บทที่ 3 : ข้าปรารถนาเจ้า
น่าแปลกที่ใจของเธอเต้นแรง ขนาดกับสิบทิศ ว่าที่เจ้าบ่าวที่เธอเชื่อมาตลอดว่าตัวเอง ‘รัก’ ก็ไม่เคยมีหัวใจเต้นแรงแบบนี้ยามอยู่ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย แต่กับคนประหลาดคนนี้ เธอกลับมีความรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวและเจ็บแปลบลึกๆ ในอกอย่างอธิบายไม่ถูก สองมือน้อยหยุดตีอกแกร่งแล้ว ทุกอย่างในหัวของเธอก็ว่างเปล่าเมื่อถูกปากหนาบดจูบดุดัน
อามาร์ประคองร่างนางในดวงใจให้นอนล้มลงไปกับเตียงด้วยความอ่อนโยน แล้วตัวเขาก็เคลื่อนไหวขึ้นคร่อมทับบดจูบใช้ลิ้นสากอุ่นร้อนตัวเองตักตวงความหวานของคนไร้เดียงสาใต้ร่าง
“อะ...อื้อ” เสียงหอบหายใจและเสียงร้องครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากปากทั้งสองที่บดจูบกัน แม้ปากน้อยจะไม่ตอบสนอง แต่อามาร์ก็ไม่สนใจ ขอแค่ได้ทาบทับครอบครองแนบอิงกายนางอันเป็นที่รักก็เพียงพอแล้ว เขาไม่อาจรอเวลาได้อีกแล้ว ตลอดสี่พันห้าร้อยปี มันนานมากเกินไปสำหรับผู้เป็นอมตะอย่างเขา
“อ่า...อื้อ” อามาร์จัดการเสื้อผ้าของตนและของนางออกไปให้พ้นทางเพื่อจะได้ทาบทับบดเบียดเสียดสีกายแนบเนื้อกันและกันอย่างที่เฝ้าคอยปรารถนามานานนับหลายพันปี
พุฒิตาเย็นเยือกไปทั้งร่างเมื่อเสื้อผ้าที่ใส่อยู่หายไปในพริบตาเดียว ตอนนี้ความรู้สึกและทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกึ่งตื่นกึ่งฝัน แต่แล้วก็แน่ใจว่ามันคือความจริงเมื่อสัมผัสที่เกิดขึ้นเธอรับรู้ได้ทุกอณูผิวกาย
“อ่า...อื้อ” เธอแทบขาดอากาศหายใจ แต่เขาก็แบ่งอากาศให้ก่อนผละปากหนาออกห่างแล้วก็ก้มลงซุกไซ้หน้าอกอวบเปลือยของเธอ
“ยะ...อย่าทำแบบนี้กับฉันได้โปรด...และปล่อยฉันกลับไปเถอะ ฉันมีคู่หมั้นแล้ว”
“มันมิคู่ควรกับเจ้าพุฒิตา จำไว้มีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้นที่คู่ควร ไม่ว่าจะภพที่แล้วหรือภพนี้ของเจ้ายอดดวงใจข้า อ่า...”
อามาร์น้อยใจนักเมื่อนางพูดเช่นนี้ แต่เพลานี้บนเตียงใหญ่นุ่มนี้มีแค่เขาและนางเท่านั้น จักมิมีผู้ใดเข้ามาแทรกกลางระหว่างตนและนางได้ และยิ่งไปกว่านั้นในโลกมายาที่ถูกสร้างขึ้นนี้มีเพียงเขากับบาซาเท่านั้นที่เข้ามาได้ หากมิได้ถูกพาเข้ามา มีหรือจักมองเห็นอีกมิติที่เขาสร้างขึ้นเพื่อนางอันเป็นที่รักใต้ร่าง
“อ่า...อื้อ” เรียวลิ้นอุ่นร้อนของบุรุษแปลกหน้ากำลังดูดคลึงรัดเรียวลิ้นเล็กของเธอและมันทำให้ใจของเธอเต้นแรงตื่นเต้นไปกับความแปลกใหม่ที่เพิ่งได้พานพบในครั้งนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตจนเข้าพิธีแต่งงาน สิบทิศก็ยังไม่เคยได้สัมผัสเธอแม้แต่น้อย เขาทำได้แค่เพียงกอดและจับมือด้วยอยากถนอมเธอไว้ในคืนเข้าหอและเธอก็คิดเช่นเดียวกับเขาจึงเก็บความบริสุทธิ์นี้มาจนถึงอายุยี่สิบสี่ปี
เวตาลผู้เป็นอมตะผละปากหนาของตัวเองจูบไซ้ซอกคอระหงของยอดดวงใจมายังเนินอกอวบอูมแล้วมือใหญ่ก็กอบกุมเต้าอวบนุ่มนิ่มเคล้นคลึงหนักหน่วง อีกมือที่ว่างก็กอดเอวเล็กคอดรัดรั้งขึ้นหาตัวเอง ปากหนาก็เคลื่อนไหวกับยอดอกแข็งตึงของสตรีอันเป็นดวงจิตดวงใจของตนเอง
“อะ...ได้โปรด...ปล่อยฉันไปเถอะ อื้อ...” แม้จะมีสติและเรี่ยวแรงน้อยนิดเธอไม่สน ขอแค่ให้ได้พูด แต่ร่างกายของพุฒิตาตอนนี้มันกลับทรยศคำพูดตัวเอง ร่างน้อยเปลือยเปล่ากำลังแอ่นเด้งยกเร่าตอบสนองคนเหนือร่างแม้จะไม่ประสีประสาไร้ประสบการณ์ แต่ความเงอะงะไร้เดียงสาของเธอนี่แหละที่ทำให้อามาร์คึกคะนองในตอนนี้
“อ่า...เจ้ามิปรารถนาให้ข้าหยุดหรอกพุฒิตา ใจของเจ้ากับร่างกายของเจ้าตอนนี้มันกำลังเรียกร้องให้ข้าสัมผัส อื้ม...สวยเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือตอนนี้ เจ้าก็งดงามมิเคยเปลี่ยนยอดรัก อ่า...อื้ม” เขาลากลิ้นหนาไปกับร่องอกอวบอูมที่มือใหญ่ตนเองกำลังเคล้นคลึงสวาท
“ฉะ...ฉันบอกให้คุณหยุดไงเล่า อะ...อุ๊ย!” แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งแอ่นเด้งยกตัวขึ้นเมื่อปากหนากัดงับดึงยอดอกสีชมพูหวานของตนหนักหน่วง
หึหึ
