ep13 สงคราม การศึกรวมอาณาจักร
อนินนาถ จ่อมจมอยู่กับภาพที่ตนรับรู้ เนิ่นนานกี่วันแล้วหรือ ที่เธอต้องรับรู้เรื่องราวของพวกเขา ไม่รู้ว่าชาติใด ภพใด และเธอมีส่วนเกี่ยวข้องที่ตรงไหน ในยามนี้เธอคิดถึงแผ่นกระดาษที่เสี่ยงทาย หรือเธอถูกทำไสยศาสตร์ที่บังอาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับปราสาทแห่งนั้น บทความที่เธอเขียนหนักหนาสาหัสจนถึงกับมีคนเล่นมนต์ดำขังเธอไว้ที่นี่เชียวหรือ หรือว่าความฝันที่เธอฝันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่าเธอตกจากที่สูงนั้นเป็นลางบอกเหตุที่เธอไม่ได้แก้ไข
อนินนาถไม่กล้า แม้จะนั่งทำสมาธิ ความหวาดกลัวจากงูใหญ่ที่เลื้อยเข้ามาในห้อง มันไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของเธอเลย ยามที่เธอหลับตาลงครั้งใด จิตใต้สำนึกมักจะกระตุ้นให้ความหวาดกลัวเช่นนั้นคืนกลับมาหาเธออีกครั้ง
สิ่งที่เธอทำได้ คือ การรอคอยนิมิตที่จะมีปรากฏทุกค่ำคืนที่เธออยู่ที่นี่ บางทีภาพที่เห็นอาจให้คำตอบกับเธอได้ในที่สุด แต่เธอจะต้องใช้เวลายาวนานเพียงใดหนอ
ที่นี่ สวยงาม สะดวกสบายด้วยข้าพระบาทของพระนางคอยรับใช้ พวกนางบอกให้เธอบำเพ็ญเพียร แต่เธอพบว่ามันยากนักหนาที่ต้องหลับตาลงด้วยความหวาดระแวงในจิตใต้สำนึก ครั้งหนึ่งอนินนาถ ถามพวกนางเกี่ยวกับงูตัวนั้น
“นาคา” สิ่งที่พวกเธอตอบให้อนินนาถรับรู้ เธอไม่เข้าใจนักกับการรับรู้ในเรื่องของ นาค หรือนาคา ข้าพระบาทที่ควบคุมเธออยู่ บอกเล่าเรื่องราวงูใหญ่นั้น ราวกับเป็นพญานาค แต่เธอฉงนฉงายนัก เพราะพญานาคไม่มีรูปลักษณ์เหมือนพญานาคที่เธอเคยเห็นตามวัด แต่ นาค หรือนาคา ที่ พวกนางเอ่ยถึง มันคือ งูใหญ่ มันเป็นงูขนาดใหญ่เพียงเท่านั้น และพญานาคใดกันที่เข้ามาขู่ขวัญกลั่นแกล้งเธอถึงขนาดนี้ มันไม่เหมือนงูปกติก็แค่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเอง ยิ่งคิดอนินนาถก็ยิ่งท้อ เพราะไม่รู้ว่าสัตว์อื่นๆ ในสถานที่ที่เธออยู่นี้ จะมีขนาดใหญ่เหมือนกับงูที่เธอเห็นหรือไม่
ปราสาทศิลา อันวิจิตรงดงามด้วยภาพสลักเสลาบนขอบโคปุระ และฝาผนัง หากเธอคาดเดาไม่ผิด สถานที่แห่งนี้คือสถานที่จริงของปราสาทขอมโบราณที่ในปัจจุบันเธอพบเพียงซากปรักหักพัง ยิ่งสังเกต อนินนาถก็ยิ่งพบว่าเธอต้องย้อนอดีตกลับมาหลายร้อยปี หรืออาจจะนับเนื่องถึงพันปี
อนินนาถไม่เข้าใจนักว่า เหตุใดเธอจึงถูกขังยังสถานที่แห่งนี้ ในเมื่อถ้าพวกนางอยากให้นางฝันถึงชาติถึงภพที่พวกนางอยากให้เธอรับรู้ ไม่เห็นจำเป็นต้องขังดวงจิตของเธอไว้ ณ ที่นี้ สถานที่ที่มีแต่ความเงียบ วังเวง ที่เต็มไปด้วยกลิ่นกำยานบูชาเทวะ ที่เธอไม่คุ้นเคย
นางเกศมวย ผู้อาวุโสสูงสุดของข้าพระบาท ก้าวเข้ามาในห้องอนินนาถ นางยิ้มให้ด้วยความเคารพ กล่าวอย่างเมตตาว่า
“ท่านต้องการรับรู้สิ่งใด ไถ่ถามข้าพระองค์ได้”
“ฉันอยากรู้ เรื่องเดิม ว่า ที่นี่คือที่ใด”
“ปราสาทที่ท่านอยู่ คือ ปราสาทนิรมิตของพระนางเหนือหัวของกระหม่อม”
“แล้วสถานที่ล่ะ คือที่ไหนกัน เวลานี้ พ.ศ.ใดกัน”
“สถานที่จักแปรเปลี่ยนไปตามนิมิตที่ข้าพระองค์นำท่านไป หากแต่กาลเวลานั้น นับจากปัจจุบันของพระนาง ย้อนมาถึง ณ กาลนี้ ราว 1200 ปี”
“รัชสมัยใดกัน” อนินนาถกล่าวพึมพำ ราวกับถามใจตัวเอง
“สมัยพระนครแห่งจันทระบนรวมจันทระล่าง”
“ที่ใดกัน ทำไมฉันจึงต้องมาที่นี่” น้ำเสียงนั้นเว้าวอนเจ็บปวด และไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญอยู่ตรงหน้า แม้ว่า อนินนาถจะเข้มแข็งเพียงใด แต่ท่ามกลางความมืดมนเช่นนี้ เธอแทบจะรับมือกับมันไม่ได้
“แล้วพระนางเหนือหัว คือใครกันคะคุณป้า” เกศมวยยิ้ม
“แล้วท่าน จักรู้ด้วยองค์เอง กระหม่อม”
“เมื่อไหร่กันล่ะ ที่ฉันจะรู้” อนินนาถทอดรำพัน ถอนใจทดท้อ
“ท่านเกศมวย พระนางเหนือหัวเชิญ เจ้าหญิงนิลเนตรและท่านที่เทวานุสาวรีย์” ข้าพระบาทหน้าตาดุดัน ยอบตัวกล่าวแล้วล่าถอยออกไป
“เชิญเสด็จ กระหม่อม” เกศมวย ข้าพระบาทอาวุโส กล่าวกับอนินนาถ หากแต่นำหน้าไปก่อนแล้ว
อนินนาถ เดินตาม ข้าพระบาทแห่งพระนางเหนือหัว ออกมาจากที่พัก พ้นจากปราสาทหินทรายที่ฐานรากก่อด้วยศิลาแลงเธอก็ต้องเบิกตากว้าง กับภาพที่เห็นตรงหน้า ลานกว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้แลดอกหญ้า สลับกับเนินหิน ที่มีสถูปคู่โดดเด่นอยู่กลางลาน สถูปคู่แห่งนี้ คุ้นตาอนินนาถนัก แม้สภาพรอบข้างจะไม่เหมือนกับปัจจุบัน แต่สถูปคู่แห่งนี้แปลกตาและไม่มีที่ใดจะเสมอเหมือนอีกแล้ว
“เทวานุสาวรีย์แห่งนี้ คือสัญญามั่นของพระนางเหนือหัวแห่งข้าพระบาท แลพระเจ้าหริปรเมศวร ชยวรรมันแห่งเมืองพระนครหริหราลัย”
“คุณป้าเกศมวย” อนินนาถหยั่งเชิงเรียกขาน ตามชื่อที่เธอได้ยินข้าพระบาทนางอื่นๆ เรียกขาน
“เพคะ จักไถ่ถามอะไรกระหม่อม”
“สถูปคู่แห่งนี้ ด้านในมีสิ่งใด แล้วทำไมจึงสร้างรูปทรงแปลกนัก”
เธอแหงนมองสถูปคู่สูงใหญ่ ที่ยามนี้ ตัวเธอกลับเหลือเล็กนิดเดียวยามอยู่ใกล้สถูป
รูปทรงสถูปเป็นแท่งสี่เหลี่ยมทึบทั้งสี่ด้าน ด้านบนทำรูปโดมครอบไว้ สิ่งที่แตกต่างจากปัจจุบันคือ ผนังทั้งสี่ด้านมีแผนโลหะทองสลักดุนลายวิจิตรติดรอบสถูป ด้านหน้าคือเครื่องถวายบูชา อันมีเครื่องสักการะสัมฤทธิ์ขนาดเล็ก ผลไม้สด ดอกไม้สด ลึงค์และโยนีด้านหน้าสถูปยังมีหยาดน้ำ และกำยานที่ส่งควันลอยอ้อยอิ่ง
“เทวานุสาวรีย์ แห่งพระนางเหนือหัว แลพระเจ้าเหนือหัว”
“ด้านในมีสิ่งใดบรรจุอยู่”
“องค์หนึ่งมีสัญลักษณ์แห่งพระปรเมศวร ศิวะ แลองค์หนึ่งมีสัญลักษณ์แห่งพระนางปราวตี เทวานุสาวรีย์คู่แห่งนี้ คือคำมั่นของเจ้าเหนือหัว สัญลักษณ์ของมหาเทพทั้ง 2 พระองค์ คือ ต้นกำเนิดแห่งมนุษย์ พระเจ้าเหนือหัวและพระนางเหนือหัว ก็คือต้นกำเนิดแห่งอาณาจักรเฉกกัน”
