บทที่4
เธอรู้ว่าเขามีงานที่ต้องดูแลและเธอไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้กับเพื่อนชายที่เธอสนิท เพราะนี่มันก็มากพอ กับราคาที่พักในแต่ละคืนที่เขาเสียไปกับเธอ แม้จะเป็นลูกของเจ้าของโรมแรมดัง แต่ค่าใช่จ่ายต้องมี เพราะชายหนุ่มต้องเปิดห้องอีกห้องแทนห้องตัวเองที่ให้เธออยู่ชั่วคราว
“ไม่รู้สิ ผมรู้สึกไม่ดีเลย หากปล่อยสากลับไปคนเดียว” ความกังวลทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจทันด่วน ทั้งที่จริงรับปากคนเป็นแม่ว่าจะช่วยดูแลงานทางโรงแรมที่ถือหุ้นส่วนที่นี่ต่ออีกนิด หากแต่เปลี่ยนใจ ขอไปดูแลอีกแห่งโดยไม่เสียงาน นั่นคือโรงแรมที่เมืองไทยและเป็นชื่อเดียวกัน ที่คนเป็นแม่ได้เป็นหุ้นส่วนไว้ และไม่เคยลงไปดูแล เพราะความไว้ใจ และเขาเองก็คงรู้สึกไม่ต่างอะไรกับมารดา
“คิดมากน่า สาก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” เอ่ยบอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะมีเซ้นต์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้จริง
“ไม่เอา ไม่รู้ละ ผมจะกลับพร้อมกับสา แล้วกลับไปครั้งนี้ผมจะจัดการเรื่องของเราอย่างจริงจังเสียที” น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง ณริสามองหน้าเพื่อนรักที่เธอให้ความสนิทสนมที่สุดในบรรดาเพื่อนที่มี จนบางครั้งเธอคิดอยากเลื่อนความสัมพันธ์จากเพื่อนเป็นแฟน หากแต่หัวใจกลับไม่รู้สึกตอบรับกับความคิดนั้น
คำตอบที่ได้แทนที่จะดีใจ แต่ณริสากลับเก็บก้อนบางอย่างไว้ในอกแทน เธอไม่อยากรู้และเข้าใจไปเอง ว่าคำพูดนั้น คือคำบอกกล่าวกรายๆ ถึงความต้องการที่จะเลื่อนความสัมพันธ์กับเธอในเร็วๆ นี้
“แล้วเงินค่าตั๋ว สาจะคืนให้เมื่อกลับถึงบ้านนะคะ” เธอเบนความสนใจไปเรื่องอื่น
ความจริงเธอไม่มีแม้เงินจะเดินทางกลับบ้าน และนั่นเป็นสัญญาณ ว่าบ้านของเธอคงมีปัญหาเรื่องการเงินจริง อย่างที่ได้รับข่าวมาจากคนที่หวังดี หรือร้ายกันแน่...?
ตาคมสีน้ำตาลเข้มมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ผมยินดีที่จะให้สามากกว่านั้น อย่าคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้อีก เพราะนั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกผิด”
โจเซฟรู้ตัวดีว่ายิ่งเขาดูแลห่วงใยหล่อนมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเหมือนเธอกลายเป็นคนอ่อนแอจะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ดีว่า ณริสาไม่ต้องการเลย!
9.00 ในประเทศไทย
“ให้ผมไปส่งนะครับ จะได้รู้จักคุณพ่อคุณแม่สาด้วย” โจเซฟเหมือนจะรุกหนัก หลังจากที่เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออก และหยิบกระเป๋าจากช่องลำเลียงกระเป๋าเรียบร้อย โดยไม่ลืมหยิบของณริสาติดมาด้วย
“อย่าดีกว่า เอาให้สา เลียบๆ เคียงๆ ท่านก่อนดีกว่า แล้วโจค่อยไปนะ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วลง เธอรู้ว่าอีกฝ่ายจริงใจแค่ไหน แต่ยังไงเป็นเธอที่ยังไม่พร้อมเสียเอง โดยเหตุผลสำคัญอยู่ในใจที่เธอไม่เคยขุดคุ้ยออกมาให้ใครได้รับรู้
“งั้นสากลับถึงบ้าน สาโทร.หาผมนะครับ” โจเซฟบอกด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะ...” ณริสายิ้มหวานและตอบรับ พร้อมกับยื่นมือเรียวรับกระเป๋าแบบล้อลากใบไม่ใหญ่นักจากมือหนา “ยังไงสาจะโทรหานะคะ” เธอไม่ลืมที่จะยิ้มหวานส่งให้ เพื่อไม่ให้อีกคนรู้สึกใจฝ่อกับการปฏิเสธครั้งนี้
“ครับ” เขารับคำ ความรู้สึกอุ่นซ่าน เมื่อเธอส่งรอยยิ้มให้ หากแต่รู้สึกใจหวิวเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนที่คบกันมานานจะยังไม่เปิดใจให้เขาเข้าถึงครอบครัว...
‘ขอเวลาให้สาอีกนิดนะโจ...’
สาวมั่นอย่างณริสาเอ่ยฝากลม มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อผ้าราคาแพง แต่เป็นเสื้อผ้าสไตล์เรียบง่าย กางเกงยีนเนื้อดีสวมเสื้อเชิ้ตทับเสื้อยืดด้านใน แต่นั่นก็ทำให้เป็นที่สะดุดตาของใครหลายคน ที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น เธอชอบที่เขาเป็นตัวของตัวเอง ไม่เรื่องมากไม่เจ้าระเบียบ เสื้อผ้าไม่ต้องเนี้ยบอย่างผู้ชายคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้าแวะเวียนแจกขนมจีบ โจเซฟแต่งตัวธรรมดาแต่ดูดี คือสิ่งสะดุดตาที่เธอตัดสินใจเลือกคบหา โดยไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มจะมีฐานะอย่างไร
สายตาจับจ้องสิ่งที่ลับตาไป แล้วหันกลับมาหวนคิดเรื่องของตัวเองอีกครั้ง ความจริงเป็นมายังไง เรื่องที่เธอต้องรีบสะสางสืบหาความจริง...!
ณริสาสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงเพื่อฮึดสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ตัดใจมองเส้นทางข้างหน้า แต่หัวใจใช่ว่าไม่คิดถึงคนด้านหลัง ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการแบบสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการไม่ แต่สิ่งที่ครอบครัวเธอกำลังประสบ ทำให้เธอไม่มั่นใจเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร การจะคบกับใคร มันไม่ใช่ปัญหา แต่เพราะเหตุผลที่กำลังเกิดขึ้นต่างหากทำให้เธอต้องเลือกที่จะหยุดความรู้สึกนั้นไว้...
ใบหน้าที่ตกแต่งไว้คมเฉียบ ดูดีไปตามวัย อย่างคุณนาย อโณทัย วัย 48 ปี มองผู้เป็นสามีที่นั่งดื่มเหล้าเป็นน้ำ สายตาจิกมองอย่างเหยียดๆ ตอนนี้เธอเริ่มขัดสนเงินในมือที่สามีให้จ่ายประจำทุกเดือนและตอนนี้นางต้องการใช้ก่อนกำหนด ที่ได้รับรายจ่ายจริงๆ ของเดือนที่จะถึง
“นิคุณ กินแล้วมันจะได้เรื่องอะไรขึ้นมา เงินน่ะเงิน ฉันต้องการเงินนะ!” เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่พอใจ และเอือมระอากับสภาพของสามีหลายวันมานี้
“คุณก็เพลาๆ ลดรายจ่ายลงซะบ้าง” คนที่พอยังมีสติเอ่ยขึ้นบ้าง
