
บทย่อ
แม้จะเป็นผู้ชายที่สาวๆหมายตา หากแต่ อณาธิป ธนเกียรติ นักธุรกิจคลื่นลูกใหม่มาแรง กับร่ำร้อง หึงหวง ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า นางบำเรอ ที่เขาผูกมัดด้วย สัญญาเถื่อนอย่าง ณริสา ณรงค์พล ยามที่ผู้ชายอื่นอยู่ใกล้“ทำไม ผู้หญิงอย่างคุณ ต้องจับเนื้อต้องตัวในที่โล่งแจ้งใช่มั้ย ถึงจะจับได้”“ใช่ แต่หากเป็นคุณ ที่ตรงไหนมันก็จับไม่ได้ทั้งนั้น”“ทำไม หรือไอ้ที่ผมสนองให้คุณมันไม่ถึงใจหรือไง”“ใช่ จำเอาไว้ด้วยว่า ที่คุณแตะเนื้อต้องตัวฉัน มันจืดชืดไร้น้ำยา แล้วไอ้เสียงที่คุณว่าฉันครวญคราง ยามที่คุณปรนเปรอให้ ฉันก็แค่สงเคราะห์ให้คุณดีใจเล่นก็เท่านั้น”ณริสาโต้กลับด้วยอารมณ์เดือดดาล และนั้นทำให้อณาธิปอารมณ์ขาดผึง!นิยายเรื่องนี้ เป็นซีรีส์ 4 เล่ม แยกอ่านกันได้1 ผู้หญิงขัดดอก2 เมรีขยี้รัก3 โซ่รักหัวใจเถื่อน
บทที่1
แฟ้มเอกสารถูกโยนลงบนโต๊ะ จนเกิดเสียงดัง พร้อมกันนั้นสิ่งที่วางเป็นระเบียบอยู่ก่อนแล้ว ตกกระเด็นออกจากจุดเดิม บางอย่างหล่นกลิ้งหลุนๆ ไปไกล เจ้าของโต๊ะได้แต่แปลกใจ มองสิ่งที่ถูกโยนลงมาตรงหน้าก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ และถามคำถามออกไป
“เป็นอะไร ทะเลาะกับเมียแล้วมาลงที่โต๊ะของฉัน” คำเย้าแหย่ ทำเอาคนหงุดหงิดสะดุ้งก่อนจะปรับสีหน้านิ่ง
“ทำเป็นเล่น” คนไม่ตอบคำถามย้อนกลับเสียงขรม
มือเรียวหนาทั้งสองข้างยกขึ้นสูงระดับอก บ่งบอกว่ายอมจำนน “เออ ว่ามา อะไรทำให้นายเป็นแบบนี้” คำถามจริงจัง จ้องมองคนแสดงอาการหงุดหงิดอย่างรอฟัง
“นายทำแบบนี้เท่ากับฆ่าบริษัทตัวเอง” เพื่อนร่วมก่อตั้งบริษัทว่าเสียงกร้าว คนบนเก้าอี้ผสานนิ้วมือเข้าหากัน สีหน้าเรียบนิ่งแต่ภายในใจครุ่นคิดจ้องตอบ เพื่อค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงบนใบหน้าเพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกัน จนเวลาล่วงเลยต่างคนต่างมีครอบครัว แต่ความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้น ไว้ใจซึ่งกันและกัน เมื่อต่างคนต่างไม่มีพี่น้องคลานตามกันมา เพื่อนที่มีจึงเสมือนญาติสนิทก็ว่าได้ กระทั้งตัดสินใจจูงมือกันมาเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผ่านมาเกือบปีทุกอย่างกำลังไปได้สวย กระทั้งวันนี้...
“ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก นายอย่าคิดมากสิ” นาธรเอ่ยเสียงเรียบแต่คนฟังกลับไม่รู้สึกดี
“ไม่ให้คิดมากได้ไง ราคาต้นทุนสูง แต่ประมูลวงเงินต่ำ เห็นยัง ว่าไม่มีใครให้ราคาต่ำขนาดนั้น เพราะเขาดูแล้วว่าหากประมูลรอบนี้ได้ มีเข้าเนื้อกันชัวร์” ดิษกุลว่าหน้าเครียด
เจ้าของโต๊ะทำงาน ยังมีใบหน้าเรียบนิ่งผิดจากนิสัยขี้เล่นยามอยู่ด้วยกัน ต่างจากบุคคลที่ยืนอยู่ ที่ปกติเป็นคนสุขุม แต่วันนี้กลับมีสีหน้าถมึงทึง อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นาธรมั่นใจว่าเพื่อนรักต้องมีเรื่องกับภรรยามาก่อนเป็นแน่ เพราะเขาเองได้ยินข่าวซุบซิบเรื่องที่นางทำตัวเป็นสาวโสด ทิ้งลูกวัยสามขวบเศษให้อยู่กับคนใช้ เที่ยวเตร่กลับดึกค่อนคืน จ่ายเงินเป็นเบี้ย ส่วนสามีเป็นคนเงียบนิ่ง ทำแต่งาน รักครอบครัว มุ่งมั่นสร้างฐานะ เมื่อเหนื่อยทั้งงานเหนื่อยทั้งใจ คงสะสมปัญหาไว้จนเต็มที่จนหาที่ระเบิด และนั่นเขาไม่ถือสา หากเพื่อนจะระบายใส่เขา
แต่เรื่องงานเขายอมรับว่าการประมูลครั้งนี้วงเงินต่ำสุดหากเทียบกับการประมูลครั้งอื่นเมื่อหักลบกันแล้ว
“ฉันขอโทษ แต่คงไม่ทำให้เราถึงกับเข้าเนื้อหรอกเชื่อฉันสิ” นาธรเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเพื่อนรักสีหน้าไม่คลายลง เพราะครั้งนี้เขาเองก็ผิดที่เปลี่ยนแผนในมติประชุมในราคาประมูลที่ตกลงกันไว้ แต่พอถึงวันยื่นซองประมูล เขากลับเปลี่ยนตัวเลขเพียงลำพังเพื่อให้ได้งานครั้งนี้ เพราะมั่นใจว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ก็อยากได้เช่นกัน และมีแววว่าจะแพ้หากยื่นราคาตามที่มติประชุมลงความเห็นกัน
แต่ครั้งนี้ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ กระทั้งทำให้เพื่อนรักไม่คิดฟังเหตุผลจากเขา
จากที่คาดคะเนไว้ว่าไม่ขาดทุนเป็นแน่ ก็เป็นจริงเมื่อโครงการก่อสร้างสำเร็จ แต่กำไรที่หักต้นทุนและค่าใช่จ่ายต่างๆ ที่เหลือหารสองก็ได้น้อยกว่าครั้งไหนๆ แต่ดิษกุลก็ยังมีทีท่าห่างเหินไม่ทักทายเพื่อนรักอย่างเคย เจอกันก็ต่อเมื่อมีการประชุมร่วมกันเท่านั้น
นาธรเริ่มหวั่นวิตก...เพราะอะไร หากเขาอยู่แล้วสร้างความลำบากใจ เห็นทีต้องแยกเพื่อความสบายใจของเพื่อนรัก
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานาธรเก็บความคิดไว้เพียงลำพัง จนภรรยาที่เฝ้ามองอย่างผิดสังเกตจึงตัดสินใจถามขึ้น อีกทั้งข่าวที่ได้ยินมา อาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง...
เกือบสี่ทุ่ม หลังจากยืนมองจนรถสามีจอดรถเข้าที่ ที่พักนี้กลับดึกทุกวัน ปรางวลัยเข้าครัวยกน้ำเพื่อเอาใจสามีอย่างเช่นทุกวัน “ที่ทำงานมีปัญหาหรือคะ” เธอถามในสิ่งที่เธอคิดไว้เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมยื่นแก้วน้ำที่เตรียมไว้รอรับก่อนแล้วให้สามี มือหนารับไว้แล้วดื่มน้ำจนเหลือค่อนแก้วแล้ววางลง
“มีปัญหานิดหน่อย” น้ำเสียงเหนื่อยเอ่ยตอบไม่คิดปกปิด พร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คล้ายคนหมดแรงแม้จะได้น้ำเย็นชื่นใจแล้วก็ตาม
“เล่าให้ฟังได้ไหมคะ” เธออยากช่วยแบ่งเบาสิ่งที่สามีแบกรับเช่นกัน
นาธรพยักหน้ารับ เธอจึงนั่งลงใกล้ๆ และเรื่องทุกอย่างที่ถูกเก็บเงียบไว้ตลอดหลายเดือนก็ถูกระบายออกมาเหมือนเขื่อนทำนบแตก
เมื่อฟังที่สามีเล่ามาและกับสิ่งที่เธอได้ยินมาจากเพื่อนๆที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน มันคนละเรื่องเดียวกัน “แต่แปลกนะคะ ทำไมคุณอโณทัยถึงไปพูดในทางอื่น”
“ทางไหน?” ใบหน้าอิดโรยเพราะเครียดกับเรื่องนี้อยู่แล้วถามหน้าตื่น
“เอ่อ ก็...” เธอไม่มั่นใจว่าหากพูดไปแล้วสามีจะคิดมากอีกหรือไม่
“เล่ามาเถอะ เพราะผมก็พอรู้มาบ้าง แต่คิดว่าเป็นเพียงกระแสสร้างความร้าวฉานกันเท่านั้น”
“ก็ประมาณว่า คุณโกงบริษัท ประมูลราคารับเหมาอีกอัตราแล้วเอาเข้าไปยื่นในบริษัทอีกอัตรา พูดแบบนี้เรียกว่าหมิ่นประมาทได้นะคะ” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อบุคคลที่เอ่ยแบบไม่มีมูล
“เฮ้อ ผมทำพลาดจริงๆ แต่ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจและสิ่งที่ผมยื่นไปเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง”
“ปรางเชื่อคุณค่ะ” มือเรียวยื่นออกไปกุมมือสามีและบีบเบาๆ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หากแต่สีหน้าภรรยามีแววกังวลให้เห็นเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ลูกหลับแล้วหรอ” ครั้นได้ยินน้ำเสียงสดชื่นขึ้นของสามีเมื่อถามถึงลูกทั้งสองคน อนาธิปและธาริณี วัยแปดขวบและขวบเศษ ปรางวลัยจึงยิ้มได้และตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะ หลับกันหมดแล้ว... คุณก็อาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเดี๋ยวปรางจะอุ่นกับข้าวให้ใหม่”
นาธรพยักหน้าแล้วรีบทำอย่างที่ภรรยาบอกโดยไม่เกี่ยงงอน พร้อมกับความคิดบางอย่างที่เขาต้องตัดสินใจ...
