บท
ตั้งค่า

ep11

“เช่นไร ทำไมเจ้าเงียบไปนานนัก”

“เราไม่รู้จะกล่าวคำใดให้ได้อายนักหนา”

“เจ้าเกรงเรา ซุกซ่อนใครไว้เช่นนั้นหรือ” หริปรเมศวรเอ่ยคำแทงใจ

ปราณ เงยหน้าขึ้นมองโครงหน้างามสง่า ริมฝีปากหนาได้รูปยามนี้ยิ้มแย้ม นัยน์ตาเรียวยาวบ่งบอกอาการรู้ทัน สะเรียที่อยู่ในอ้อมกอด

“มิคาดว่า สะเรียอย่างเจ้า มีอารมณ์หึงหวง เรานึกว่าเจ้าไม่รักเราเสียอีก” พระองค์ตัดพ้อ

“เปล่า เราไม่ได้หึงหวงท่าน” นางกล่าวอู้อี้บนอ้อมอก

“ลอบเข้าห้องบรรทมเรา ตรวจตราว่ามีสะเรียอื่นอยู่หรือไม่ ใยมิใช่อาการหึงหวง”

“เรายอมรับ เราลอบเข้าห้องท่าน เพราะต้องการรู้ว่ามีสะเรียอื่นๆ อยู่หรือไม่ แต่ไม่ใช่หึงหวง เพียงแต่ เรา ต้องการมีท่านเพียงคนเดียว ไม่อยากให้มีสะเรียอื่นซุกซ่อนในระหว่างเตรียมงานพิธีของพวกเรา”

“เจ้าไม่ไว้ใจเราฤๅ” พระองค์ตัดพ้ออีกคำรบ

“มิได้ เราแค่อยากจะแน่ใจ”

หริปรเมศวร จับร่างของนางออกห่างเล็กน้อย จ้องนัยน์ตาดำขลับที่วาววับอยู่ใต้แสงไฟจากคบมุมห้อง

“เรามิมีผู้ใด แต่เราดีใจที่ได้ประดาบกับเจ้า เจ้าแข็งแกร่งนัก ชาญฉลาด และมีวิชา อย่างที่เราคาดไว้มิผิด”

“พี่น้องของเราเรียนเยี่ยงใด เราก็เรียนเยี่ยงนั้น และอาจมากกว่า ด้วยเราเรียนรู้กับตระกูลพราหมณ์ของท่านไกวัลย์ด้วย” ปราณตอบราวเป็นเรื่องปกติ

“สะเรียเมืองเรา ไม่เหมือนเจ้า”

“เพราะเรา ไม่เหมือนใคร จึงเกิดงานสมโภชนี้ขึ้น แม้ว่าพระพระนางพิณสวัณครามวดี มารดาของเรากล่าวเตือนเราว่า เป็นเพียงหมากเกมหนึ่งของท่านที่ต้องการรวมอาณาจักร”

“มิผิด การอภิเษกสมรสนี้ คือแผนการรวมอาณาจักร และเจ้าคือหนึ่งในแผนการ”

“เรารู้แต่แรก เพราะท่านบอกเรา” นางย้ำเตือน น้อยใจ

“แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่บอกเจ้า”

“อันใด” เสียงนางระรื่นขึ้น

“เรากระจ่างชัดในปัญญา และความสามารถของเจ้า เราขาดเจ้าไม่ได้ และคิดถึงเจ้าเสมอในช่วงที่เราห่างเจ้า”

แต่ไม่ได้รัก! นางรอคำนี้จากเจ้าชายต่างเมือง นางรอคำนี้ต่างหาก

“เจ้าจะเป็นมเหสีของเราในอนาคต หากเรารวมอาณาจักรจันทระ ทั้งเมืองบนและเมืองล่างได้” หริปรเมศวรประคองนางมาประทับบนแท่นบรรทม โอบกอดนางไว้ก่อนวางคางลงบนไหล่ที่ตั้งตรงสง่าดุจนางพญาของนาง

“นางอีกหลายองค์ของท่านที่แคว้นอนินทิตปุระ แลเมืองรายรอบ ที่จะยกถวายแก่ท่านเล่า” ปราณ เกร็งตัวเมื่อต้องใกล้ชิดบุรุษหนุ่มที่ยามนี้ ลมหายใจอุ่นกรุ่นอยู่ซอกคอ นางแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ก็อดหวั่นไหวมิได้ หากต้องพยายามระงับ

“พวกนางจักเป็นเพียงนางในที่ถวายการรับใช้เรา ก็เพียงเท่านั้น อย่ากังวลไปเลย เราสัญญา”

หริปรเมศวรพาจมูกและปากจุมพิตที่ซอกคอนางอย่างนุ่มนวล หากปราณเบี่ยงตัวขืนไว้รีบกล่าวคำตามใจคิด

“ถ้าเช่นนั้น เราขอสัญญาจากท่านเพียง 3 ข้อ ได้หรือไม่”

“มากกว่า 3 ข้อ เราก็มิอาจขัดเจ้าได้ดอก” หริปรเมศวรสรวลเบา ๆ เข้าใจสะเรียที่อาจจะเขินอายในวันเข้าหอ

“สัญญา 3 ข้อจากข้า คือ หนึ่ง ท่านจักรักเราคนเดียว”

“แม้เรามีนางในถวายเป็นร้อย เราจักไม่มอบหัวใจให้ใครนอกจากเจ้า” รีบกล่าวคำเอาใจ หาได้คิดการอื่นใดในขณะนั้น

“ข้อสอง อาณาจักร เราครองร่วมกัน”

“เราจักรวมบ้านเมืองแลวงศ์จันทระ กลับมาบริบูรณ์เหมือนเศรษฐปุระสมัยแห่งพระเจ้ามเหนทรวรมันมิได้ หากไม่มีเจ้าอยู่ร่วมเคียงกับเรา” ข้อนี้ หริปรเมศวร จริงจังยิ่งนัก อารมณ์สิเน่หาคลายลง เมื่อคิดถึงอาณาจักร

“และข้อสาม หากวิญญาณเราพรากจากร่าง อย่าเศร้าโศกเสียใจในการตายของเรา ขอให้ท่านยินดี เมื่อเราจะได้กลับไปรับใช้องค์พระศิวะ และองค์พระวิษณุ” ” กล่าวคำจบ ปราณยิ้มแย้ม นัยน์ตาแจ่มใสราวได้แก้วดังใจปอง หากแต่หริปรเมศวร กลับเคร่งขรึมลง

“เจ้ามิควรพูดเช่นนี้ ในวันมงคลของเรา”

“เราเพียงขอสัญญาจากท่าน บุรุษอันเป็นที่รักของเราเพียงเท่านั้น” นางเริ่มน้ำเสียงอ้อนคำจำนรรจาต่อ

“เจ้าจักไม่มีอันตรายใดกร้ำกราย แม้เราจักยอมให้เจ้าเข้าร่วมในการศึก แต่ต้องไม่เสี่ยงด้วยชีวิต”

“ท่านจักสัญญา ข้อสามได้หรือไม่” นางยังทวงคำ ไม่ลืมลบ ไม่สนใจคำกล่าว

“เหตุใดจึงมิให้เราเสียใจในการจากไปของเจ้า”

“การจากไปของเรา มิว่าด้วยเหตุใด ด้วยดวงจิตของเราน้อมรำลึกถึงองค์พระศิวะ และทวยเทพ หากเราตาย ดวงจิตของเราจักกลับไปรับใช้พระองค์ในสรวงสวรรค์ จึงหาใช่เหตุที่ท่านต้องเสียใจกับการจากไปของเราไม่” พระนางหลับตาพลางรำลึกถึงพรพระศิวะที่นางขอพรท่านยังภวาลัย

“เราสัญญา เราจักไม่เสียใจกับการจากไปของเจ้า เพราะ เราจักไม่มีวันยอมให้เจ้าเป็นอันตรายถึงชีวิต และหากวันนั้นมาถึง ต้องเป็นเราก่อนที่เจ้าจะรับอันตราย”

“ท่านจักไม่เป็นอันใด องค์พระศิวะ และพระวิษณุจักคุ้มครองท่าน”

“คุ้มครองเจ้าด้วย”

“ชั่วกาล”

“ใช่! ชั่วกาล”

หริปรเมศวร กล่าวคำมั่นรับสัญญาทั้ง 3 ข้อจากนางด้วยการจุมพิตที่แก้วนวลและปิดริมฝีปากพระนางมิให้กล่าวคำเจรจาอันใดอีก

....................

เจ้าชายต่างเมืองแลนางอันเป็นที่รักของเขา ในยามนี้คงถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ เฮอะ! ยามนี้ กลับไม่ใช่เขาที่เข้าร่วมพิธีถวายพระพร ไกวัลย์ พราหมณ์ผู้เก่งกล้า มิอาจร่วมส่งนางในดวงใจสู่อ้อมกอดบุรุษผู้ที่เขาถวายความจงรักได้เสียแล้ว ยามนี้ ทุกอย่างดูมืดมน กว่าจะผ่านค่ำคืนนี้ไปได้ เขาได้แต่หวังว่า พระคเณศที่เขาบูชา จักกลับมาอยู่เคียงข้างและมอบแสงสว่างดังปัญญาให้กับเขา แค่ค่ำคืนนี้ แสงสว่างยังที่ตั้งภวาลัยแห่งนั้นยังลุกโชนด้วยอำนาจบารมีแห่งเมืองสูงและเมืองต่ำที่จักหลวมรวมเป็นอาณาจักรเดียวกันในอนาคต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel