ตอนที่4 เจอกันอีกครั้ง
ในยามนี้ปณิชาเอาแต่นั่งจ้องมองร่างของบิดาที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ เธอควรสบายใจที่หาเงินมารักษาบิดาได้แต่ทว่าในใจของเธอในตอนนี้กลับมีความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
'อุ้มท้อง'คำนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ครั้งหนึ่งหญิงสาวเคยวาดฝันว่าอยากจะมีลูกมีครอบครัวที่อบอุ่นกับผู้ชายที่เธอรักแต่มาในวันนี้ทุกอย่างมันไม่เป็นแบบนั้นแล้วก็ทำให้หญิงสาวไม่เคยนึกวาดฝันอีกเพราะรู้หัวใจตัวเองดีว่าคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว ถามว่าในใจของเธอยังคงคิดถึงอดีตคนรักรึเปล่าแน่นอนเธอตอบได้ในทันทีว่าคิดถึงอยู่ ยิ่งอีกฝ่ายเธอรักแรกของเธอมันก็ต้องฝังใจเป็นธรรมดา เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเธอเองที่ผิดนึกย้อนกลับไปวันนั้นมันก็ยิ่งรู้สึกผิดอยู่ทุกครั้งแต่ทว่าเธอเลือกแล้วที่จะเดินออกมา เลือกที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนรักก็ต้องยอมรับความเกลียดชังที่อีกฝ่ายมีให้แก่ใจให้จงได้
ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้ข่าวคราวอีกฝ่ายเลย อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ติดต่อหาใครด้วยไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในกลุ่มหรือแม้แต่คุณานนท์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมากมายจนเธอไม่ได้ติดต่อหาใครและก็คิดว่าคงไม่มีความจำเป็นอะไรด้วยที่จะต้องติดต่อ
"เฮ้อ"เสียงถอนหายใจของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งคุยกับคุณหมอหลังจากที่ทางหมอศุภรุจบอกเธอว่าทางนั้นตกลงที่จะเลือกเธอมาเป็นแม่อุ้มบุญแล้ว เงินจำนวนหนึ่งล้านบาทก็เข้าบัญชีเธออย่างง่ายดาย สิ่งที่เธอต้องทำต่อจากนี้คือการตรวจร่างกายให้ละเอียดเพื่อตรวจพร้อมที่จะตั้งครรภ์
"เอาเถอะ มันเป็นหนทางเดียวแล้วชา แกต้องทำ"หญิงสาวปลอบใจตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่อาจเดินถอยหลังได้มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป ในเมื่อเธอเป็นคนเลือกทางนี้แล้วก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
หลายวันผ่านไป
"ลาออกจากงานเหรอคะ?"คำถามของณิชาเอ่ยถามหมอวัยกลางคนออกไป หลังจากที่มาพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทางคนที่จ้างเธอต้องการให้เธอลาออกจากงานเพื่อที่จะต้องทำหน้าที่อุ้มท้องให้ดีที่สุดโดยทางนั้นไม่ต้องการให้เธอทำงาน
"ใช่หนูชา ในส่วนตรงนี้ทางรุ่นพี่หมอจะจ่ายเงินเดือนแยกให้อีกส่วน ถ้าหนูชาคิดว่าไม่คุ้ม"อันที่จริงสำหรับเธอมันคุ้มตั้งแต่หนึ่งล้านแล้ว ในชีวิตเธอไม่รู้เลยว่าจะหาเงินจำนวนนี้มาได้รึเปล่า
"ถ้าทางผู้ว่าจ้างต้องการงั้นชาก็ตกลงคะ"ถึงแม้จะตกใจที่ต้องลาออกจากงานก็เถอะ เธอกลัวว่าในอนาคตจะหางานได้ยากแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วอย่างที่บอกมาขนาดนี้แล้วเธอถอยไม่ได้จริงๆ
"อีกเรื่องทางรุ่นพี่หมอเขาจะรับผิดชอบค่ารักษาพ่อของหนูชาให้ไม่รวมกับเงินหนึ่งล้านที่เป็นค่าจ้างอันนี้รายละเอียดต่างๆ หนูชาอ่านก่อนนะเพื่อไม่เข้าใจตรงไหน"
"คือชาอยากรู้คะว่าจะได้เจอหน้าของผู้ว่าจ้างไหมคะ"เธอเองก็อยากจะรู้ว่าหน้าตาของพ่อของลูกเธอเป็นแบบไหนแต่จากที่ได้ยินคำพูดต่างๆ จากหมอวัยกลางคนเธอเดาว่าคนนี้คงมีอายุเยอะแล้วไม่ก็ภรรยาไม่สามารถมีลูกให้ได้ไม่งั้นก็คงไม่มาหาแม่อุ้มบุญหรอกหญิงสาวคิดอย่างนั้น
"ได้เจอๆ อ๋อ คนที่จะเป็นพ่อของลูกหนูชาคือลูกชายของรุ่นพี่หมอนะไม่ใช่รุ่นพี่หมอ เพื่อหนูชาไม่รู้"
"อ๋อ คือชาสงสัยคะผู้ชายคนนั้นเขาอายุเท่าไหร่แล้วคะ"
"น่าจะเป็นพี่ของหนูชาสามสี่ปีนี่แหละ"
"คะ?"เธอตกใจไม่น้อยเพราะถ้าบอกว่าอายุมากกว่าเธอสามสี่ปีผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ได้แก่อะไรเลย ทำไมถึงต้องมาหาคนอุ้มท้องให้
"ตกใจใช่ไหม คืองี้ลูกชายรุ่นพี่หมอน่ะไม่มีเมียสักทีแต่รุ่นพี่หมอเขาอยากมีหลาน จะรอลูกชายแต่งงานก็คงหมดหวัง"หญิงสาวได้ยินก็พยักหน้ารับรู้ แบบนี้นี่เองเธอพอเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นแล้ว
"ถ้าหนูชาอ่านแล้วก็เซ็นสัญญาเลยนะ เดี๋ยวอีกสองสามวันก็ถึงไปเจอกับทางนั้น"คนตัวเล็กพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะอ่านสัญญาให้ละเอียดที่สุดซึ่งแน่นอนข้อเสนอแต่ละอย่างนับว่าไม่ได้ยากเย็นอะไรอีกอย่างทางนั้นจะดูแลเธออย่างดีแถมยังจะจัดการค่ารักษาทุกอย่างให้กับบิดาเธอมีหรือที่เธอจะปฏิเสธ แต่ก็มีบางอารมณ์ที่พอได้อ่านถึงข้อเสนอที่ว่าหลังจากเธอคลอดลูกครบหกเดือนเธอต้องออกไปจากชีวิตลูกของเธอเหมือนไม่มีตัวตนมาก่อน ห้ามมาเจอหน้าห้ามติดต่อใดๆ อีก เธอรู้ว่ามันควรจะเป็นแบบนี้แต่บอกตามตรงพอนึกถึงมันก็ทำให้หัวใจของเธอสั่นเทาขึ้นมา เธอไม่รู้เลยว่าถ้าถึงวันนั้นเธอจะทำได้ลงรึเปล่า
คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาลงไป พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหมอศุภรุจที่เป็นธุระจัดการต่างๆ ให้ พอไม่มีอะไรแล้วณิชาก็เอ่ยปากขอตัวกลับก่อน เธอมาจัดการเรื่องลาออกจากงานโดยไม่ได้แจ้งให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ทราบเลย พอยื่นเอกสารลาออกเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็มาเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เอาแต่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของเธอที่กำลังอยู่ในความเครียดมากมายที่เข้ามาในชีวิต ถึงแม้จะให้กำลังใจตัวเองเก่งแต่ก็มีบางเวลาที่ทำให้เธอรู้สึกแย่จริงๆ
ณ ร้านอาหารส่วนตัวของโรงแรมแห่งหนึ่ง ในวันนี้ทางด้านของท่านคณินขอนัดเจอกับว่าที่แม่อุ้มบุญหลานคนแรกของเขา ก่อนหน้านี้เขาเห็นรูปคนตัวเล็กจากที่รุ่นน้องคนสนิทส่งมาให้ก็นึกพอใจกับน่าตาที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย อยากจะให้ลูกชายดูรูปแต่ทางนั้นก็แทบไม่สนใจกลับมาจากที่ทำงานก็ขึ้นห้องไปเลยแถมวันนี้บอกให้มาเจอคนตัวเล็กก็ทำเหมือนไม่สบอารมณ์แต่ก็รับปากว่าจะตามมา
ท่าทางประหม่าของณิชาเผยออกมาอย่างชัดเจนเธอเดินทางมากรุงเทพก็เพื่อจะมาพบกับผู้ว่าจ้างของเธอ หญิงสาวนั่งบีบมือเข้าหากันแน่นยังดีที่ในวันนี้หมอศุภรุจมาด้วย โดยเธอก็เอาแต่นั่งฟังเรื่องการทำลูกโดยทางการแพทย์พอรู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกวางใจ เธอรู้ว่าคนที่จ่ายเงินให้กับเธอคือท่านคณินซึ่งดูแล้วก็คงเป็นเศรษฐีใหญ่โตพอสมควรอย่างน้อยเธอก็สบายใจว่าลูกของเธอได้อยู่ในครอบครัวที่ดีถึงแม้ในชีวิตลูกของเธอจะไม่มีเธออยู่ในนั้นก็ตาม
เสียงพนักงานเปิดประตูก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคุณานนท์จะเดินเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัวที่บิดาของเขานัดให้มา เขาเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงจึงเดาว่าเธอคงเป็นคนที่จะมาอุ้มท้องลูกของเขาจนกระทั่งเจ้าหล่อนหันหน้ามาก็ทำเอาชายหนุ่มชะงักไปทันที ดวงตาของคนทั้งสองมองกันอย่างตกใจแต่คนที่ดูเหมือนจะตกใจมากที่สุดก็คงเป็นณิชา เธอลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอไม่ได้เจอมานานเกือบหกปี
"เอ่อ มาแล้วเหรอนนท์ นี่หนูชาคนที่พ่อจะให้มาอุ้มท้องลูกของนนท์"ถึงแม้จะงงๆ กับสถานการณ์ในตอนนี้แต่ทว่าท่านคณินก็ยังพูดแนะนำตัวของณิชาให้ลูกชายได้รู้จัก
คุณานนท์ได้ยินคำแนะนำของผู้เป็นพ่อก็รู้สึกหนักอึ้งมากกว่าเดิมก่อนที่ความไม่พอใจจะแทรกขึ้นมาในใจของเขา เธอบอกว่าจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นมาวันนี้จะมาอุ้มท้องลูกของเขางั้นเหรอ นึกอยากจะหัวเราะจริงๆ ลูกของเขาควรเกิดจากผู้หญิงที่ดีกว่านี้ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างคนตรงหน้านี้
"คนนี้เหรอครับ ผมว่าพ่อหาคนใหม่เถอะผมไม่ต้องการให้ลูกของผมเกิดมาจากผู้หญิงสกปรก!"
