บท
ตั้งค่า

แก้แค้น (1/2)

โชคดีจริงๆ ที่ลูกค้าคนแรกของฉันคือกูล

เขาไม่พูดกับฉัน ไม่แตะต้องตัวฉันเลยสักนิด สิ่งที่เขาทำคือนั่งดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองรูปในโทรศัพท์ ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งดื่มหนักเข้าไปอีก บางครั้งเขาก็พักสายตาด้วยการมองลงไปด้านล่าง ดูลูกค้าคนอื่นเต้นรำกัน แต่สักพักก็กลับมาจับโทรศัพท์ต่อ ทำวนลูปไปเรื่อยๆ เหมือนหุ่นยนต์เลยก็ว่าได้

เสียงที่ฉันได้ยินจากกูลบ่อยที่สุดคือเสียงถอนหายใจ เหมือนคนที่อยู่ในโทรศัพท์จะทำให้เขาเป็นทุกข์ ซึ่งถ้าฉันมองไม่ผิด…นั่นมันแฟนเขาไม่ใช่เหรอ?

“เธอว่าสาเหตุที่คนเราเลิกกันมันคืออะไร”

จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะชี้ไปที่ตัวเอง

“ถามฉันเหรอคะ?”

“แล้วตรงนี้มีคนอื่นนอกจากเธอมั้ยล่ะ”

“….”

“ช่างเถอะ…”

“ก็คงจะหมดรักแล้วมั้งคะ”

“….”

“อาจจะเข้ากันไม่ได้ไรงี้น่ะค่ะ”

“มันไม่มีเหตุผลอื่นแล้วเหรอ?”

“…ไม่รู้สิคะ” ฉันหลุบสายตาลงต่ำ มองมือที่กำกระโปรงของตัวเองก่อนจะพูดต่อเสียงเบา “เหตุผลของแต่ละคนมันคงไม่เหมือนกันน่ะค่ะ”

“แล้วเธอล่ะ?”

“คะ?”

“ทำไมเธอถึงเลิกกับปืน”

“….”

“จะหาว่าฉันเสือกก็ได้ แต่ฉันอยากรู้จริงๆ…ปืนมันเสียศูนย์ไปเลยนะ ได้ข่าวว่าทำตัวเหลวแหลกจนแทบจะโดนพ่อมันตัดออกจากกองมรดกอยู่แล้ว”

…ทำไมเขารู้รายละเอียดเยอะจัง

“เธอหมดรักปืนแล้วเหรอ?”

“คือฉัน…”

“ขอประทานโทษครับคุณกูล”

ขอบคุณพนักงานที่เข้ามาขัดบทสนทนาของเรา…เพราะฉันไม่รู้จะตอบกูลว่ายังไงเหมือนกัน

“มีอะไร?”

“คือ…”

พนักงานพูดแค่นั้นแล้วยื่นการ์ดสีดำสนิทที่มีตัวอักษรสีทองสะกดเป็นคำว่า VVIP พร้อมกับรูปงูข้างใต้มาให้ฉันกับกูลดู และพอกูลเห็น เขาก็ยกยิ้มมุมปากทันที

“โอ๊ะโอ หมดเวลาสนุกแล้วสิ”

ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววขบขัน กูลหันมามองฉันก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“พูดถึงไก่ ไก่ก็มา”

คำพูดของเขาทำให้คิ้วของฉันขมวดเป็นปม เขาหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ

“มีแขกอยากพบตัวเธอน่ะ”

“แต่ฉันกำลังบริการคุณอยู่…”

“ไม่เป็นไร ฉันว่าจะกลับพอดี” กูลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับบิดขี้เกียจ “ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนฉันนะ”

“แล้วเงิน…”

“เธอเก็บไว้เลย ฉันถือว่าเธอได้ทำหน้าที่ของเธอแล้ว”

“….”

“ยังไงถึงฉันจะอยากยื้อเธอไว้ ฉันก็ทำไม่ได้อยู่ดี…แขก VVIP อยากได้อะไรก็ต้องได้นี่นา”

เขาพูดถึงอะไร? การ์ดสีดำเมื่อกี้คือการ์ดเรียกตัวของแขก VVIP งั้นเหรอ?

แต่พี่พู่บอกว่าฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนะ!!

“คุยกับเธอแล้วสนุกดีเหมือนกัน แต่ตอนนี้คงต้องบอกลากันแล้ว”

“ดะ เดี๋ยว…”

ปุบๆ

กูลตบไหล่ฉันเบาๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มบาง

“เธอเป็นคนดีนะ แต่ชีวิตก็อย่างนี้แหละ เอาเป็นว่า…ฉันเป็นกำลังใจให้เธอก็แล้วกัน”

บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ดวงตาสีดำสนิทมองแผ่นหลังของกูลที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความสับสน แล้วก็งงเข้าไปอีกเมื่อเขาหันกลับมาชูกำปั้นให้พร้อมกับขยับปากเป็นคำว่า

‘สู้ๆ’

…สู้กับใครวะ!?!?

จากการที่นั่งมองกูลมาหลายชั่วโมง ฉันสามารถฟันธงได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนชอบยิ้ม ดังนั้นนั่นหมายความว่าการที่เขายิ้มแบบเมื่อครู่…มันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีนัก

“ลุกเร็วน้องอาลัว ท่านกำลังรออยู่”

“เอ่อ ค่ะๆ”

ฉันเดินตามพนักงานขึ้นไปชั้นสามทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เขาพาฉันไปยังห้องริมสุดก่อนจะเปิดประตูออกแล้วดันฉันเข้าไปด้านใน

ห้องรับรองแขก VVIP มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนฉันสี่เท่า มีเตียงคิงไซส์ อ่างอาบน้ำริมหน้าต่างซึ่งมองออกไปเห็นวิวเมืองยามค่ำคืน มีเก้าอี้ โต๊ะ โซฟา รวมถึงของประดับตกแต่งประหนึ่งโรงแรมห้าดาว และที่สำคัญคือ…มีลูกค้ายืนหันหลังอยู่ตรงหน้าฉัน

สูงจัง

ตัวใหญ่มากด้วย

“สะ สวัสดีค่ะ ฉัน…”

ขวับ

ลูกค้าคนนั้นหันมาเผชิญหน้ากับฉัน และรอยสักรูปงูบนกระดูกไหปลาร้าของเขาก็ทำให้ฉันหยุดเคลื่อนไหว

ตึกตัก ตึกตัก

หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้น ลมหายใจขาดห้วง ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อบังคับให้เงยหน้าขึ้นสบตา…กับคนที่ฉันก็รู้ว่าคือใคร

“…ปืน”

เขามาทำอะไรที่นี่!?!?

.

.

.

.

.

ผลั่ก ตุ้บ ผลัวะ ปึ่ก

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นโกดังร้างย่านชนบทซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลกุญชรทรัพย์หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘อสรพิษ’ ชายที่ถูกทำร้ายนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นปูนสกปรก เขาถูกมัดติดกับเก้าอี้ มือและเท้าถูกพันธการด้วยเชือกสีแดงอย่างแน่นหนา ดวงตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองคนร้ายที่ไม่คิดแม้แต่จะปกปิดใบหน้าด้วยความหวาดกลัว

“เอามันขึ้นมา”

สิ้นเสียงนั้น เขาก็ถูกกระชากขึ้นมาพร้อมเก้าอี้ แผลบนหน้าผากที่เพิ่งจะเย็บไปปริแตก ส่งผลให้เลือดไหลนองเต็มใบหน้า คนร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่ชายตรงหน้าเขาคือคนที่บงการทุกอย่าง และถึงแม้ว่าสติของเขาใกล้จะวูบดับ แต่เขาก็จำได้ดีว่าคนคนนี้คือ ‘ปืน’ ทายาทอันดับหนึ่งของแก๊งอสรพิษ

“สภาพดูไม่ได้เลยนะ”

“อึก ไม่รู้รึไงว่าพ่อกูเป็นใคร!? กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุดแน่!!”

“ถ้ามึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันพรุ่งนี้น่ะนะ”

“…วะ ว่าไงนะ?”

หมับ!

มือที่สวมถุงมือคว้าใบหน้าสะบักสะบอมอย่างแรง ดวงตาสีควันบุหรี่มองไอ้เศษสวะที่ชื่อว่าเป้อย่างเย้ยหยัน

“ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะว่าพ่อมึงเป็นใคร…ก็มันเพิ่งจะมาเลียตีนกูไปเมื่อวานเอง”

“โอ๊ย เจ็บ! ปล่อย อึก ปล่อยกู!!”

“ถึงพ่อมึงจะโง่ แต่มันยังรู้จักที่ต่ำที่สูง แต่มึงนี่สิ…” มีดพกแตะลงบนแก้มของเป้ก่อนจะค่อยๆ กดลงไปในเนื้อ “…ทั้งโง่ทั้งดักดาน”

“อ๊ากกก อ๊ากกกกก”

เป้ร้องลั่น กลไกปกป้องร่างกายทำให้เขาดิ้นพล่าน แต่ยิ่งเขาขยับ ปลายมีดก็ยิ่งฝังลงไปลึก ปืนหัวเราะชอบใจกับท่าทางน่าสมเพชของอีกฝ่าย เขาฟังเสียงร้องโหยหวนของเป้อีกสักพักก่อนจะผละตัวออกมาดูผลงานของตัวเอง

ใบหน้าซีกซ้ายของเป้ถูกกรีดเป็นทางยาวตั้งแต่มุมปากจนไปถึงหางคิ้ว ของเหลวสีแดงสดที่ซึมออกมาแต่งแต้มงานศิลปะของเขาให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น…ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจอะไรอย่างนี้

“อึก มะ มึง…มึงทำแบบนี้กับกูทำไม? อย่าบอกนะว่าเรื่อง อึก เรื่องอีแพศยานั่นน่ะ”

“อีแพศยา?”

“ก็อีอาลัวไง! มัน…”

เพี๊ยะ!!

ยังไม่ทันจะพูดจบ เป้ก็ถูกตบจนเลือดกลบปาก เลือดและน้ำลายปริมาณมากไหลลงพื้นเหมือนเด็กแหวะนม…ต่างกันแค่ตรงที่นมเป็นสีแดงและมีกลิ่นคาวชวนอาเจียน

“กูให้โอกาสมึงพูดอีกที” ปืนพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตาสีควันบุหรี่เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เขานับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เอามีดไปกระซวกท้องมัน

คนอย่างเป้ไม่ควรตายเพราะมีดเพียงเล่มเดียว…ต้องตายเพราะความทรมานสิถึงจะถูก

“อึก แฮ่ก…อะ อาลัว”

“อาลัวทำไม?”

“มึง…อึก..มึงทำแบบนี้เพราะกูลวนลามอาลัวเหรอ?”

“…ก็นับว่ายังมีสมองอยู่บ้าง”

“ตะ แต่เธอนอกใจมึงนะ”

รอยยิ้มเย้ยหยันเมื่อครู่หายไปทันที กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นจนได้ยินเสียงดังกรอด

“พูดต่อสิ”

“….”

“กูบอกให้พูดต่อ”

“ก็…ธะ เธอนอกใจมึง มึงก็คะ ควรจะสะใจสิที่กู…”

“กูควรจะสะใจที่มึงลวนลามเธอ” คิ้วหนาเลิ่กขึ้นข้างหนึ่ง “มึงจะบอกว่ามึงแก้แค้นให้กูว่างั้น?”

“….”

“เหอะ”

ผลั่ก!

ตุบ

“โอ๊ยยยย”

ปืนถีบยอดอกเป้อย่างแรงจนเขาหงายหลังก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องจับเป้ขึ้นมาอีกครั้ง

“แก้มัดมัน”

เขาสั่งเสียงเย็น กอดอก มองเป้นิ่งๆ ราวกับกำลังสาปให้เขากลายเป็นหินผ่านทางสายตา

เมื่อมือทั้งสองข้างหลุดออกจากพันธนาการ เป้ก็หลงดีใจนึกว่าตัวเองจะรอด แต่เปล่าเลย…นรกของจริงมันเพิ่งจะเริ่มต่างหาก

ฟุ่บ

“มะ มึงจะทำอะไร!?”

หัวใจของเป้หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีเมื่อมือข้างซ้ายของเขาถูกมัดไว้กับที่วางแขน ส่วนมือข้างขวาถูกปืนจับขึ้นมาดูพร้อมกับรอยยิ้มชวนขนหัวลุก

“เห็นแก่ที่มึงไม่มีสมอง…กูจะอธิบายให้ฟังก็ได้”

“….”

“ใช่ กูแค้นที่อาลัวนอกใจ และกูอยากแก้แค้นเธอ แต่…”

กรอบ

“อ๊ากกกกกก!!!”

นิ้วหัวแม่โป้งถูกหักไปด้านหลังจนสุด เป้กรีดร้องจนตาเหลือก ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ทุกเซลล์ประสาท และเขาคิดว่าเขากำลังจะตายในไม่ช้า

“…กูไม่ได้ขอให้มึงแก้แค้นแทนกู”

“อ๊ากกก ปล่อยกู! ปล่อยกู!!!”

กรอบ

นิ้วชี้ถูกหักตามไปติดๆ

“อ๊ากกกก”

“อาลัวคือสมบัติของกู คนที่จะทำให้เธอเจ็บปวดได้มีแค่กูคนเดียว แต่มึงกลับเสนอหน้าเข้ามายุ่ง”

กรอบ

“อึก อั่ก”

“ใช้มือสกปรกแตะต้องสิ่งของที่เป็นของกู”

กรอบ

“ทำให้เธอแปดเปื้อนความโสมมน่ารังเกียจแล้วมาพล่ามว่ากูไม่จำเป็นต้องแคร์เพราะเธอนอกใจกู”

เป้ร้องจนไม่มีเสียงให้ร้องอีกต่อไป เขาถูกปืนจิกหัวให้สบกับดวงตาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าอสรพิษชัดๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีคล้ำจะขยับพูดช้าๆ

“มึงกล้ามายุ่งกับคนของกู มึงไม่รู้เหรอว่าต้องเจอกับอะไร”

“อึก ฮึก ขะ ขอโทษ…กูกลัวแล้ว…แฮ่ก”

“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของปืนทำให้ลูกน้องนับสิบกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกัน จริงอยู่ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปืนทรมานคน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นนายตัวเองโกรธจัดขนาดนี้มาก่อน…

…ปืนน่ากลัวยิ่งกว่านายใหญ่ของแก๊งเสียอีก

“กูไม่ใช่พีทนะ กูไม่ได้อ่อนแอแบบมัน”

“….”

“เหลืออีกนิ้วนึงสินะ”

“อย่า…”

กรอบ

“อ๊ากกกก”

“เอาล่ะ มือข้างขวาครบแล้ว ทีนี้ก็เหลือข้างซ้าย”

“พะ พอแล้ว ได้โปรด…”

“ตอนทำไม่คิด แต่ตอนนี้กลับมาร้องขอชีวิต…น่าเห็นใจเหลือเกินนะ”

กรอบ

“อ๊ากกกกก!!!”

//

“เก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วเอามันไปโยนไว้หน้าบ้านพ่อมันด้วย”

“ครับ”

“อ้อ ฝากข้อความไปบอกพลเอกดนัยด้วยว่าฉันจะให้โอกาสครั้งนี้แค่ครั้งเดียว”

“….”

“ถ้าฉันเจอลูกชายมันอีก…ฉันจะฆ่าทิ้งซะ”

“ได้ครับ”

ครืด…

ดวงตาสีควันบุหรี่เรียบเฉยปรายมองร่างของเป้ที่กำลังถูกลากออกจากโกดังก่อนจะหันกลับมามองกระจกเพื่อเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง ปืนถอดถุงมือออก หยิบผ้าสะอาดขึ้นมาเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้า เขาทำทุกอย่างปกติเหมือนนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ทุกข์ร้อนและไม่รู้สึกผิด

“นายครับ”

“อะไร?” เสียงเรียบเอ่ยถามโดยที่สายตายังคงมองกระจก

“เอ่อคือ…”

ลูกน้องคนนี้ยังใหม่และได้เห็นฉากสะเทือนขวัญเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วจึงไม่แปลกที่เขาจะเกิดความกลัวขึ้นมาในจิตใจ เพราะเขารู้ว่าเรื่องที่เขาต้องพูดจะทำให้เจ้านายโกรธมากกว่าเดิมแน่นอน

“มึงมีอะไรก็รีบพูดมา”

“คะ คือ…มีสายระ รายงานว่าเห็นคุณอาลัวอยู่ที่ไนท์คลับของคุณพู่ครับ”

กึก

ทุกการเคลื่อนไหวหยุดชะงักลง ดวงตามัจจุราชตวัดมองลูกน้องก่อนจะถามซ้ำ

“ว่าไงนะ?”

“เธอปะ ไป…ไปสมัครงานครับ”

“งานอะไร?”

“เซอร์วิสเกิร์ล…”

ปึง!

ผ้าเปื้อนเลือดถูกโยนลงถังขยะด้วยความเร็วมากพอที่จะเปลี่ยนมันเป็นก้อนหินได้ ปืนกำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เขาขบกรามก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟัน

“เตรียมรถ กูจะไปที่นั่น”

“คะ ครับ”

วางแผนไว้ว่าจะเริ่มพรุ่งนี้แท้ๆ

แต่ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นชอบหาเรื่องใส่ตัว…

…เขาก็คงต้องจัดออร์เดิฟให้เธอสักหน่อยซะแล้วล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel