บท
ตั้งค่า

3

“คนที่บ้านคุณเขาไม่ได้เน้นเรื่องมารยาทเหรอคะ ถึงได้เติบโตมาเป็นคนแบบนี้” เขมมิกาต่อว่าก่อนจะปิดประตูใส่หน้าไปอย่างคนชนะ

ปัง!

“กรี๊ด...” ฟ้ารุ้งกรีดร้องด่าทอตามหลังไปชุดใหญ่ แต่ก็ไร้การตอบกลับจากเด็กสาว จึงขับรถกลับที่พักไปอย่างขุ่นเคืองใจ พลางคิดหาวิธีบีบบังคับให้อีกฝ่ายแบ่งเงินให้ เพื่อที่เธอจะได้นำไปเริ่มต้นชีวิตใหม่

หลังจากได้ยินเสียงรถของแม่เลี้ยงแล่นออกไป เขมมิกาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วครุ่นคิดถึงข้อเสนอของหนุ่มหล่อ ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากตอบรับ ก็เท่ากับว่าเธอกำลังจะเป็นในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะด่าฟ้ารุ้งไป นั่นก็คือ...นางบำเรอ

‘เฮ้อ...ทำไมเขาต้องทำให้เราลังเลด้วยนะ ทั้งที่ทางออกมันก็แค่ขายไร่แห่งนี้ให้จบๆ ไป’

ด้านขุนพัน...ที่ขับรถกำลังกลับเพนต์เฮาส์อย่างอารมณ์ดี เพื่อให้ทนายเตรียมร่างสัญญาให้เหมือนเช่นเคย

แม้ว่าครั้งนี้...จำนวนเงินที่ต้องจ่าย มันอาจจะสูงไปกว่าทุกๆ ครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ความพอใจ และเธอทำให้เขาพอใจมาก ทั้งเรือนร่างที่อรชรอ้อนแอ้น น้ำเสียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ใบหน้างดงามที่ทำให้รู้สึกประหม่าจนหัวใจเต้นแรงตึกตัก ‘พระเจ้า! สวยๆ แบบนี้มากกว่ายี่สิบล้านเขาก็ยอมจ่าย’

เช้าวันต่อมา...

เขมมิกาตื่นขึ้นมาก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วอยู่ชั้นล่างของบ้าน จึงรีบลุกจากเตียงแล้วเดินลงไปดู ก็เห็นมีอาหารวางเรียงอยู่เต็มโต๊ะ

“ตื่นแล้วเหรอคะ” หริ่งที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มหวานไปให้บุตรสาวของเจ้านายผู้ล่วงลับ หลังได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้

“ป้าหริ่ง?” เขมมิกามองแม่บ้านที่อยู่กับเธอมานานอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาเธอ

“แฮ่ๆ ป้าเองค่ะ คือว่าป้ากลับไปอยู่บ้านของตัวเองแล้วนอนไม่หลับ ก็เลยนั่งรถกลับมา คุณโยโกะไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะคะ ป้าพอมีเงินเก็บติดตัวอยู่บ้าง ตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโยโกะที่นี่จนถึงวินาทีสุดท้ายของไร่เดชาค่ะ” แม่บ้านวัย 57 ปี เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ

“ป้าหริ่ง ฮึก...” เขมมิกาน้ำตาคลอหน่วยรีบเดินเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

“โธ่! คนดีของป้า” หริ่งเอ่ยพลางลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ขณะที่น้ำตาของเธอเองก็ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่

“ขอบคุณนะคะที่กลับมาหาโยโกะ” เขมมิกาบอกก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย

บรื้น...

ขณะที่สองสาวต่างวัยกอดกันร้องไห้ได้เพียงครู่ อยู่ๆ ก็มีเสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน

“ใครมาคะ?” เขมมิกายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นถามอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” หริ่งรีบเช็ดน้ำตาตาม ก่อนจะชะเง้อมองลอดผ่านบานเกล็ดของประตูหน้าต่าง

“คุณหนูครับ คุณหนู” น้ำเสียงเรียกที่คุ้นหู ทำให้เขมมิกาผละออกจากแม่บ้าน แล้วเดินแกมวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นว่าใครยืนอยู่ บ่อน้ำตาที่เพิ่งจะแห้ง ก็เจิ่งนองขึ้นมาอีกครั้ง

“ลุงเบิ้ม ป้าดาว” เธอจ้องมองหัวหน้าคนงานกับภรรยา และเหล่าคนงานอีกนับสิบกว่าคนอย่างรู้สึกตื้อไปทั้งหัวใจ

“ผมเองครับ ผมกับคนงานจะมาช่วยคุณหนูเก็บลำไยครับ” เบิ้มบอกก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาบุตรสาวของเจ้านายอย่างรู้สึกผิด ที่ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ลำพัง

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งน้ำตานองหน้า

“พวกผมยินดีครับ” เบิ้มกับภรรยารีบเดินเข้าไปสวมกอดบุตรสาวของเจ้านาย ที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออด

“ใช่ครับ มาคิดๆ ดูแล้ว พวกผมอยากจะอยู่สู้ไปกับคุณหนูให้ถึงที่สุดครับ” อาทิน (รองหัวหน้าคนงาน) เอ่ยสมทบตามทั้งน้ำตา

“ขอบคุณค่ะพี่ทิน” เขมมิกายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างตื้นตันใจ ในขณะที่คนงานคนอื่นๆ ต่างพากันร้องไห้ หลังจากที่เก็บของออกเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันตั้งแต่ตอนเช้ามืดเมื่อวาน

แต่พอไปกันได้ครึ่งทางก็รู้สึกผิดที่ทิ้งบุตรสาวของอดีตเจ้านายผู้ล่วงลับเอาไว้คนเดียวในไร่อันแสนกว้างใหญ่ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึงตกลงกันว่าจะอยู่เป็นเพื่อนและช่วยงานเขมมิกาจนกระทั่งสิ้นเดือนหรือจนกว่าอีกฝ่ายจะขายไร่เดชา แล้วค่อยพากันเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง

“แหม...ดีจังมีคนช่วยทำกับข้าวแล้ว” หริ่งเอ่ยแซวเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นคนงานในไร่กลับมากันพร้อมหน้า โดยไม่ได้นัดหมาย

“ฉันเป็นแม่ครัวนะยายหริ่ง” ภรรยาหัวหน้าคนงานผละออกจากบุตรสาวของผู้เป็นนาย แล้วหันไปมองค้อนแม่บ้านใหญ่อย่างขำๆ

“ทราบแล้วเจ้าค่ะคุณดาว” หริ่งเอ่ยตอบอย่างรู้สึกหมั่นไส้

“พวกผมขอแยกย้ายเอาของไปเก็บก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวเก็บลำไยกันแต่เช้า” อาทินบอกพร้อมกับพยักหน้าให้คนงานขึ้นรถ

“ค่ะ ตอนเที่ยงมากินข้าวด้วยกันนะคะ” เขมมิการีบเอ่ยชวนทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ครับ/ค่ะ” คนงานชายหญิงขานรับก่อนจะพากันแยกย้ายขึ้นไปนั่งบนท้ายรถกระบะที่จอดอยู่สามคัน

“คุณหนูจะทำอะไรกินดีคะ” แม่ครัวใหญ่ถามยิ้มๆ

“หมูกระทะค่ะ” เขมมิกาหันไปตอบทันใด

“โอเคค่ะ งั้นขอดาวไปจัดของที่บ้านพักก่อน แล้วอีกชั่วโมงหนึ่งจะไปช่วยคุณหนูซื้อของที่ตลาด” ดาวเรืองบอกกำหนดการ

“แกไม่ต้องไปหรอกดาว อยู่เคลียร์สถานที่รอดีกว่า” หริ่งรีบหันไปบอก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานาน แล้วทำให้ทุกอย่างล่าช้า

“แกยกของไหวเหรอ?” ดาวเรืองถามอย่างเป็นห่วง

“สบายมาก” หริ่งพยักหน้าตอบยิ้มๆ

“งั้น...ฉันจัดโต๊ะรอนะ” ดาวเรืองบอกยิ้มๆ

“ตามนั้น” หริ่งสรุป ก่อนจะชวนคุณหนูกลับเข้าไปทานมื้อเช้าในบ้าน และเตรียมตัวออกไปซื้อของ ในขณะที่คนงานพากันเดินทางกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างไปประมาณสามร้อยเมตร

สองชั่วโมงต่อมา...ดาวเรืองมองของต่างๆ ที่อยู่บนท้ายรถกระบะอย่างรู้สึกอึ้ง “โห...ซื้อของมาเยอะเลยนะคะ”

“จัดเต็มค่ะ” เขมมิกาที่ก้าวออกจากรถเสร็จ ก็เอ่ยตอบยิ้มๆ

“คุณหนูจะตั้งเตากี่โมงครับเนี่ย” อาทินเดินเข้ามาถามพร้อมกับช่วยยกของลงจากรถ

“อืม...อีกสักชั่วโมงหนึ่งค่ะ เดี๋ยวพี่ทินใส่ถ่านรอย่างได้เลย” เขมมิกาบอกยิ้มๆ

“จัดหมูกระทะตอนบ่ายเลยเหรอครับ” อาทินถามอย่างแปลกใจ

“ลุงว่าดีแล้วครับ เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปทำงานกัน” เบิ้มเดินเข้ามาบอกพร้อมกับช่วยยกของลงจากรถ

“แกจะกินตอนเย็นก็ได้นะทิน” ดาวเรืองหันไปเอ่ยหยอกอย่างขำๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel