บทที่ 2 : ข้ามิเคยลืมเจ้า
“เจ้ามิเคยเป็นคนอื่นสำหรับข้า และข้าก็มิเคยเป็นของหญิงใดนอกจากเจ้า มิว่าจะเป็นตัวเจ้าเมื่อชาติที่แล้วหรือเจ้าในชาตินี้ที่มาเกิดใหม่อีกครั้ง”
ยิ่งคนตรงหน้าพูด เธอก็ยิ่งงง คำพูดโบราณและคำพูดของเขามันเหมือนกับว่าเขาอยู่มานาน
“มะ...หมายความว่ายังไงที่คุณบอกว่าชาติที่แล้ว หรือว่าฉันกับคุณรู้จักกันตั้งแต่ชาติที่แล้วรึยังไงกัน” เธอกลืนก้อนสะอื้นไห้ถามเขากลับอย่างสงสัย หัวคิ้วเรียวงามทั้งสองขมวดชนกันอย่างใช้ความคิด
“ตั้งแต่อดีต เจ้าและข้านั้น ‘รัก’ กัน แต่ก็มิอาจอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้ได้ เพราะเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ส่วนตัวข้านั้นหาใช่ไม่ ข้ามิชอบสายตาที่เจ้ามองข้าด้วยความหวาดกลัวข้าเช่นนี้ดวงใจข้า ข้ามิปรารถนาจักเห็นมัน ข้าปรารถนาให้เจ้ามองข้าด้วยความ ‘รัก’ ความ ‘อบอุ่น’ เมื่อชาติที่แล้วเจ้ามิเคยรังเกียจที่ตัวข้ามิใช่มนุษย์เฉกเช่นเจ้า แต่เจ้าก็ยังเลือกจักอยู่กับข้าแม้จนลมหายใจสุดท้าย และเจ้ารู้รึไม่พุฒิตาว่าข้ารอเจ้ามานานแค่ไหน สี่พันห้าร้อยปี นั่นคือเวลาที่ข้ารอคอยเจ้ากลับมาเกิดอีกครา และเจ้าก็กลับมาเป็นมนุษย์เช่นเคย ส่วนใจที่เจ้ามิต่อข้า ข้ามิสนว่าชาติภพนี้เจ้าจักลืมข้าสิ้นแล้ว แต่ข้าจักทำให้เจ้า ‘รัก’ ข้าอีกครั้งเหมือนเมื่อครั้งอดีต”
เธอควรรู้สึกยังไงดีเมื่อได้ฟังคนประหลาดพูดเรื่องอดีตชาติกับตน และยิ่งไปกว่านั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง แต่เธอก็มองสำรวจใบหน้าของบุรุษตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าที่ค่อนไปทางคนสมัยโบราณ แต่ทว่าหล่อกว่านายแบบพระเอกดาราที่ตนเห็นในยุคสมัยนี้ และยิ่งคำพูดนั้นแล้วยิ่งทำให้เธอเชื่อคำพูดของคนตรงหน้าได้อย่างสนิทใจ แล้วทำไมดวงตาของเขาถึงเป็นสีน้ำตาลเจือเขียว หากเป็นคนโบราณไม่น่าจะมีดวงตาสีนี้ ถ้าเป็นคนต่างชาติน่ะไม่แน่ เพราะดวงตาจะมีทั้งเขียว ฟ้า น้ำตาล เทา
“แสดงว่าชาติก่อน ฉันกับคุณ เรา ‘รัก’ กัน แล้วคุณก็อยู่รอฉันตั้งแต่ที่ฉันตายจากไปจนถึงวันนี้ใช่ไหมคะ แสดงว่าคุณอายุมากกว่าสี่พันห้าร้อยปี?” เธอทั้งกลัวและทั้งอยากรู้ มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มออกทิ้งและเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบแทนคำพูด
“ฉันต้องฝันไปแน่ๆ ฝันไปแน่นๆ ยัยตา มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะอยู่มานานขนาดนี้ แถมยังหนุ่มแน่น”
เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ มองดูยังไงคนตรงหน้าก็น่าจะอายุไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำ จากคนที่ร้องไห้และร้องกรี๊ดก่อนหน้านี้กับตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อได้ฟังคำพูดลิเกของอีกฝ่ายและได้คิดตามแล้วมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน และไม่คิดว่ามันคือความจริงนอกจากความ ‘ฝัน’
“งั้นข้าจักทำให้เจ้ากระจ่างว่ามันคือความจริงมิใช่ฝันพุฒิตา” แล้วเวตาลอามาร์ก็ก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้างามแล้วกดแนบริมฝีปากหนาอุ่นของตัวเองกับปากน้อยนุ่มนิ่มของหญิงสาว
“อะ...อื้อ” พุฒิตาตาโตเมื่อถูกคนตรงหน้าบดปากจูบปากตัวเอง มันคือจูบแรกของเธอ ขนาดสิบทิศเจ้าบ่าวก็ยังมิเคยได้จูบปากเธอมาก่อน มากสุดก็แค่จับมือกับกอดที่เธอให้สิบทิศได้
อามาร์ดุนดันปลายลิ้นอุ่นร้อนตัวเองเข้าไปในโพรงปากน้อยของสาวเจ้า แค่นี้ก็รู้แล้วว่าตนคือคนแรกที่ได้ประทับริมฝีปากอ่อนนุ่ม อดีตชาตินางไร้เดียงสาเช่นไร ปัจจุบันพุฒิตาก็ยังคงเป็นแบบเดิม นางกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชื่อเดิมเมื่อในอดีต
“อ่า...อื้อ” พุฒิตาตกใจ สมองหยุดสั่งงานไปชั่วขณะ แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น สองมือน้อยทุบตีอกแกร่งของเขาให้หยุดและพยายามบิดเบี่ยงหน้าหลบหนีปากอุ่นร้อนบุรุษ แต่ท้ายทอยกลับถูกมือที่จับหัวไหล่ก่อนหน้าเคลื่อนมาจับรั้งให้แหงนเงยขึ้นรองรับอารมณ์ของปากคนประหลาด
“อ่า...อื้อ” เมื่อเรียวลิ้นอุ่นร้อนสอดดุนดันเข้ามาในโพรงปากน้อยได้ อามาร์ก็ไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กของนางให้จนมุมก่อนจะตวัดดูดเรียวลิ้นน้อยของนางในดวงใจ นานเหลือเกินที่เขาเฝ้าปรารถนาช่วงเวลานี้ นานเหลือเกินที่จะได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความมืด
