บทย่อ
ในเมื่อ"เร็น"เลือกการกักขัง ทางที่ฉันควรเลือกก็คือการหนีจากเขาไป ถ้า"เร็น"เลือกการออกล่า ทางที่ฉันควรเลือกก็คือการซ่อนตัวให้ปลอดภัย โดยปราศจากการพบเจอเขา ไม่มีสถานะระหว่างเราแต่ทางกายมันเกินเลยยิ่งกว่าคนอื่นจะมาเข้าใจ! ความเจ็บปวดเข้ามาเล่นงานฉันเรื่อยๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะสัตว์ร้ายที่มันเข้ามาครอบงำจิตใจเขา "คงไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะเลือกหนี" "หนีได้หนีไปเจอเมื่อไหร่จะเอาให้ตาย...คาเตียง"
CHAPTER 1
@มาเมาดิบ
“ถามจริงอยากโดนสับเละเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อหมูหรือไงรุ้งเพื่อนรักถึงได้กล้ากับเขา ไม่ใช่ดิๆ พูดผิดๆ ถึงได้กล้ากับผัวนักหนาวะ?”
น้ำเสียงหย่อนยานของผู้หญิงผมยาวดำสวยใส่แว่นตาตามเทรนวัยรุ่นแบบมีแค่กรอบบูดเบี้ยวแต่ไร้เลนส์เอ่ยถามเพื่อนรักขึ้นทั้งที่สภาพตัวเองก็เหม็นคลุ้งไปทั้งกลิ่นเหล้าเบียร์ผสมตีกันเต็มแก่ ดวงตาหยาดเยิ้มแสดงว่าเธอเองก็เมาไม่น้อย
“อย่าพูดมากมีหน้าที่ดื่มก็ดื่มเข้าดิไปอีขิม”
อีกคนที่ตอบก็มีสภาพเมาเละไม่ต่างกันอาจจะค่อนข้างหนักไปอีกด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยเชิดด้วยจมูกทรงหยดน้ำแนบอิงกับไหล่เพื่อนรัก ผมสีน้ำตาลอ่อนร่วงหล่นจากใบหูมาสู่ใบหน้าแทบมองความสวยไม่เห็น
“พวกเจ๊สองคนโคตรเน่ามากรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย” แต่แล้วกับมีอีกหนึ่งเสียงเอ่ยแทรกดังขึ้น “เจ๊ขิมก็ทำแว่นตาตกเลนส์แตกละเอียดแล้วยังกล้าเอามาใส่อย่าบอกนะว่ากำลังมโนเป็นแว่นตาไร้กรอบตามเทรนนิยมส่วนเจ๊รุ้งผมเผ้ารุงรังเหมือนไม่ใช่คน กลับบ้านไปนอนเถอะเจ๊ๆ”
“ก็ฉันไม่ใช่.. อึก คนไงไอ้ปลาน้อยหอยสังข์”
“แต่เป็นผู้หญิงทิ้งผัว?”
“เป็นนางฟ้าโว้ยผัวทิ้งห่าที่ไหนไม่มี เอ้าแดกๆ ไปเลย” ฉันเลื่อนแก้วตัวเองไปให้ไอ้ปลารุ่นน้องที่โคตรสนิท มันนั่งอยู่ข้างหน้าส่วนอีกคนเป็นที่ยึดเป็นที่พิงมันชื่อขิม ฉันเรียกมันว่าอีขิมเพราะอายุเราเท่ากัน ทั้งสองคนเป็นเพื่อน ฉันคบแค่นี้ “ชวนมาแดกไม่ใช่ชวนมาชักประวัติพูดมากอยู่ได้นะพวกมึงสองคนเนี่ย อึก”
ถึงความเมาเข้ามาเล่นงานแต่ความจำฉันดีเยี่ยมเลยนะ พวกเราทั้งสามคนนั่งอยู่ในร้านมาเมาดิบที่ตั้งอยู่ย่านมหาลัยประดับไปด้วยโคมไฟสีส้มแดงฉานมองผ่านๆ แบบไม่สนใจก็นึกว่าเป็นศาลเจ้าอยู่ดี ความจริงแล้วมาเมาดิบเป็นร้านอาหารบวกเครื่องดื่มที่ด้านในก็ดูมืดสงัดนิดหนึ่งแบ่งเป็นโต๊ะๆ เป็นโซนๆ ไป
“เอาความจริงมาพูดก็โดนด่าใช่ไหมเจ๊ขิม?”
“เดี๋ยวจะโดนไม่น้อยไอ้ปลา!” พูดจบแก้วเหล้าอยู่ก็ถูกกรอกลงปากจนหมดเกลี้ยง “เติมๆ เอาเพียวๆ”
“มากไปไหมวะรุ้งแค่นี้ก็เมามากแล้วนะเว้ย”
นั่นแหละเป้าหมายของฉันเลยง่ายๆ คืออยากเมา เมาให้มันรู้แล้วรู้รอดหัวทิ่มคาโต๊ะสลบไปเลยยิ่งดี ครั้งนี้บอกเลยว่าอีรุ้งคนนี้ยอมเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าเอง ไม่เมาไม่เลิกโว้ย!
“เมายิ่งดี”
เพียงแค่นี้ขวดที่ตั้งตรงหน้าก็ถูกคว้ามาดื่มกลืนลงลำคอพรวดๆ เธอไม่สนรสชาติฝาดตัดกับลำคอสักนิดทั้งที่ไม่ใช่ประเภทพวกนักดื่ม ไม่นานนักร่างสูงเพรียวก็ลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลงที่ถูกเปิดซึ่งนั้นทำให้กลุ่มเธอตกเป็นเป้าสายตาโต๊ะอื่นๆ
“เจ๊รุ้งนั่งลงเถอะนะ”
ไอ้ปลาลุกขึ้นกระชากฉันนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเดิมเพิ่มเติมคืออีขิมสลบไปเรียบร้อยแล้ว ท่าทางไอ้ปลามันไม่เมาหรอกสามารถพาทั้งฉันและก็อีขิมกลับได้สบายๆ
“แดนซ์กันๆ มันๆ” การรับมือกับคนเมาเป็นอะไรที่ยากเอาการมากสำหรับเจ๊รุ้งยิ่งแล้วใหญ่บอกเลยโคตรปวดหัวขอยาพาราสามสิบเม็ดแดกก็เอาไม่อยู่ เจ๊ไม่รู้บ้างหรือไงว่ามีสายตานักเที่ยวกลางคืนคอยจดจ้องงาบอยู่ยิ่งเจ๊โชว์เนื้อหนังใส่แค่กระโปรงยีนสีฟอกสั้นเพียงคืบโชว์เรียวขาขาวผ่องกับเสื้อยีนแขนกุดเอวลอยสภาพขาดๆ
ไม่มีใครไม่ดูเจ๊เลยนาทีนี้
“แดนซ์เลยไอ้ปลา มันๆ”
“เดี๋ยวก็ได้ผัวคนที่สองหรอกเจ๊นั่งลงๆ”
ฉันเป็นรุ่นน้องเจ๊รุ้งถึงสองปี เรารู้จักกันมานานประมาณปีกว่าแล้วแหละจึงรู้นิสัยเจ๊พอประมาณว่าเป็นคนรักเพื่อนมากถึงมีน้อยก็เถอะสำหรับเจ๊ใจให้ใจใช้ได้เลยทว่าการนัดดื่มวันนี้เจ๊บอกว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง การกระทำเหล่านี้มักบอกได้เลยว่าเจ๊รุ้งอยากหาเรื่องหนีผู้ชายคนนั้นอีกแล้วซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์พวกเขาเป็นในรูปแบบใดเห็นเจ๊ขิมพูดว่าผัวก็ผัวตาม
รู้เพียงแค่ว่าคืนนี้เจ๊รุ้งหนีเขามา
“เจ๊รุ้งกลับเถอะจะให้ไอ้ปลาคนนี้ไหว้ก็ยอมแล้วนะ”
ความเหนื่อยจากการฉุดเจ๊รุ้งให้นั่งลงแต่ไม่เป็นผลทำให้ฉันต้องนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมโดยสายตายังจับจ้องไปหาเจ๊อยู่อย่างไม่วางตา ทำไงดีวะไอ้ปลาคิดสิๆ ทำไงถึงพาเจ๊รุ้งกลับได้
“หนุกหนานๆ (สนุกสนาน)”
“ไม่หนุกแล้วเจ๊รุ้งกลับกัน” การทำหน้ามุ่ยยึดตัวติดเก้าอี้เพื่อไม่ให้ถูกเจ๊รุ้งดึงลุกขึ้นกระทั่งสายตาเคลือบไปให้หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นที่สำคัญมันเป็นของเจ๊รุ้ง
ติ๊ง!

