บท
ตั้งค่า

ep20

“เถิด มิเป็นไรดอก คราวหลังอย่าลอบอยู่หลังม่าน ออกมารับเสด็จเสียก็สิ้นเรื่อง การลอบอยู่หลังม่านนั้น ฉวยไม่เข้าใจกัน เจ้านั่นแหละจะถูกคมดาบขององค์หริ”

“น้องมิกล้า ออกมาต้อนรับ ด้วยบุญญศักดิ์เธอใหญ่ยิ่งนัก น้องแค่สามัญชนเท่านั้น”

“กระไรได้ เราเองก็เชื้อสายมหิธรปุระ เป็นเชื้อสายพราหมณ์แต่ดั้งเดิม และบริสุทธิ์มิปะปนไพร่ทาส กษัตริย์กับเราเกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่กรุงพนมก่อนถึงอาณาจักรจันทระเสียอีก”

“แต่บัดนี้ เราเป็นเพียงข้าพระบาทของพระองค์ท่านเท่านั้น”

“เจ้าคิดเช่นนั้นรึ ชาณหวี”

“...............”

ชาณหวี ไพล่ไปคิดถึงเพื่อนรัก ปราณ สะเรียสาวผู้ปราดเปรียวและร่าเริงดังดัสกร หากแต่เชี่ยวชาญการบังคับช้าง ไม่ต่างจากตระกูลของนาง อาจารย์หิรัญยะ พราหมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ สอนอันใดต่อพี่ชายของนาง ก็มิได้หวงที่จักสอนให้สะเรียเพื่อนของนางด้วย “สำรับที่ข้าทาสของชาณหวีขนมานั่น จัดเตรียมเสบียงอาหารมาให้พี่ชายล่ะซิ”

“ไม่เพียงแต่ พี่ชายของข้าดอกท่านอาจารย์ ของถวายนี้บำเรอท่าน ของสำรับนี้สำหรับพี่ชาย และของสำรับนี้ ของสหายข้า” ชาณหวีกล่าวยิ้มแย้ม นางมักจะหาเวลาว่างสรรหากับข้าวเลิศรสสำหรับถวายผู้ทรงศีล และสหายอยู่เสมอ

“ปราณ สหายเจ้าเป็นสะเรียที่มีวาสนาสูงส่ง ลำพังจักให้นางคอยดูแลแต่นางใน คงไม่พอสำหรับอนาคต มนต์ไสยทั้งดำ ขาว สิ่งใดที่ไกรวัลย์รู้ นางต้องรู้เท่าทันมัน แล้ววันหนึ่งนางจักต้องได้ใช้ร่วมกับมัน ฤๅอาจต้องใช้เพื่อปรามมันก็ได้” หิรัญยะ พราหมาจารย์ผู้เก่งกล้ากล่าวขึ้นกับชาณหวี ในวันที่ศิษย์รักเริ่มทบทวนการบังคับช้างเพื่อการศึก ท่านเป็นผู้ทรงศีล ที่ไม่ถือยศถาบรรดาศักดิ์ มีชีวิตเรียบง่ายในป่าไพรมากกว่าอยู่ในราชสำนักของมหิธรปุระ แต่พระราชพิธีจักมีขึ้นไม่ได้หากขาดหิรัญยะ ฉะนั้น หิรัญยะ จึงเสมือนคนพิเศษสำหรับราชสำนัก แลเป็นทั้งอาจารย์ แลเปรียบเหมือนบิดาของไกวัลย์และปราณ

“เจ้าเอง ก็มีวาสนามิต่างจากนาง แต่จงจำไว้ นางคือผู้ร่วมกอบกู้อาณาจักรที่แตกแยก ส่วนเจ้าจงประคองมันไว้ด้วยความดีของเจ้า” หิรัญยะหันมามองนาง แล้วกล่าวคำแปลกๆ ที่ ชาณหวี ไม่เข้าใจ นางมิได้ใยดีต่อการเรียนมนต์ หากแต่สิ่งที่นางปฏิบัติการคือการเป็นแม่เรือนอันควรเป็น นอกเหนือไปจากกิจวัตรในการสวดสาธยายมนต์ของครอบครัวนาง

“ชาณหวี เจ้ามีสิ่งใดมาเราอิ่มท้องล่ะวันนี้” เสียงใสเจื้อยแจ้วดังมาก่อนที่ตัวจะโผล่พ้นดงไม้ด้านหน้า นางรู้แล้วว่า ชาณหวีมาตรงเวลาตะวันตรงหัวเสมอ ชั่วครู่เดียว ร่างปราดเปรียวของนางก็อยู่ตรงหน้าชาณหวี

“อืมมม กับข้าวนี้พืชผักเยอะจริง เจ้าเรียกว่าอันใด”

“อ่อมปลาจ๊ะ ปราณ”

“หอมน่ากิน กลิ่นไกลถึงโขลงช้าง” นางว่าพรางหัวเราะ แล้วทรุดนิ่งง่ายๆ ตรงเสื่อกกด้านหน้าพราหมาจารย์

“อาจารย์อิ่มแล้วฤๅ ใยมิรอข้า”

“อาหารสำรับนี้ ชาณหวีถวายให้ข้า แลต้องการบุญจากข้าเพื่อกินต่อ ข้าเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าจักได้ทานอาหารร่วมกัน”

ชาณหวียิ้มรับถาดอาหารสำรับที่ถวายต่อพราหมณ์หิรัญยะ ส่วนไกวัลย์ เดินนำเหล่าลูกศิษย์ของอาจารย์มายังศาลาที่พักของ

พราหมาจารย์ พวกเขาแยกย้ายไปยังโรงครัวที่จัดเตรียมอาหารไว้แล้ว ส่วนไกวัลย์แยกมายังศาลาของอาจารย์

“เจ้ามิต้องกังวล กับการบังคับช้างของปราณ ลูกศิษย์ข้าคนนี้ เก่งทัดเทียมเจ้าแล้ว มัวแต่ห่วง จะมีแต่เจ้านั่นแหละที่อาจต้องเสียที”

“ขอรับ อาจารย์”

มิมีผู้ใดข้องใจ ว่าอาจารย์นั่งอยู่ที่นี่ ใยล่วงรู้ถึงดงป่าแลโขลงช้างที่บังคับอยู่ ท่านรู้ทุกเรื่อง แต่บอกบางเรื่องราว อาศรมของท่านหิรัญยะ อยู่กลางหุบเขาระหว่างเมืองวิเภทะ แลมหิธรปุระ ครอบครัวของไกวัลย์จึงติดตามเสมือนญาติ ด้วยหวังว่าวันหนึ่ง บุตรของตระกูลจักขึ้นดำรงตำแหน่งปุโรหิตแห่งเมืองมหิธรปุระ ตำแหน่งที่หิรัญยะปฏิเสธที่จะครอบครองมัน แต่กาลนี้ ศิษย์รักของอาจารย์ทั้งคู่ กลับละทิ้งทั้งเมืองวิเภทะ และมหิธรปุระ มาอยู่ยังเมืองอนินทิตปุระ

“เจ้ามีเรื่องใด ครุ่นคิด ฤๅ” เสียงแว่วของพี่ชายปลุกให้นางตื่นจากภวังค์

“น้องคิดถึงอาจารย์ จันทระจะกลับมารวมอาณาจักรอีกครั้ง มิผิดคำท่าน”

“ข้าจักเป็นปุโรหิตที่ยิ่งใหญ่กว่า เมืองมหิธรปุระ ก็มิผิดคำท่าน”

ยามนี้ ไกวัลย์ไม่ต้องจ่อมจมอยู่บนเตียงอีกแล้ว อาการเขาดีขึ้นมาก บาดแผลจากดาบนั่นไม่ทำให้เขาต้องเจ็บมากมายอะไรนัก หากแต่การหมดอาลัยตายอยากกับความรักที่นางอันเป็นที่รักปกป้ององค์หรินั่นเอง ที่ทำให้กำลังใจของเขาหดหาย จนส่งผลให้กายย่ำแย่

ยามนี้เขาคิดได้แล้ว ควรจักทำเยี่ยงไรในกาลหน้า

“เจ้าสู้รอนแรมมากับคาราวานคนกลุ่มจันทระบน มาเพื่ออันใด อาจารย์ฝากข่าวใดมาให้ข้า”

“อาจารย์ มิได้กล่าวคำใด หากแต่บอก ภายหน้าท่านจักเดินทางมาพบพี่ชายเอง”

“สมควรไม่ ข้าเป็นศิษย์ต้องปลีกเวลาไปเยี่ยมคารวะ และนำของไปถวายจึงจักถูกต้อง”

“คงไม่ใช่เรื่องนั้นดอก พี่ชาย การพบกันในภายหน้า ต้องมีเรื่องสำคัญ อาจารย์ท่านจึงมาด้วยตัวเอง”

ไกวัลย์ เงียบคำไว้ เขาย่อมรู้ว่า อาจารย์มีฌานหยั่งรู้ เบื้องหน้าต่อไป จักเกิดอันใดขึ้น อย่างน้อยอาจารย์จักตักเตือน การรวมอาณาจักรจันทระ จึงไม่ใช่ต้องควรกังวล หากแต่น้องสาวคนนี้ของเขา ปรารถนาสิ่งใด นอกจากมาดูแลเขา

“แล้วเจ้าล่ะ ทำไมจึงเดินทางไกลบ้านมาถึงที่นี่”

“น้องบอกท่านพ่อ ว่า จักตามมาดูแลพี่ ท่านพ่อให้ทาสมาบำเรอ 3-4 คน ติดตามมาด้วย เพื่อช่วยเหลือ”

“แล้วนอกจากนั้น เจ้าคิดหวังสิ่งใด”

“ไม่มีจ๊ะ”

ไกวัลย์ มองหน้าน้องสาวเนิ่นนาน เห็นกันมาแต่เล็ก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า สะเรียผู้นี้คิดอ่านเยี่ยงใดกับบุรุษที่ยามนี้รอการสถาปนาเพื่อเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรใหม่ แต่ควรเงียบไว้ดีกว่า บางที พูดไปนางอาจมิยอมรับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel