ep17
พระนางเหนือหัวทอดตามองสะกดให้อนินนาถรับฟังต่อไป ไม่เอ่ยปากให้มากความ
“ยามนั้น เมื่ออาณาจักรจันทระ ถูกตีแตกจากการเข้าตีเมืองของกองทัพชวา แล้วนำตัวองค์หริปรเมศวร ไปเป็นตัวประกัน เมื่อพระองค์กลับมา จึ่งคิดการใหญ่รวบรวมเครือญาติมิตกเป็นข้าของอาณาจักรชวาอีกต่อไป พระองค์ทรงรู้เท่าทันชวาแลรวมอาณาจักรแห่งจันทระขึ้นมาอีกครั้ง ใยจึงไม่ใช่ผู้เหมาะสมแห่งปฐมวงศ์ของอาณาจักรใหม่ แต่พวกเขามิยินยอม คืนเมืองของพระอัยกาให้กับพระองค์”
“เราร่วมรบด้วย ไพร่ราบทหารเลว ทั้ง พลม้า และพลช้าง องค์หริกระทำยุทธหัตถี มิมีเพลี่ยงพล้ำ เรากำชยะได้โดยเร็ว แต่องค์หริไว้ใจพระญาติเกินไป จึงถูกแทงด้วยกริชจากด้านหลัง”
อนินนาถเบิกตากว้าง ภาพในท้องพระโรงปรากฏขึ้นในมโนภาพของเธอในยามนั้น
หริปรเมศวร ย่างเท้าขึ้นสู่บัลลังก์แคว้นอนินทิตะปุระ ยามนี้ พระองค์จักรวมอาณาจักรจันทระเข้าด้วยกัน วงศ์จันทระเมืองบนและเมืองล่าง หลวมรวมเป็นอาณาจักรเดียวกันได้แล้วด้วยพระองค์และพระนางปราณแห่งเมืองวิเภทะ ผู้ทรงเป็นมิตรและกุมอำนาจเมืองบนไว้ได้ทั้งหมด
“องคหริปรเมศวร ข้ามีบางอย่างกราบทูล” พระญาติที่เคยใหญ่ในเมืองนี้ กราบกรานลงแทบเท้า หริปรเมศวร บุรุษผู้พ่ายแพ้ร่ำไห้ไม่อายต่อธารกำนัล เกลือกกลั้วน้ำตาลงหลังเท้าจนน่าสมเพช ปราณประทับข้างบัลลังก์ ทอดสายตามองอย่างสมเพชแกมหวาดระแวง มันผู้นี้มิใช่กษัตริย์ที่ชวายกให้ขึ้นครองบัลลังก์หากแต่ใกล้ชิดและกอบกุมอำนาจอยู่ในมือไม่น้อย สายของนางรายงานว่า พระญาติองค์นี้คิดไม่ซื่อต่อกษัตริย์ของมัน จักให้นำไปเป็นไส้ศึกหรือไม่ หากแต่นางปฏิเสธ ด้วยว่ามันไม่ภักดิ์ต่อนายของมัน ไยจักมาภักดิ์ต่อนาง
ระหว่างพระญาติรำพันอยู่นั้น ไกวัลย์ก้าวล่วงเข้ามายังท้องพระโรง พลันเห็นพระญาติผู้น่าสมเพชเกลือกกลั้วน้ำตาอยู่บนเท้าของหิรปริเมศวร แล้วลอบยิ้ม
“ท่านปลอดภัยดี” หริปรเมศวร ชักเท้าหลบการพร่ำรำพัน พลางผุดลุกขึ้นยืน สาวเท้าไปยังพราหมณ์หนุ่ม พลันที่หริปรเมศวรหันหลัง ทันใดนั้นกริชก็ถูกกระชากจากชายพกของพระญาติผู้น่าสมเพชปักลงกลางหลัง หากแต่ไม่ใช่แผ่นหลังของหริปรเมศวร แต่เป็นแผ่นหลังของปราณ เจ้าหญิงแห่งเมืองวิเภทะ ที่สอดเข้ามารับกริชนั้นในเสี้ยววินาที ร่างนั้นทรุดลงกับพื้น ขณะที่ดาบวาบวับของไกวัลย์ แทงทะลุคอของพระญาติใจคด แต่ก็ช้าไปเพียงเสี้ยวเมื่อถูกดาบอีกเล่มแทงเข้าที่ท้องของพราหมณ์หนุ่ม เหตุโกลาหลเกิดขึ้น กลุ่มพระญาติใจคต 3 คน ถูกฆ่าตายในทันที ที่เหลือยอมศิโรราบ บอกแผนการ ที่ยอมทำทีพ่ายแพ้ก่อนสังหารหริปรเมศวรภายหลัง มิคาดมีสะเรียขวางไว้ ทำให้แผนการล้มเหลว
ปราณ นอนคว่ำหน้าอยู่บนแท่นบรรทมเหนื่อยอ่อน แต่ยังมีสติรับรู้ถึงการมาของ หริปรเมศวร
“เรามิเป็นไรมาก ไผ่ แลเชือกควั่นที่สานเป็นเกราะที่เราใส่ในยามสงครามนี้ ช่วยเราไว้”
“เรารู้ แต่เหตุใดเจ้าต้องเสี่ยงชีวิตถึงเพียงนี้”
“ท่านสำคัญนักหนา เมื่อเทียบกับชีวิตเรา” หริปรเมศวร ทรุดองค์นั่งลงข้างแท่นบรรทม ฝ่ามือกร้านไล้ใบหน้านางอันเป็นที่รัก
“เจ้าปรีชญาณ ทั้งในการร่วมรบเคียงข้างเรา และยังช่วยชีวิตเราในยามวิกฤต หากเราไม่มีเจ้า การณ์นี้ใยจักสัมฤทธิผลได้”
“ท่านไกวัลย์ เป็นเยี่ยงใด” นางเอ่ยถามถึงมิตรที่ช่วยชีวิตนางเช่นเดียวกับที่ นางช่วยชีวิตองค์หริ
“ไกวัลย์ ปลอดภัย ถูกแทงที่ท้องสาหัสไม่น้อย น่าแปลกที่เพ้อถึงแต่เจ้า คงเป็นห่วงนักหนา”
“เราโตมาด้วยกัน” พระนางตอบเบา
“เราเพิ่งรู้ว่า แท้จริง สหายของเรา หนังไม่เหนียวแลไม่คงกระพันตามที่กล่าวอ้างเสียแล้ว” หริปรเมศวร สรวลเบาๆ มือแกร่งค่อยเลื่อนไล้ลงบนแผ่นหลังขาวสะอาด สะบักด้านขวา มีร่องรอยบาดแผลที่ถูกยาสมุนไพรพอกไว้ ยามนี้ พระนางนอนเกือบเปลือยต่อหน้าหริปรเมศวร อยากจะขยับหนีให้พ้นมือที่ไล้ลูบอยู่บนแผ่นหลัง แต่ไม่ทันได้ทำตามใจคิด หริปรเมศวรก็ทอดกายลงเคียงข้าง
“อยู่กับเจ้า เรารู้สึกปลอดภัย แม้เจ้ายังบาดเจ็บ แต่เรารู้สึกเหมือนว่า ยามนี้ต่อให้เจ้าไม่มีสติ เราก็ปลอดภัยด้วยดวงของเจ้าเกื้อหนุนเรา”
“หลับเถิดท่าน เรารู้ท่านเหนื่อยนัก ในการสะสางเรื่องยุ่งยากระหว่างนี้ ยามนี้ท่านจักหลับสนิทกว่าทุกคืน เราเจ็บอยู่อย่างนี้ หลับไม่สนิทนัก แต่ก็เหมือนเฝ้าท่านมิให้ได้รับอันตราย”
“เจ้าช่างใจดี”
หริปรเศวร หลับตาลงด้วยเหนื่อยอ่อน เป็นการหลับสนิทอย่างที่นางคาดไว้ ขณะที่ตัวนางเองยามนี้ได้แต่นอนคว่ำ พลิกหน้าดูคนข้างร่างสูงใหญ่กำยำ หายใจสม่ำเสมออยู่ด้านข้าง แผลบนสะบัก มินานก็จักหายแล้ว ยามนั้นคงทันกับงานอภิเษกสถาปนาองค์พระหริปรเมศวรเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรจันทระ
พราหมณ์ไกวัลย์ นอนซมด้วยพิษไข้ มีเพียงสะเรียนางหนึ่งปรนนิบัติไม่ขาด นางคือ ชาณหวี น้องสาวของพราหมณ์หนุ่มผู้ซึ่งต้องตา หริปรเมศวร ความจริงแล้วนางสนิทสนมอันดีกับปราณถือเป็นมิตรที่ดีต่อกันราวพี่น้องร่วมอุทร ยามที่หริปรเมศวร มาเยือนที่มหิธรปุระ หลังงานสมรสของเจ้าหญิงปราณ นางต้องระมัดใจไม่ให้พระองค์ทรงล่วงรู้ว่า นางตื่นเต้นดีใจที่ได้พบพระองค์อีกครั้ง ยามนี้สงครามจบสิ้นลงแล้ว นางที่เดินทางมาอีกกลุ่มรอสมทบสร้างเมืองใหม่ ก็ได้ปรนนิบัติพี่ชายได้ทันท่วงที
ไกวัลย์ มิยอมเชื่อท่านอาจารย์หิรัญยะ ความรักเป็นภัยต่อตัว และเจ้าหญิงปราณมิใช่สิ่งที่พี่ชายของนางต้องคาดหวัง แต่ความรัก หักห้ามใจยากนัก แม้นางเอง ก็มิอาจหักห้ามใจได้
นางสู้อุตส่าห์แรมรอนร่วมคณะมากับชาวจันทระเมืองบน ลงมาสร้างเมืองอนินทิตะปุระขึ้นใหม่ ไม่ฟังคำทัดทานของพระญาติวงศ์ เพราะเชื้อสายพราหมณ์ของนางให้การรับรองเสียแล้วว่า อนาคตแห่งหริปรเมศวรนั้น ยิ่งใหญ่ ครอบครัวของนางจึงอนุญาต ทั้งที่มีบุตรี คือนางเพียงคนเดียว
ยามนี้ พี่ชายนางป่วยสาหัส แม้ปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังจ่อมจมด้วยพิษไข้ หากเจ้าหญิงปราณมาเยี่ยมคงหายเร็วขึ้น แต่การเจ็บป่วยของพี่ชายเช่นนี้ นางกลับรู้สึกอิ่มเอมในใจลึก ๆ เพราะแทบทุกวัน หริปรเมศวร จะวนเวียนมาไถ่ถามอาการพราหมณ์ไกวัลย์สม่ำเสมอ โดยมิรู้ว่า หลังม่านนั้นมี นางลอบมองอยู่
