลุกลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วก็บ้วนปากด้วยแล้วลงมาชั้นล่างของบ้านเพื่อหาอะไรทาน ตั้งแต่มีเจ้าตัวเล็กหิวบ่อยและทานไม่ค่อยเป็นเวลา คือหิวเวลาไหนก็ต้องทานเวลานั้น และจังหวะที่เดินพ้นบันไดมาถึงพื้นชั้นล่าง ประตูบ้านก็ถูกเปิดผลักเข้ามา
“กลับมาแล้วเหรอคะอาแรม”
“กลับมาแล้วลูก วันนี้ให้อาเจสันอยู่คนเดียว อาเป็นห่วงเราเลยรีบกลับ” แรมถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้าใส่ในบ้านแล้วเดินเข้ามา โดยมีชนาธิปเดินตามหลังมาและก็ถอดรองเท้าเปลี่ยนรองเท้าที่เจ้าของบ้านหยิบให้
ศศิญาภรณ์มองเลยหลังของคุณอาไปเห็นร่างสูงใหญ่และใบหน้าคุ้นเคยที่คอยตามหลอกหลอนตัวเองตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมาแล้วก็เม้มปากแน่น เท้าเล็กที่ตั้งใจจะก้าวเดินไปทางห้องครัวก็จิกกับพื้น ก้าวขาไม่ออก
“ไง!” ชนาธิปเดินเข้ามาพร้อมยกมือขึ้นทักทายคนตัวเล็กที่ยืนจ้องมองตัวเองนิ่ง
“เขามาหาหนูน่ะ อาเลยพากลับมาบ้านด้วย” แรมบอกหลานสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งจ้องหน้าอีกฝ่าย
“ทำไมอาแรมพาเขามาด้วยคะ ไล่เขาออกไปค่ะ แป้งไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจอเขา” ศศิญาภรณ์เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ
“ยังไม่ทันได้คุยก็จะไล่ผัวซะแล้ว ผมขอคุยกับแป้งสองคนได้ไหมครับอาแรม” เขาเรียกอาของเธอตามเธอ
แรมมองหน้าหลานสาวและหน้าของชายหนุ่มสลับกันแล้วก็เอ่ย
“แป้งต้องอยู่กับความจริงนะลูก อย่าเอาแต่หนี มีอะไรก็คุยให้มันจบๆ กันไป อีกอย่างเขารู้เรื่องเราท้องแล้วนะ อาบอกเขา” แรมบอกหลานสาว
“อาแรม!”
“อาไปนะ มีอะไรก็คุยกันแล้วกัน” แล้วนางก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นปล่อยหลานสาวกับชนาธิปอยู่กันตามลำพัง
“ไม่คิดจะอธิบายกับพี่หน่อยเหรอแป้งเรื่องลูก” ชนาธิปเดินมาหยุดตรงหน้าคนตัวเล็ก
ศศิญาภรณ์เม้มปากแน่น ไม่ปริปากพูดตอบ เธอเลือกจะเงียบแล้วเดินผ่านเขาไปยังห้องครัวเพื่อไปหาอะไรทานตามความตั้งใจเดิมของตนเอง
กรอด!
ชนาธิปขบฟันแน่นจนเสียงดังลอดออกมา เขาได้แต่ข่มอารมณ์ตัวเองไว้ในใจ เธอกล้าดียังไงเมินเฉยต่อเขาทั้งๆ ที่อุ้มท้องลูกของเขาอยู่ เธอไม่แคร์ไม่สนใจเขาและมันทำให้เขาโมโหมากตอนนี้ อยากจะกระชากดึงลากเข้ามุมแล้วลงโทษหนักหน่วง แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ ชนาธิปเดินตามคนตัวเล็กเข้าไปในห้องครัวก็เห็นเธอกำลังทอดไข่ดาวกับแฮมอยู่
“ทำเผื่อด้วยนะ พี่ก็หิว วันนี้ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย” เขาเดินมาหยุดด้านหลังเธอแล้วก้มหน้าลงไปพูดข้างหูเธอ
ศศิญาภรณ์ยืนตัวเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่กระทบกับหูตัวเอง และยิ่งเกร็งหนักไปใหญ่เมื่อสองแขนแข็งแรงของเขาโอบเอวเล็กคอดของเธอ มือใหญ่กุมที่หน้าท้องแบนราบ
“ลูกของเราอยู่ตรงนี้ใช่ไหม กลับไทยกับพี่ไปแต่งงานกัน” เขาเกยคางสากกับไหล่เล็กของคนตัวเล็กขณะเอ่ย
“ไม่ค่ะ! แป้งไม่กลับกับพี่ธิป อีกอย่างปล่อยแป้งค่ะ พี่ธิปไม่มีสิทธิ์มากอดแป้งแบบนี้ เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เรื่องวันนั้นมันก็แค่เรื่องผิดพลาดเท่านั้นค่ะ” เธอแกะมือของเขาที่ประสานกุมอยู่หน้าท้องตัวเองออกแล้วก็ปิดแก๊สเมื่อไข่ดาวกับแฮมที่ทอดสุกได้ที่แล้วก็ตักใส่จานที่เตรียมไว้
“ไม่มีสิทธิ์ และเรื่องผิดพลาดงั้นเหรอแป้ง? ตอบมาจะกลับไปแต่งงานกับพี่หรือจะอุ้มท้องลับ เป็นเมียเก็บของพี่ที่ฝรั่งเศสหรือเมียแต่งเลือกมา” เขาจับไหล่เล็กหมุนตัวเธอหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
“ไม่เลือกอะไรทั้งนั้นค่ะ แป้งจะเลี้ยงลูกของแป้งเอง พี่ธิปกลับไปเถอะค่ะ แป้งไม่เป็นเมียเก็บเมียลับอะไรทั้งนั้น แป้งไม่ใช่คนที่จะจนปัญญาขนาดนั้นค่ะ”
“แน่ใจว่าไม่เลือก งั้นพี่เลือกให้เอง ไม่อยากแต่งงานกับพี่ก็เป็นเมียเก็บพี่ที่นี่ก็แล้วกัน พี่จะมาหาเราทุกเดือนกับลูกจนกว่าเราจะหายแพ้ท้องแล้วพี่จะพากลับไทย”
“พี่ธิปมีสิทธิ์อะไรมาคิดมาตัดสินใจแทนแป้ง”
“สิทธิ์ของผัวไงล่ะ อุ้มท้องลูกพี่แล้วพี่จะเป็นอะไรได้นอกจากผัว”
“ต่ำทราม! ข่มเหงแป้งยังไม่พออีกเหรอคะ ทำชีวิตแป้งพังยังไม่พออีกเหรอ แป้งกลับไทยไม่ได้ แป้งไม่มีหน้าไปสู้หน้าคนในสังคมแล้วค่ะ หมั้นกับพี่ชาย แต่พอพี่ชายเขาทิ้งไปแล้วดันมาท้องกับน้องชาย แป้งไม่อยากตกเป็นขี้ปากของคนในสังคม”
“แคร์ทำไม ยังไงความจริงแป้งก็เป็นเมียพี่”
“พี่ธิปไม่เข้าใจหรอกค่ะ ไม่เข้าใจแป้ง กลับไปซะ! แป้งไม่อยากเห็นหน้าพี่ธิป ไม่อยากเจอพี่ธิป ได้ยินไหมคะ อึก! ฮือๆ” เธอยกมือขึ้นทุบตีอกแกร่งของเขาแล้วชนาธิปก็รวบมือน้อยทั้งสองด้วยมือเดียวไว้แล้วใช้แขนอีกข้างรวบเอวเล็กคอดรั้งหญิงสาวเข้ามาซบอกตนเอง
ฮือๆๆ
ศศิญาภรณ์สะอื้นไห้จนตัวสั่น และก็พยายามดิ้นหนีจากกอดของแขนแข็งแรง
“ฮือ…ปะ…ปล่อยแป้งเดี๋ยวนี้พี่ธิป อึก! ปล่อยแป้ง ฮือๆๆ”
“พี่กอดเมียพี่ ทำไมพี่ต้องปล่อย แล้วก็เลิกดิ้นได้แล้ว หยุดร้องไห้ด้วย เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อยนะ” เขาดันเธอออกจากอกแล้วยกมือขึ้นใช้นิ้วสากกร้านตัวเองปาดป้ายเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้มออกให้อย่างนุ่มนวล
“คนเลว! แป้งเกลียดพี่ธิป ได้ยินไหมคะ”
“ได้ยินและพี่ก็ไม่สนใจว่าแป้งจะเกลียดจะชังพี่ ยังไงซะ เราก็เป็นผัวเมียกัน อีกอย่างพี่ก็เป็นพ่อของลูกแป้ง หยุดร้องไห้แล้วกินข้าว” เขาดันร่างเล็กไปนั่งยังเก้าอี้ที่มีไว้สำหรับนั่งทานในครัวแล้วถือจานไข่ดาวกับแฮมมาวางตรงโต๊ะตรงหน้าเธอ
“ทานซะ เดี๋ยวเย็นก็ไม่อร่อย”
อึก! ฮือๆ
เธอยังคงมีเสียงสะอื้นแม้พยายามจะกลั้นน้ำตาก็ตาม
“มองหน้าพี่ทำไม หรืออยากให้พี่ต่อแขนต่อขาลูก”
“ต่ำทราม!” แล้วเธอก็หยิบช้อนส้อมในจานจิ้มตัดไข่ดาวกับแฮมกิน
ชนาธิปยกยิ้มมุมปากแล้วก็ดึงลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งเท้าคางกับโต๊ะแล้วมองจ้องหน้าศศิญาภรณ์ที่กำลังทานอยู่ ยิ่งเห็นเธอเขินอายตัวเองก็ยิ่งอยากแกล้ง ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วพูด
“แก้มแดงเชียวนะ เขินพี่เหรอ”
“โกรธต่างหาก” เธอตอบสวนกลับทันควัน
หึหึ
ชนาธิปแค่นขำในคอ
“โกรธก็โกรธ ทานเถอะ ยังไงซะ แป้งก็ต้องกลับกับพี่ ไม่กลับวันนี้ วันหน้าก็ต้องกลับ ยังไงแป้งก็ต้องกลับไทย พี่ไม่สะดวกบินมาหาเราที่นี่บ่อยๆ หรอกนะ”
“ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่คะ”
“พี่เป็นคนนะแป้ง พี่ทิ้งลูกตัวเองไม่ได้หรอก ถึงเราจะไม่ได้ ‘รัก’ กันก็เถอะ” เขาบอกเธอ
คำพูดของเขาทำเอาเธอจุกเจ็บในอก พูดไม่ออกและตอบกลับไม่ถูก จึงก้มหน้าทานไข่ดาวกับแฮมเงียบๆ ต่อ ส่วนเขาเองก็ไม่พูดอะไรต่อเอาแต่นั่งจ้องเธอทาน
