อสรพิษขังรัก

97.0K · จบแล้ว
sunnie
46
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หนีได้ก็หนีไป แต่จำใส่สมองสกปรกๆ ของเธอเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าถ้าฉันเจอเธออีกเมื่อไหร่…เธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่าที่ฉันเคยเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่า!

นิยายรักโรแมนติกนอกใจดราม่ารักวัยรุ่นแก้แค้นมาเฟียโรแมนติกนักศึกษานักล่า18+

Prologue

Prologue

ฉันเกิดมาพร้อมกับความผิดหวังของแม่

“ฉันไม่น่าคลอดแกออกมาเลย”

นั่นคือประโยคที่ท่านมักพูดกับฉันเวลาที่ฉันทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ…

…ซึ่งก็เกือบจะตลอดเวลา

ฉันเติบโตขึ้นท่ามกลางเสียงด่าทอจากผู้เป็นแม่ ถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่จำความได้ ฉันรู้ดีว่าแม่เกลียดฉัน รู้ดีว่าตัวเองเป็นภาระของท่าน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…ฉันก็ยังรักท่านอยู่ดี

แม่คือครอบครัวหนึ่งเดียวของฉัน ท่านคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตอันแสนไร้ค่านี้ เรามีกันอยู่แค่สองคน ต่อให้ท่านจะต้องการหรือไม่ ฉันก็จะอยู่ดูแลท่านไปจนแก่เฒ่า

ดังนั้น ฉันจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านภูมิใจ ไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ฉันก็ยอมรับมันเสมอ ฉันไม่เคยเถียงหรือโกรธท่านเลยสักครั้ง เพราะมันก็จริงอย่างที่ท่านว่า…ฉันไม่น่าเกิดมาจริงๆ นั่นแหละ

ฉันมักตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีอยู่ของตัวเอง ฉันไม่รู้สึกยินดีกับการมีชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่อยากตาย เพราะถ้าเสาหลักครอบครัวอย่างฉันตายก็จะไม่มีใครคอยดูแลแม่ ฉันปล่อยให้แม่ลำบากไม่ได้หรอก

อย่างน้อยๆ ก่อนที่จะจากโลกใบนี้ไป…ฉันอยากเห็นแม่ยิ้มให้ฉันสักครั้ง

ฉันเรียนรูัวิธีรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ด้วยการทำเป็นไม่รู้สึก ทั้งความโกรธ ความเสียใจ หรือแม้กระทั่งความสุขที่หาได้ยาก ฉันก็ไม่ค่อยบอกให้ใครรับรู้ผ่านทางสีหน้ามากนัก ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าพวกเขาสามารถพูดหรือทำอะไรกับฉันก็ได้ เพียงเพราะฉันไม่ตอบโต้พวกเขา ฉันก็กลายเป็นทั้งเหยื่อและนางมารร้ายไปในเวลาเดียวกัน

แต่ก็ไม่ใช่ว่าใบหน้ากับดวงตาเฉยชาจะมีแต่ข้อเสียหรอกนะ มันก็มีข้อดีอยู่บ้างเหมือนกัน และฉันก็เพิ่งค้นพบมันตอนนี้เลยล่ะ

พลั่ก!

“ปืน!!!”

ร่างของชายผู้ซึ่งประกบปากจูบฉันเมื่อครู่ถูก ‘ปืน’ แฟนของฉันต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้น เขาทำท่าจะเข้าไปกระทืบอีกฝ่ายซ้ำ ฉันจึงรีบปรี่เข้าไปกอดร่างหนาจากทางด้านหลัง

“พอแล้ว…”

“ปล่อยฉัน”

เสียงเย็นๆ นั่นทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าแรงของฉันสู้แรงของคนที่สูงกว่าเกือบยี่สิบเซนติเมตรไม่ได้ แค่เขาสะบัดนิดเดียว เขาก็หลุดจากพันธนาการแล้ว

“ปืน เราขอร้อง…หยุดเถอะ”

แต่ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ วิ่งเข้าไปขวางร่างสูงเอาไว้พร้อมกับกางแขนปกป้องผู้ชายอีกคน

“แอล”

ดวงตาสีควันบุหรี่มองฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“หลีกไป”

“มะ ไม่…”

“ฉันบอกให้หลีกไป!!!”

เสียงตวาดอันเกรี้ยวกราดดังไปทั่วลานกว้าง ไอสังหารแผ่ซ่านจนคนที่ยืนมองดูเหตุการณ์สะดุ้งพร้อมกับโดยมิได้นัดหมาย มือที่กำลังจับโทรศัพท์สั่นอย่างหนักแต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะถ่ายวิดีโอต่อไป เพราะถ้าเอาไปลงโซเชียลเมื่อไหร่…มันจะต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แน่นอน

“ไม่”

แม้จะกลัวแค่ไหน แต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิม และนั่นก็เหมือนเป็นการสุมไฟโทสะให้แรงขึ้นสิบเท่า

“แอล ฉันจะไม่พูดซ้ำนะ” ปืนพูดเสียงลอดไรฟัน “หลบไป…เดี๋ยวนี้”

“ใช่ หลบไปแอล”

เหมือนตอนนี้สถานการณ์จะยังแย่ไม่พอ พระเจ้าถึงได้ส่ง ‘พีท’ มาผสมโรงด้วย

พีทคือคนที่จูบฉัน และเขากำลังสะใจที่เห็นปืนเสียสติ

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาเรียกแฟนกูแบบนั้น!?”

“ทำไมกูจะเรียกไม่ได้ มึงจดสิทธิบัตรไว้รึไง”

“พีท” ฉันหันไปปรามเขา พยายามอ้อนวอนผ่านทางสายตาแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือร้อยยิ้มเย้ยหยัน

“อ้อ อีกอย่างนะ…อาลัวไม่ใช่แฟนมึงแล้ว”

“…มึงว่าไงนะ?”

“ถ้ามึงไม่ตาบอดก็คงจะเห็น” ไม่พูดเปล่า พีทโอบไหล่ฉันเอาไว้พร้อมกับยักคิ้วให้ปืน “อาลัวจูบกับกู เธอนอกใจมึง…มาหากู”

“หุบปาก”

“อาลัวไม่ได้รักมึงแล้ว มึงมันโง่…”

พลั่ก!!!

ไวกว่าความคิดใดๆ ปืนซัดหมัดใส่แก้มซีกซ้ายของพีทก่อนจะตามไปต่อยเขาไม่ยั้ง พีทพยายามสู้กลับ แต่เพราะเขาเป็นฝ่ายเสียหลักล้มลงไปก่อน เขาจึงเสียเปรียบและทำได้แค่ฝากรอยแผลเล็กๆ ไว้บนใบหน้าคมเท่านั้น ในขณะที่ใบหน้าขาวซีดของตัวเอง…อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

พลั่ก ผลั๊วะ ผลั๊วะ ตุบ

“ปืน! พอแล้ว!! ได้โปรด…หยุดเถอะ” ฉันร้องปากคอสั่นพร้อมกับกอดแขนขวาของเขาไว้แน่น ปืนผลักฉันออกก่อนจะชีหน้าฉันอย่างเดือดดาล

“ไม่ต้องมายุ่ง!”

“….”

“ฉันจะฆ่ามันให้ตาย มันจะได้ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของเราอีก!!”

“ฮ่าๆๆๆ” พีทแผดเสียงหัวเราะดังลั่น เขานอนหายใจรวยรินแต่ยังไม่หยุด

“กล้าพูดเนอะ…เรื่องของเรา? เหอะ! ถ้าอาลัวยังรักมึงอยู่ เธอคงไม่จูบกับกูหรอก!!!”

“ไอ้…”

“เราจูบกับเขา!!!”

สุดท้าย…ฉันก็ต้องพูดมันออกไปจนได้

“เราจูบกับเขา ปืน”

“….”

“เรานอกใจปืน โอเคมั้ย”

ตุบ

ปืนปล่อยมือออกจากพีท เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเท้ามาหาฉันช้าๆ ดวงตาสีควันบุหรี่เต็มไปด้วยความผิดหวังระคนช็อก

ถึงจะเคยชินกับสายตาแบบนี้แล้ว แต่มาคนคนนั้นเป็นปืน…มันก็ยากที่จะทำเป็นเมินเฉยได้

“เธอหมายความว่ายังไง?”

“เราหมายความตามนั้น…เราจูบกับพีท เรานอกใจปืน เราไม่ได้รักปืนแล้ว” ฉันกะพริบตาหนึ่งครั้งเพื่อไล่ความรู้สึกผิดรวมถึงน้ำตาออกไป สีหน้าของฉันเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบอย่างรวดเร็วจนคนตรงหน้าไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ

“เราเลิกกันเถอะ”

“….”

เป็นหนึ่งนาทีที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ปืนเอาแต่จ้องหน้าฉันโดยไม่พูดอะไร เขาทำให้ฉันหายใจติดขัดด้วยสายตาเย็นยะเยือกเหมือนอสรพิษ แม้ว่าเขาจะไม่ได้แตะต้วฉัน แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

“ปืน…”

“ทำไม?”

“….”

“ทำไมเธอถึงไม่รักฉันแล้ว”

“….”

“เมื่อวานเรายังกอดกันอยู่เลยไม่ใช่รึไง?”

ดูเหมือนปืนจะไม่ยอมรับความจริงง่ายๆ ฉันคงต้องเด็ดขาดมากกว่านี้

“ที่เราทำไปทั้งหมด…เราแค่แกล้งทำ”

“….”

“เราไม่ได้รักปืนมานานแล้วแต่เราหาโอกาสบอกเลิกปืนไม่ได้…”

“เธอก็เลยนอกใจฉันเนี่ยนะ?”

“….”

“เหอะ!” ปืนแค่นหัวเราะ “คิดน้อยไปรึเปล่าอาลัว เธอไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นคนยังไง”

ตึก ตึก ตึก

ปืนก้าวขามาข้างหน้าส่วนฉันก้าวถอยหลังจนกระทั่งถูกมือหนาซึ่งเปื้อนเลือดคว้าท้ายทอยเอาไว้

หมับ

“…อึก”

ฉันหยุดเคลื่อนไหวทันที ใบหน้าของปืนอยู่ใกล้มาก ดวงตาสีควันบุหรี่ที่สะท้อนภาพของฉันไม่มีความปรานีอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน เลื่อนมือมากำรอบคอฉันเอาไว้หลวมๆ

“เธอนอกใจฉันจริงๆ ใช่มั้ย…แอล”

“ชะ ใช่” หยาดน้ำสีใสกลับมาเอ่อคลอเบ้าเพราะความกลัว แม้สีหน้าจะไม่ได้แสดงออก แต่หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำจนแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่รอมร่อ

“เรานอกใจปืน เราขอโทษ…”

“เก็บคำขอโทษของเธอเอาไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ”

“….”

“รู้มั้ย…ฉันทำยังไงกับคนที่ทรยศฉัน” นิ้วเรียวเกลี่ยผิวแก้มใส ริมฝีปากสีดำคล้ำกระตุกยิ้มร้ายกาจ

“ฉันจะทรมานมัน ตัดนิ้วของมันทีละนิ้วๆ ทำให้มันร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสจนกว่าจะขาดใจตาย”

ถ้าคนที่พูดไม่ใช่ปืน ฉันคงไม่กลัวจนตัวแข็งทื่อแบบนี้ แต่เพราะเขาคือปืน ทายาทแก๊งอสรพิษ ฉันจึงรู้…ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

“ฉันรักเธอมากนะแอล แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะไม่เห็นค่าความรักของฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องใจดีกับเธออีกแล้ว”

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาสีดำสนิทสบประสานกับดวงตาสีควันบุหรี่ตรงๆ…

“ปล่อยเรา”

ไม่ใช่ว่าไม่กลัวตาย แต่ยิ่งต่อความยาวสาวความยืดก็มีแต่จะเพิ่มความเกลียดชังให้กันเปล่าๆ รีบทำให้มันจบดีกว่าฉันเหนื่อยเต็มทีแล้ว

“หึ”

ปืนหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยฉันเป็นอิสระอย่างง่ายดาย เขาเอามือล้วงกระเป๋า ยืนมองฉันพยุงพีทให้ลุกขึ้นยืนด้วยสายตาสมเพช

“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ลาก่อน”

“นี่คิดจะหนีเหรอ?”

ฉันไม่ตอบเขา ค่อยๆ พาพีทเดินฝ่าฝูงชนออกไป ปืนไม่ได้ตามมา แต่เสียงประกาศกร้าวของเขาดังไล่หลังฉันเหมือนเงาตามตัว

“หนีได้ก็หนีไป แต่จำใส่สมองสกปรกๆ ของเธอเอาไว้ด้วยล่ะ ว่าถ้าฉันเจอเธออีกเมื่อไหร่…เธอจะต้องเจ็บยิ่งกว่าที่ฉันเคยเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”

นี่แหละคือข้อดีของการเฉยชาจนเชี่ยวชาญ

เพราะต่อให้คุณจะโกหกยังไง…อีกฝ่ายก็ไม่ทีทางรับรู้ได้เลยน่ะสิ