CHAPTER6
ทุกอย่างกระจ่างขึ้นทั้งหมดแล้วฉันก็ได้คำตอบว่าอะไรจิ้มขาของตัวเองแต่ก็ไม่ได้เงยใบหน้าขึ้นจากแผ่นอกใหญ่ของเร็นถึงจะสนใจเสียงเล็กของเด็กคนนั้น เร็นหยุดการกระทำทุกอย่างลงง่ายๆ แม้แต่มือข้างนั้นเขาก็เอาออกไปจากตัวฉันเรียบร้อยมีเพียงการขยับตัวเบี่ยงไปทางเสียงเด็กคนนั้นนิดๆ ซึ่งฉันเองก็ขยับตัวตาทั้งที่ยังไม่เงยใบหน้าเนิ่นนานราวห้านาทีต่อมความสงสัยก็ยิ่งทำงานเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
เร็นรังแกเด็กเหรอ?
ใจฉันกระตุกวาบเพราะรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไงไม่มีคำว่าปรานีในพจนานุกรมของเร็นจะมีก็คือความดิบเถื่อนรวมไปถึงการใช้กำลัง
ทำไมเงียบไป?
หัวสมองทำงานคิดโน้นนี่เป็นตุเป็นตะก็เริ่มทำงานขึ้นเรื่องถึงมันจะมาพร้อมกับอาการปวดหัวเนื่องจากความเมาก็ตามในใจฉันยังเป็นห่วงเด็กคนนั้น
“ปล่อย...”
จนกระทั่งเสียงเรียบของเร็นพูดขึ้นอีกครั้ง มือฉันที่ประสานกันรอบเอวเขาก็หลุดออกจากกันอย่างอัตโนมัติทันที ยอมรับเลยว่าฉันไม่สามารถเงยใบหน้าขึ้นสบตาของคนเยือกเย็นอย่างเขาได้จึงได้แต่หลุบสายตามองปลายรองเท้าราคาแพงของเร็นแทนแป๊บเดียวเท้าคู่นั้นก็ก้าวเดินห่างออกไป
“ปะ เป็นอะไรไหมหนู...”
อ้าว?
ไม่มีเด็กยืนอยู่ตรงนี้แล้วเมื่อกี้ฉันได้ยินล่ะมันคือเสียงอะไรถึงฉันจะพยายามกวาดสายตามองรอบตัวก็พบแต่ความว่างเปล่า
ผีหลอกงั้นเหรอ?
มะ ไม่จริงใช่ไหมคิดแล้วขนก็ลุกซู่ขึ้นภายในใจฉันมันเบาหวิวเท้าเกิดอาการชาก้าวเท้าไม่ออกเลยทำยังไงดียัยรุ้ง การปลอบใจตัวเองจึงเกิดขึ้นพร้อมกับบทสวดต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองฉัน
“นะ โม...”
จึกๆจึกๆ
“เดี๋ยวพี่ทะ ทำบุญไปให้นะ นะคะ...” เสียงสั่นเครือเกิดขึ้น “อะ อย่ามาหลอกกันแบบนี้เลย…”
นิ้วมือเรียวพนมมือขึ้นพร้อมกับอาการสั่นเครือ การหลับตาเพื่อไม่อยากเห็นอะไรก็เริ่มตามมาทันทีจากนั้นก็คงเป็นบทสวด
จึกๆจึกๆ
“นะ น้องบอกแล้วไงเดี๋ยวพี่ทำบุญไปให้...นะ”
“ผมไม่ใช่ผี”
ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนจะลืมตาขึ้นแค่เพียงประโยคเดียวที่มีเสียงเด็กดังขึ้นมาฉันก็เริ่มมั่นใจเพราะมันเป็นโทนเดียวกับน้ำเสียงก่อนหน้า
“แล้วไปไหนมาเมื่อกี้ไม่เห็น?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลพูดขึ้นยามนี้เธอจับจ้องมองไปยังเด็กที่สูงเพียงแค่สะโพก เป็นเด็กผู้ชายอายุไม่น่าจะเกิน 6 ขวบจากการประมาณทางสายตาดูมอมแมมเล็กน้อยสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำ เด็กคนนี้น่ารักมากสำหรับฉัน นัยน์ตาคู่นั้นมีแววของความดีใจซุกซ่อนอยู่เนื่องจากสาเหตุอะไรฉันก็ไม่รู้
“ตามพี่ผู้ชายคนนั้นไปครับ”
“…” ตามเร็นไปเหรอ?
“คนที่กอดกับพี่เมื่อกี้” เสียงตอกย้ำของเด็กทำให้ฉันรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ผิด
“เขาทำอะไรหรือเปล่าน้อง?” เด็กผู้ชายน่ารักไม่ควรตามเขาไป “ไม่นิครับนอกจากใจดีและก็หล่อ”
ฉันไม่เชื่อเร็นใจดีขนาดนี้ไม่มีทางเป็นไปได้จึงใช่สายตาสำรวจร่องรอยบริเวณแขนขาใบหน้าก็ไม่พบกับความผิดปกติจึงเบาใจขึ้นบ้าง
“แล้ว...”
“พี่เขาใจดีมากให้เงินมาตั้งเยอะ” แสดงว่าเมื่อกี้เด็กคนนี้เดินตามเร็นไปเอาเงินงั้นเหรอไม่น่ามีแววตาดีใจขนาดนี้ “แต่พี่เขาไม่เอาดอกกุหลาบผมจึงเอามาให้พี่แทน”
ดอกกุหลาบหนึ่งชื่อถูกส่งมาไว้ในมือฉัน ช่อดอกนี้มีแค่กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นสิ่งห่อหุ้มแปลกมากทำไมดูสวยงามมากกว่าช่อที่ขายในร้านแพงๆ
“แต่...”
“ผมไปหาแม่ก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“น้องๆ น้องๆ”
เด็กชายคนนั้นหยุดแล้วหันมามองฉันทำให้ได้เห็นนัยน์ตาสวยฉายแววความดีใจแบบชัดเจน
“รีบไปหาแฟนได้แล้วครับพี่คนสวย เขารออยู่ที่รถ ^_^ ”
เร็นไม่ได้ฝากมาบอกหรอกนะทุกคนอย่าเข้าใจผิดเขาไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน เด็กชายคนนั้นบอกเพราะความคิดเด็กมันบริสุทธิ์ไม่ได้คิดซับซ้อนอะไรเหมือนผู้ใหญ่คิดแบบนี้ไงคนส่วนใหญ่ที่ล่วงผ่านเลยวัยนี้มาแล้วถึงอยากกลับเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งเพราะโลกของเด็กมันเป็นสิ่งหนึ่งที่สนุกสนานคิดอำรกได้ทำอะไรก็ได้จะวันๆ กินๆ นอนๆ ยังได้เลยขนาดตัวฉันก็เคยคิดแบบนั้น
