บทที่ 4 : ข้าปรารถนาเจ้า
อามาร์มิได้ตอบกลับ เขาแค่ผละเงยหน้าขึ้นจากอกอวบอูมของแม่ยอดดวงใจแล้วก็ก้มหน้าลงไปซุกกลางหว่างอกของคนงามของตนอีกครั้งแล้วเคลื่อนไล้ไซ้ปลายจมูกโด่งไล้เลื้อยผ่านร่องอกอวบพร้อมมือกอบกุมเคล้นคลึงเต้าของนางไปด้วย ปากหนาเคลื่อนไล้มาหยุดหน้าท้องแบนราบแล้วก็หอบหายใจแรงเมื่อมองไล้ต่ำเลยผ่านสะดือคนงามไปเห็นความอวบนูนสวยงามที่มีเส้นขนขึ้นปกคลุมเป็นระเบียบสวยงามน่าคลอเคลีย
“หากข้าหยุด คนที่จะทรมานคือเจ้าพุฒิตา อื้ม...เจ้างามนัก งามมิเปลี่ยนแปลงยอดทูนหัวของข้า อ่า” แล้วอามาร์ก็เคลื่อนหน้าจากหน้าท้องแบนราบไปซุกซบสูดดมกลิ่นสาบสาวที่คละคลุ้งออกมาจากร่างเล็กระหงและยิ่งตอนนี้นางมีน้ำสวาทไหลอาบล้นออกมาด้านนอกด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้อยากลึกล้ำเสียดสีในกายของสาวเจ้า
เธอคิดว่าชีวิตนี้จะแต่งงานครั้งเดียวและตกเป็นของคนคนเดียว และคนคนนั้นก็คือคู่หมั้นหนุ่มอย่างสิบทิศที่คบกันมานานตั้งแต่เด็กตามคำชักชวนของผู้ใหญ่ แต่วันนี้เธอกำลังนอนทอดกายและบิดเร่าครวญครางใต้ร่างบุรุษอื่นที่แทบไม่รู้จัก แต่เขาบอกว่าเธอและเขารู้จักกันเมื่อครั้งอดีต ส่วนเขานั้นอยู่เฝ้ารอเธอ เรื่องแบบนี้มันมีแต่ในละครและนิยาย แล้วมันจะมีในชีวิตจริงได้ยังไงเล่า และยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของพุฒิตากลับมีความรู้สึกมากมายระเบิดออกมาจากอกอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อถูกคนประหลาดสัมผัสตนเองอย่างสนิทเสน่หา
ใบหน้าทั้งสองเห่อร้อนแดงด้วยไฟสวาทพร้อกกับความเขินอายที่กำลังปะทุล้นออกมานอกอก สองมือน้อยของพุฒิตาไม่รู้จะจัดวางไว้ตรงไหน อยากจะผลักไส แต่ร่างกายกลับแอ่นเด้งเร่าตอบสนองชายแปลกประหลาดที่เพิ่งพานพบกันครั้งแรก แม้แต่ชื่อเธอก็ยังไม่รู้จัก แต่เขากลับรู้จักชื่อเธอและเหมือนรู้จักเธอเป็นอย่างดีด้วย
“ข้าชื่ออามาร์ จำไว้ว่าข้าชื่ออามาร์ ยอดทูนหัวของข้า อื้ม...หวานเหลือเกิน” อามาร์รู้ความคิดความสับสนวุ่นวายในใจของนางทุกอย่างจึงเงยหน้าขึ้นจากความสวยฉ่ำแฉะมาเอ่ยบอกตอบและนั่นทำให้พุฒิตาตกใจจนอามาร์ต้องยกยิ้มมุมปากแล้วพูดต่ออีกครั้ง
“และข้าก็คือชายที่เจ้ารักมิว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันนับแต่นี้ เจ้าจักจดจำข้าแต่เพียงผู้เดียวพุฒิตา อื้ม...เจ้าสวยนักยอดยาใจของข้า อ่า...”
แล้วเรียวลิ้นอุ่นร้อนเวตาลอามาร์ก็ลากไล้ไปตามกลีบสวาทอวบฉ่ำ ท่อนแขนแข็งแรงที่กอดรัดเอวเล็กคอดก็ผละดันเรียวขาเล็กของแม่ยอดพธูจอมใจแยกกว้าง อีกมือที่กอบกุมเต้าก็เคลื่อนมาจับเรียวขาอีกข้างยกขึ้นพาดไหล่หนาของตนเอง
“อือ...ยะ...หยุดเถอะคุณ”
“ชูว์...เจ้ายังมิรู้อีกรึว่าแท้จริงแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดพุฒิตา อ่า...” อามาร์เงยหน้าจากความฉ่ำแฉะแสนหวานของนางในดวงใจขึ้นมาเอ่ยพูด ก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกที่เดิมอีกครั้งพร้อมเรียวลิ้นอุ่นร้อนตวัดแทรกไล้ผ่านไปตามซอกดอกไม้งามแล้วขบเม้มดูดกลืนกินเม็ดเกสรดอกไม้อวบอูมฉ่ำของนาง
“อ่า...คุณจะทำแบบนี้กับฉันมะ...ไม่ได้ คุณจะบอกว่าอดีตฉันและคุณเคย ‘รัก’ กันไม่ได้ อะ...อื้อ” กว่าจะพูดจบประโยคช่างยากลำบากเหลือเกิน
“อดีตเรา ‘รัก’ กัน ปัจจุบันต่อจากนี้ก็เช่นกันยอดพธูของข้า”
แม้ชาตินี้เธอไม่ได้นำความทรงจำกลับมาก็มิมีผลต่อตัวเขาที่จะสร้างความทรงจำและทำให้นางกลับมามีใจรักปรารถนาตนเหมือนในอดีต ตลอดเวลาที่เฝ้ารอคอยมา เขาเก็บเนื้อเก็บตัวเพื่อรอมอบวันดีๆ ให้นางผู้เดียว และตอนนี้เขาก็กำลังจักสมหวัง อามาร์ดูดกลืนกินความหวานฉ่ำของพุฒิตาที่กำลังไหลอาบล้นให้ตนเองกลืนกินก่อนจะเคลื่อนตัวมาคร่อมทับแล้วดึงรั้งเรียวแขนเล็กอ่อนแรงต่อต้านทั้งสองไปจับไขว้ไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว อีกมือผู้อมตะก็กอดเอวเล็กคอดยกรั้งขึ้นหาตนเอง ก่อนจะกดแนบสะโพกสอบแล้วกดกายความเป็นบุรุษใหญ่โตของตัวเองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแม่ยอดรักของตนเอง
“อะ...อื้อ” ความคับแน่นของนางทำให้อามาร์กัดกรามแน่นด้วยความอดทน ก่อนจะกระแทกกายแรงขึ้นเพื่อให้ตนเองลึกล้ำในกายสาวเจ้าเต็มลำกาย
“เจ็บ! อะ...อื้อ” แล้วปากน้อยก็ถูกปากหนาครอบครองปิดกลืนเสียงครวญคราง พุฒิตาบิดส่ายเอวเล็กคอดส่ายหนี แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงบุรุษกอดรัดไว้แน่น เธอเจ็บจนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้เช่นไรดี น้ำตาไหลอาบล้นออกทางหางตา แต่คนประหลาดก็ยังคงไม่ยอมหยุดการกระทำเห็นแก่ตัว
“อ่า...อื้อ” ปากหนาบดเร่าดูดเรียวลิ้นน้อยเบี่ยงเบนความสนใจของนางยอดรักให้ออกจากความเจ็บปวดกลางร่างสาวคับแน่นของพุฒิตา อามาร์รู้ดีว่านางนั้นเจ็บทรมานแค่ไหนเมื่อต้องมาโอบอุ้มกลืนกินความเป็นบุรุษดุดันของตัวเอง แต่ให้ถอดถอนแก่นกายอุ่นร้อนตอนนี้เห็นทีจะไม่ได้
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากทั้งสอง พุฒิตาจูบตอบริมฝีปากหนาโดยที่เจ้าตัวเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอเริ่มรู้สึกวาบหวิวและอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยังเจ็บปวดกลางกายความเป็นสาว เอวเล็กคอดเริ่มคล้อยตามเอวสอบบุรุษ สองมือน้อยทั้งสองก็เคลื่อนมาโอบกอดร่างใหญ่เหนือร่างตัวเอง แม้จะอยากผลักไส แต่ตอนนี้เธอทำไม่ได้แล้วได้แต่เลยตามเลย เมื่อความสาวถูกพรากไปสิ้นแล้วในตอนนี้
“อ่า...อื้ม” อามาร์เคลื่อนไหวเอวสอบหนักหน่วงดุดันและอ่อนโยนสลับกันจนเกิดเสียงกระทบกระทั่งหนักหน่วงของผิวเนื้อทั้งสองที่กระทบกระทั่งเสียดสีกันและกัน
“อ่า...ดีเหลือเกินดวงใจข้า อื้ม...” อามาร์ผละออกมาเอ่ยเป่ารดใบหน้าหวานชื้นเหงื่อพร้อมโหมแรงกระแทกเอวสอบไปด้วย
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
เสียงจังหวะ เสียงครางและเสียงกระทบเนื้อของทั้งสองทำให้อามาร์โยกคลึงเร่งเร่าสาวจังหวะเอวสอบตนเอง เมื่อตอนนี้นางยอดรักเริ่มผ่อนคลายไปกับตน และยิ่งเธอแอ่นเด้งเร่ายกร่างเล็กตอบสนองก็ยิ่งทำให้เวตาลหนุ่มเคลื่อนไหวเอาแต่ใจหนักหน่วงขึ้นดุดันขึ้นกว่าเดิม
“อ่า...ดีเหลือเกินทูนหัวของข้า ซี้ด...” ปากหนากดทาบทับปิดกลืนกินเสียงร้องของสาวเจ้าอีกครั้งพร้อมกับกอดรัดยกร่างเปลือยเปล่าขึ้นหาตัวเองจนแทบจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกัน เอวหนากดคลึงหนักหน่วงบิดส่ายโยกเสียวไปตามจังหวะที่เฝ้าปรารถนามานานนับสี่พันห้าร้อยปี สำหรับอามาร์แค่นี้มันยังไม่เพียงพอกับเวลาที่เฝ้ารอมา
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
ใจดวงน้อยของสาวเจ้าพุฒิตาเหมือนกับว่าได้ถูกปลดปล่อยและมีอิสระอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงบุรุษพูดจาประหลาดที่บอกว่าเป็นคนรักตนเองเมื่อชาติที่แล้วและเขาก็อยู่รอการกลับมาเกิดของเธออีกครั้ง แม้มันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรที่ต้องโกหก ทุกอย่างมันชัดเจน และเธอเองก็กำลังเปลือยเปล่าในอ้อมกอดบุรุษที่อ้างว่า ‘รัก’ ตนมานานนับพันกว่าปี
น้ำตาพุฒิตาแห้งเหือดเหลือไว้แต่คราบเปรอะเปื้อนหางตาและหมอนที่หนุนนอน และตอนนี้ใจของเธอมันก็เหมือนจะมีความสุขเหมือนมีพลุนับล้านระเบิดอยู่ข้างในอกและยิ่งเอวหนาของบุรุษโยกคลึงแรงเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งกอดรัดเขาแน่นขึ้นพร้อมกับจิกทึ้งเล็บยาวสวยตัวเองไปกับแผ่นหลังหนาของคนเหนือร่าง
“อ่า...อื้อ”
