อามาร์

42.0K · ยังไม่จบ
ณิการ์
29
บท
459
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"เวตาลอามาร์" เฝ้ารอนางอันเป็นที่รักมาตลอดสี่พันห้าร้อยปี แน่นอนเขามีอายุเกือบหมื่นปี และตอนนี้นางก็กลับมาแล้ว "พุฒิตา" ไม่เชื่อเรื่องอดีตแต่เมื่อถูกเวตาลหื่นกามจู่โจมแล้วเธอจะต้านทานไหวได้ยังไงเมื่อเขามีหน้าตาหล่อขยี้ใจขนาดนั้น เป็นใครจะต้านและทนไหวเมื่อถูกขยี้ 'รัก' ดุดัน +++++ “อ่า...คุณมันไม่ใช่คน อะ...อื้อ” แล้วเธอก็ต้องร้องครางซ่านออกมาเมื่อปากหนากัดคลึงยอดอกตัวเองหนักหน่วง “ข้าคือเวตาล และเป็นเวตาลที่มีแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่จักได้ครอบครองร่างกายกับจิตวิญญาณของข้ายอดรัก อ่า...” แล้วปากหนาก็เคลื่อนไล้มายังหน้าท้องแบนราบที่กำลังเคลื่อนไหวตามแรงหอบหายใจของเจ้าของร่างเล็กระหงน่าทะนุถนอม “คุณมันต่ำช้า!” “เดรัจฉานเช่นข้ามิมีความดีให้พูดถึง นอกจากความต่ำทราม ดวงใจของข้าเอ๋ย...อื้ม” แล้วเขาก็ไล้ปลายลิ้นสากลามเลียหน้าท้องแบนราบไปยังความเป็นสตรีของนางอันเป็นที่รักที่อวบนูนสวยงามแถมยังฉ่ำแฉะเพื่อรอให้ตนกลืนกินน้ำเกสรงามอีกด้วย ++++++ ว้าย! “น้ำบ้า! นึกอยากหยุดก็หยุด นึกอยากไหลก็ไหล” พุฒิตายกมือปัดน้ำที่เข้าตาออกทิ้งพร้อมบ่นและเริ่มอาบน้ำต่อ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะขำอยู่ด้านหลังก็รู้ในทันทีว่าใครทำให้น้ำหยุดไหล หึหึ “คุณ!” เธอเอี้ยวหันหน้ามาทางเจ้าของต้นเสียงพร้อมกับปิดน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวที่ชั้นวางผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มตัวเปลือยให้พ้นสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมายังตน “ทำไมไม่อาบต่อเล่า ข้าเองก็เหนียวตัวเช่นกัน” มือใหญ่ยกขึ้นถอดเสื้อสูทตัวนอกออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในของตัวเองทีละเม็ดทั้งๆ ที่แค่ใช้เวทคาถาเสื้อผ้าก็หลุดแล้ว แต่เขาอยากปลดถอดมันออกทีละชิ้นต่อหน้านางมากกว่าใช้วิธีเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ

เผด็จการรักรักต้องห้ามเหนือธรรมชาติ แวมไพร์สัญญาทางรักหลายตัวตนแฟนตาซี พลังเหนือมนุษย์

บทนำ เจ้าเป็นของข้า

ยามค่ำคืนดึกดื่นมืดสงัดบนดาดฟ้าของโรงแรมอามาร์ชื่อดัง แต่มิมีผู้ใดมองเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ ดวงตาสีน้ำตาลเจือเขียว มีปีกเป็นค้างคาวนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง อีกข้างหย่อนตามแรงโน้มถ่วงของโลก ในมือมีไม้ตะพดหัวค้างคาวตาสีแดง บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ “อามาร์” แฝงเร้นกายอาศัยอยู่กับมนุษย์มานับสี่พันห้าร้อยปี เมื่อครั้งอดีตเวตาลอย่างพวกเขาอยู่รอดด้วยการกินของเน่าของเสียซากศพและออกหากินเฉพาะกลางคืน ชอบอาศัยอยู่ตามสุสาน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปกาลเวลาผันเปลี่ยนด้วยอำนาจวิเศษและเวทมนตร์ทำให้ปรับตัวใช้ชีวิตได้แบบมนุษย์ทั่วไป ทุกอย่างล้วนใช้อาคมมนตร์มายาจัดการ ฉากหน้าคือนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ แต่มิมีผู้ใดเคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ทุกคนรู้แค่ว่าเขาคือหนุ่มใหญ่และชอบเก็บตัว

“อามาร์ขอรับ” บาซา ข้ารับใช้ที่อยู่ติดตามมานับพันปีที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ย

“ว่ามาบาซา” เสียงเข้มห้าวเอ่ยตอบกลับไป แต่สายตายังคงจดจ้องวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยแสงไฟมากมายหลายล้านดวง

“พรุ่งนี้นางจะเข้าพิธีแต่งงานขอรับอามาร์”

“นางจักมิมีวันนั้น” เสียงเข้มตอบกลับพร้อมกับตีไม้ตะพดในมือกับมืออีกข้างจนเกิดเสียง

“นานเหลือเกินที่ข้ารอนาง จะชาตินี้หรือชาติที่แล้วนางก็เป็นของข้า...บาซา ไอ้อีหน้าไหนอย่าหวังจะได้แตะต้องนาง มีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้นที่แตะต้องและสัมผัสนางได้” ดวงตาสีเขียวมีประกายเพลิงสีแดงลุกมองจ้องไปยังเบื้องหน้า ก่อนจะหายตัวจากไปเงียบๆ ส่วนบาซาก็หายตัวไปจากตรงนี้เช่นกัน

เมื่อทั้งสองต่างมีใจเห็นพ้องต้องกันจึงทำให้เกิดงานแต่งงานในวันนี้ขึ้น ตอนเช้าเป็นพิธีสวมแหวนหมั้นและทำบุญตักบาตรเล็กๆ ที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว ตอนเย็นเป็นงานแต่งงานที่จัดเลี้ยงที่โรงแรมหรูชื่อดังของยุคสองพัน ไม่ว่าใครก็ใฝ่ฝันอย่างมีงานแต่งงานที่โรงแรม ‘อามาร์’ แห่งนี้ และพุฒิตา มากทรัพย์ หรือตา สาวสวยวัย 24 ปี ก็ได้จัดงานแต่งงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมแห่งนี้ เพื่อนฝูงและคนรู้จักต่างอิจฉา เพราะต้องมีเงินมากมายถึงได้มีงานแต่งงานสวยๆ หรูๆ ที่โรงแรมแห่งนี้ ส่วนเจ้าบ่าวของเธอนั้นคือ นายนับสิบหรือมาร์ค ทายาทคนเดียวของนักการเมืองที่กำลังเป็นที่เล่าลือกันในยุคนี้

พุฒิตากับนับสิบเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยกที่ใครๆ ต่างอิจฉา เจ้าบ่าวก็รูปงาม เจ้าสาวก็จิ้มลิ้มพริ้มพราวน่าเสน่หา แถมครอบครัวทั้งสองก็ร่ำรวยไม่แพ้กัน ก็เจ้าสาวเป็นถึงทายาทคนเดียวของนายปพนกับนางทิพย์ เจ้าของธุรกิจนำเข้าอะไหล่รถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย

ความงามของนางทำให้คนแฝงกายอยู่ในอากาศยิ้มพึงพอใจและนึกเคืองโกรธเจ้าบ่าวของนางในวันนี้ แทนที่จะเป็นตน แต่กลับมิใช่ แน่นอนว่าเขามิยอมให้นางตกเป็นของผู้ใด เขารอมานานสี่พันห้าร้อยปีเพื่อให้เธอได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง และเมื่อวันนี้เธอพร้อมสำหรับตนแล้ว มีหรือเขาจะปล่อยให้โอกาสในครั้งนี้หลุดมือไป

หึ!

ปากหนาแสยะยิ้มมุมปากมองภาพหญิงสาวยืนส่องกระจกบานสูง ร่างเล็กเพรียวระหงอยู่ในชุดเจ้าสาวลายลูกไม้สีขาว เกาะอก ใบหน้าแต่งแต้มสวยงาม และปากน้อยจิ้มลิ้มแย้มยิ้มตลอดที่มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกตรงหน้า วันนี้เธอเป็นเจ้าสาวและเป็นเจ้าสาวที่ใครๆ ก็ต่างอิจฉา

“สวยจังเลยลูก”

มือเหี่ยวย่นลูบไล้แก้มเนียนของลูกสาว โดยไม่รู้เลยว่าในห้องแต่งตัวไม่ได้มีแค่ตนกับลูกสาวและช่างแต่งหน้า

“ขอบคุณนะคะแม่ แม่ไปช่วยพ่อรับแขกข้างนอกเถอะค่ะ ส่วนพี่ๆ ช่างแต่งหน้าไปทานข้าวได้เลยนะคะ ในงานมีแต่ของอร่อย พี่ๆ ไปเดินเลือกทานได้ตามใจชอบเลยนะคะ”

เสียงเล็กหวานเอ่ยบอกแม่ของตนเองและช่างเนรมิตความสวยให้ตัวเองในวันนี้ วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขมาก จะว่าไปเป็นความสุขของผู้หญิงทุกคนที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ตนรักนั่นแหละ

“แม่ไปนะลูก”

แล้วนางก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไปพร้อมกับช่างแต่งหน้าสามคน เหลือทิ้งไว้แต่เจ้าสาวคนสวย

‘ข้าไม่ปรารถนาเห็นนางรักคนอื่นที่ไม่ใช่ข้าอีกแล้วบาซา’ เสียงเข้มขรึมเอ่ยดังขึ้นบอกคนติดตาม แต่นางในดวงใจมิได้ยิน

‘แล้วท่านจะทำเช่นไรอามาร์ ในเมื่อวันนี้นางจะแต่งงานกับมนุษย์นั้นแล้ว’ บาซาถามนายเหนือหัวของตนเอง

‘หึ! ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำนั่นรึ มันไม่มีวันจะได้ครอบครองนาง นางเป็นของข้า ไม่ว่าจะเมื่อสี่พันปีที่แล้วหรือจะปัจจุบันตอนนี้’

บาซาเงียบ ด้วยรู้และเข้าใจความหมายของนายเหนือหัว

‘ไปซะบาซา ไปรอข้าที่คฤหาสน์ของเรา’ สิ้นเสียงสั่งทรงอำนาจ บาซาก็เลือนหายไปพร้อมกับร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลังคนที่ยืนส่องกระจกก้มดูตัวเองชื่นชมความสวยของตัวเอง

“เจ้างามนักเมียข้า…” เสียงเย็นยะเยือกทำให้คนในชุดเจ้าสาวเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ร้องกรี๊ดออกมา แต่เสียดายเสียงร้องนั้นไม่ได้ทำให้คนข้างนอกได้ยิน เพราะเธอถูกลมพัดหอบพาหายไปจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้นมาก่อน

พึ่บ!

พุฒิตายืนงง เมื่อครู่อยู่ในห้องแต่งตัวอยู่หน้ากระจกดีๆ แต่ตอนนี้เธออยู่ไหนเล่า จำได้ว่าคุยกับแม่และช่างแต่งหน้า แล้วทุกคนก็ออกจากห้องและตัวเองก็ยืนส่องกระจกชื่นชมความงามตัวเอง แต่ทุกอย่างก็เหมือนภาพตัด เธอมาโผล่ที่ไหนไม่รู้ ในห้องตกแต่งหรูหรา แต่ไม่ได้ทันสมัย

“ที่ไหนกัน?”

เธอพึมพำกับตัวเอง แม้จะตกใจและหวาดกลัว แต่เธอก็ยังคงมีสติไม่ร้องกรี๊ดตื่นตูม ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ห้องที่แสงไฟให้ความสว่างในห้อง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นใครบางคนที่ไม่คุ้นเคยและไม่คุ้นตายืนยิ้มให้ตนอยู่มุมห้อง

“ยินดีต้อนรับ” อามาร์เอ่ยเสียงนุ่มพร้อมส่งยิ้มพราวเสน่ห์ให้นางในดวงใจ นานนับสี่พันห้าร้อยปีที่เธอปักฝังอยู่ในใจของเวตาลอย่างเขา

“คุณเป็นใคร?” พุฒิตาก้าวถอยเดินไปด้านหลังเมื่อชายแปลกหน้าเดินย่างก้าวเข้ามาหาตนเรื่อยๆ

“แม้วันนี้เจ้าจักจำข้ามิได้ แต่ข้าจะสร้างความทรงจำกับเจ้าใหม่” เขาเจ็บปวดเหลือเกินกับคำถามที่ห่างเหินและแววตาที่ไร้ความรู้สึกส่งมาให้ แต่อามาร์ก็เชื่อว่าตนสามารถทำให้พุฒิตารักตนได้อีกครั้งแน่นอน และนางจักต้องลืมเลือนความรู้สึกที่มีแต่มนุษย์ชั้นต่ำนั้นแน่นอน

“ยะ...อย่าเข้ามาใกล้ฉัน” เธอยกมือห้ามไม่ให้ชายแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ตนเมื่อตัวเองเดินถอยจนหลังชนผนังห้องด้านหลัง และยิ่งคำพูดโบราณของคนตรงหน้านี้ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว แต่ก็ยังคงเก็บซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าสวยที่แสดงออกมาว่ามิเกรงกลัวอีกฝ่าย

“ข้าปวดใจนักที่เจ้ารังเกียจข้าพุฒิตา”

คำพูดลิเกโบราณของคนตรงหน้าทำให้เธอทั้งขำและกลัว

“เราไม่รู้จักกันแล้วคุณจะมาปวดใจเพราะฉันทำไม อีกอย่างที่นี่ที่ไหน คุณพาฉันมาได้ยังไง หรือคุณมีคาถาอาคมวิเศษ” เธอถามเพื่อให้ตัวเองหายสงสัย ก็มันเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ดีๆ ตัวเองจะมาโผล่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้

“เจ้าอยู่ที่เดิมมิได้ไปไหน” อามาร์ตอบแล้วก็ยกมือสะบัดไปกับอากาศ ทุกอย่างในห้องก็กลับไปเป็นห้องแต่งตัวของหญิงสาว แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นห้องที่ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้พุฒิตาสติหลุดทรุดตัวลงนั่งกอดตัวเองด้วยความหวาดกลัว และยิ่งตอนนี้บุรุษร่างใหญ่เดินมาหยุดตรงหน้าตัวเองก็ยิ่งกลัวจนหดตัวลีบ ในมือของเขามีไม้ตะพดหัวค้างคาวตาสีแดงเหมือนมีชีวิต

“เจ้ากลัวข้ารึพุฒิตา” อามาร์ย่อตัวคุกเข่าตรงหน้านางในดวงใจแล้วเก็บไม้ตะพดในมือแล้วจับหัวไหล่เล็กที่สั่นเทาเพราะความหวาดกลัวตน

“ยะ...อย่ามาแตะต้องฉัน” แม้จะกลัวแต่ก็ยังคงหวงตัวเองปัดมือใหญ่ทั้งสองที่กุมหัวไหล่เล็กตัวเองออก

“ข้ามิชอบสายตากับน้ำเสียงที่ห่างเหินและกลัวข้าเช่นนี้ และข้าเกลียดที่เจ้าใส่ชุดแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่ข้า” อามาร์พูดจบ ชุดแต่งงานแสนสวยก็ถูกสับเปลี่ยนด้วยชุดเดรสชีฟองลายดอกชมพูหวานอย่างที่ผู้หญิงวัยนี้นิยมกันในยุคสมัยนี้

พุฒิตาไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนนี้คือความจริง แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันตอกย้ำแล้วว่ามันคือความจริง สมองของเธอกำลังขบคิดและปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“เจ้าคงสับสน งั้นก็พักเสียเถอะพุฒิตา” แล้วนางในดวงใจก็หมดสติ เขาก็อุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มเพื่อให้นางหลับพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันใหม่

“เจ้าจักเป็นของข้าและจักเป็นเช่นนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะภพนี้หรือภพหน้าพุฒิตา” อามาร์บอกกับคนที่หลับสนิทเพราะเวทมนตร์ของตนแล้วก็หายไปจากห้องเพื่อไปสั่งงานบาซา ก่อนจะกลับมานอนกอดนางในดวงใจเพื่อนอนหลับไปด้วยกัน