2.กามเทพเล่นกล
***ทักทายคร้า ***
เสียงรถดังเข้ามาใกล้ อลันหันกลับไปมองถนน เห็นรถกระบะเก่าๆ วิ่งมาช้าๆ ทั้งสองค่อยๆ พยุงร่างสูงลุกขึ้นแล้วลงไปซ่อนตัวในดงหญ้าใกล้ๆ อย่างสังเกตการณ์ รถวิ่งเข้ามาจอดตรงที่ทั้งสามซ่อนตัวอยู่
“อยู่ไหนวะไอ้จ้อย ไม่เห็นมีใครเลย” คิดถามเสียงดัง สายตามองไปรอบๆ
“เมื่อกี้ยังนอนสลบอยู่ตรงนี้อยู่เลยน้าคิด”
“แล้วไอ้ดอมมันหายหัวไปไหนของมัน มึงบอกให้มันเฝ้าไว้ไม่ใช่รึ” นายคิดมองหาเด็กหนุ่มอีกคนอย่างเป็นห่วง
“มันคงกลัวจนหนีไปแล้วล่ะน้าคิด” จ้อยตอบ
“เราช่วยกันหาแถวๆ นี้ก็แล้วกัน เผื่อจะช่วยคนเจ็บได้บ้าง” สายใจพูดอย่างคนที่จิตใจดี สายตาก้มมองรอยเลือดที่แห้งติดกิ่งไม้ ดวงตาหันมองไปรอบๆ แล้วตัดสินใจพูดออกไป
“ฉันรู้ว่าพวกคุณอยู่แถวนี้ ถ้าเป็นคนดีและต้องการความช่วยเหลือก็ให้ออกมา ถ้าไม่ใช่ก็ไปให้พ้นจากเขตสวนส้มกัญนรา เพราะฉันไม่อยากทำบาปกับใคร”
อลันมองสบตากับดาจิมอย่างตัดสินใจ แล้วมองหน้าซีดเผือดของผู้เป็นนาย ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กันและก้าวออกมาจากที่ซ่อน ทั้งนายคิดและนายชมเล็งปืนลูกซองไปยังร่างสูงของทั้งสององครักษ์
สายใจสบตาชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า ดูจากสภาพแล้วคงบาดเจ็บไม่น้อยทีเดียว สายตาที่ผ่านโลกมามากทำให้รู้เลยว่าทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา เธอถามเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างชัดเจนสมกับที่เคยเป็นอาจารย์สอนภาษา สายใจเคยเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีชื่อในจังหวัดจึงทำให้พูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
“คุณสองคนฟังภาษาไทยได้ไหม” สายใจยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ฟังและพูดได้บ้างครับ” อลันสบตากับดาจิมแล้วตอบออกไปเป็นภาษาไทยกระท่อนกระแท่น
“พวกคุณเป็นใครมาจากไหนกัน ทำไมถึงถูกทำร้ายมา” สายใจถามออกไป
“ผมขอไม่ตอบคำถามนะครับ แต่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพวกเราไม่ใช่คนร้าย และไม่คิดทำร้ายใครที่นี่แน่นอน” ดาจิมบอก สายตาคมสบตากับเจ้าของสวนอย่างเปิดเผย
สายใจเห็นแววตาจริงใจในดวงตาคู่นั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ
“ได้! ฉันจะเชื่อพวกคุณ”
“นายแม่!” คนสวนทั้งสามอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“ตอนนี้ผมขอให้ช่วยเพื่อนผมก่อนนะครับ เขายังไม่รู้สึกตัว”
อลันเดินนำทุกคนไปแบกร่างสูงของเหมราชออกมาจากพงหญ้ามาขึ้นรถ สายใจมองชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่หลังรถกระบะที่ทั้งสองช่วยกันยกขึ้นมาบนรถอย่างทุลักทุเล
“พาไปที่บ้านใหญ่ดีกว่า ให้ยัยกัญช่วยดูแผลให้ก่อนแล้วค่อยไปส่งโรงพยาบาล” สายใจบอกขณะมองอลันและดาจิมที่นั่งไม่ยอมห่างคนเจ็บ
“อย่าส่งไปที่โรงพยาบาลนะครับ ผมขอร้อง” อลันบอกด้วยสายตาวิงวอน
“ถ้าเป็นอะไรมาจะแย่นะคุณ” นายคิดเอ่ยเสริม
“ไปคุยกันที่บ้านดีกว่า ใกล้ค่ำแล้วด้วย” สายใจตัดบทแล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหน้า โดยมีนายชมเป็นคนขับ
พลบค่ำ แสงไฟบริเวณบ้านสว่างพอที่จะให้อลันได้สำรวจรอบๆ บ้านไม้สักทั้งหลังที่ปลูกอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่อย่างร่มรื่น กลิ่นดอกไม้หอมเย็นๆ กรุ่นไปทั่วบริเวณ
ร่างสูงโปร่งระหง ดวงตากลมโต ใบหน้าหมดจด กลมกลึงสวยไปทั้งตัว เดินแกมวิ่งออกมาดู ทั้งอลันและดาจิมนิ่งงันไปชั่วครู่เมื่อเห็นคนที่วิ่งออกมาด้วยท่าทางตกใจ ชุดขาวที่เธอสวมใส่ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงสาวมีอาชีพอะไร
“คุณยาย” กัญนราวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นยายด้วยความเป็นห่วง หลังจากคนงานที่สวนส้มวิ่งมาบอก เธอแทบลืมหายใจด้วยความเป็นห่วง ยายของเธอเป็นแบบนี้เสมอ ชอบช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นคนดีหรือคนร้าย
หญิงสาวเคยทักท้วงหลายครั้งแต่ยายก็บอกเธอเสมอว่าการช่วยเหลือคนได้บุญ ถึงจะเป็นคนร้ายสุดท้ายก็ต้องใช้กรรมอยู่วันยังค่ำ ช่วยเขาให้หายแล้วค่อยให้เขาไปใช้กรรมอย่างไม่เจ็บปวดมากก็ได้บุญแล้ว
“คุณยายไม่เป็นอะไรนะคะ” เสียงใสกังวานถามขณะขยับเข้าไปกอดผู้เป็นยาย
“ยายไม่เป็นไรหรอก ไปดูคนเจ็บก่อนดีกว่าท่าจะหนักพอดู” สายใจคลายอ้อมแขนออกจากตัวหลานสาว หันไปมองคนที่นอนอยู่ท้ายกระบะ
“ชม คิด ช่วยพาเข้าไปในบ้านก่อน” สายใจบอก
“พวกเขาเป็นใครคะ” กัญนราถามพลางมองใบหน้าคมเข้มแบบคนตะวันตกของอลันและดาจิม
“ผมอลันครับ นี่ดาจิม แล้วก็เพื่อนผมครับ” อลันมองสบตาหญิงสาว
ร่างสูงใหญ่ของเหมราชถูกนำเข้ามาวางบนเตียงในห้องรับแขก กัญนราพิศมองใบหน้าคมเข้มของคนที่ไม่รู้สึกตัว คิ้วหนา แผงขนตางอนงามปกปิดดวงตาเอาไว้ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางหยักได้รูป หญิงสาวพิศมองด้วยแววตาแปลกใจ
“เดี๋ยวช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาก่อนดีกว่า ฉันจะได้ทำแผลให้” หญิงสาวบอกพลางส่งยิ้มให้
“นี่ชุด เปลี่ยนให้เพื่อนคุณด้วย น่าจะใส่ได้” สายใจรับชุดจากส้มแป้นเด็กรับใช้แล้วส่งให้อลัน
ทั้งกัญนราและสายใจเดินออกมารอด้านนอก เห็นนายชม นายคิด และจ้อยยืนรออยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้าน
“ขอบใจนะทุกคน กลับไปพักเถอะไม่มีอะไรแล้ว” สายใจบอก
“นายแม่แน่ใจนะครับว่าพวกนั้นเป็นคนดี” นายคิดถามอย่างเป็นห่วง
“ให้ผมพาคนงานมาเฝ้าที่นี่ก่อนไม่ดีกว่ารึครับ เผื่อมีอะไร” นายชมเสริมขึ้น
“ดีเหมือนนะคะยาย สามคนนั้นเหมือนมีอะไรปิดบังเราอยู่ไม่รู้” กัญนราบอกอย่างที่ใจคิด
“ก็ได้ ให้คนงานผู้ชายห้าหกคนมาอยู่เวรที่บ้านใหญ่สามสี่วันก็แล้วกัน” สายใจพยักหน้าบอกออกไป
***
