บท
ตั้งค่า

บททึ่5 ส่อพิรุธ

เฟี้ยว...ว    ปึ้ก!

เสียงแหวกอากาศของลูกธนูดอกแล้วดอกเล่า  ดังตั้งแต่แสงของอรุณรุ่งยังส่องแสงไม่เต็มที่ เด็กสาวง้างคันธนูยิงออกไปยังเป้าซ้อมที่สนาม จนกระทั่งอาทิตย์ขึ้นสว่างไสวไปทั่วบริเวณสนามหน้าบ้าน

 แม้จะล้าจนแทบยกแขนไม่ขึ้น แต่เธอยังคงไม่หยุดง้างสายธนู

หลินเสี่ยวจือซ้อมยิงมานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว ตอนแรกเธอหวังว่าการซ้อมนี้จะช่วยให้ใจสงบ แต่มันกลับไม่ช่วยเลย ยิ่งเวลาผ่านไปใจก็ยิ่งรุ่มร้อน

"ถ้าเจ้าตั้งใจจะให้นิ้วพิการล่ะก็ เจ้าก็ไม่น่าจะไปแข่งเพื่อเข้าร่วมกลุ่มของเจ้านะ"

"เอ๋? นาย..มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"

เสี่ยวจือหันไปตามเสียง แม่ทัพหลงนั่งอยู่บนต้นไม้ใกล้กับจุดที่เสี่ยวจือฝึกซ้อม แสงแดดยามเช้าส่องทะลุผ่านร่างสูงโปร่งเป็นประกายระยิบระยับ ดูแปลกตา

"ก็เมื่อคืนเจ้าเป็นแบบนั้น ข้าจะไปไหนได้เล่า"

หลงอี้เจินกระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วเดินไปดูเป้าซ้อมของเสี่ยวจือ อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมองเขาอย่างจริงจัง

รูปร่างของแม่ทัพผู้นี้ พิจารณาตามสายตาน่าจะมีส่วนสูงสัก185 เซนติเมตรได้ ท่าทีดูทะมัดทะแมงคล่องแคล่ว เอวเล็กแต่กลับไม่ผอมบาง รูปร่างสมส่วน จัดได้ว่ารูปงาม เสียอย่างเดียวไม่ค่อยยิ้มเอาซะเลย

"ฝีมือเจ้าไม่เลวเลย แม้ไม่ถือว่าแม่นยำเข้าขั้นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับไร้ฝีมือ ข้าก็ว่าแปลกอยู่ กล้ามเนื้อหลังมีกำลัง แขนและไหล่ก็แข็งแรงเหมาะจะเป็นนักยิงธนู เหตุใดวันนั้นมือของเจ้าจึงสั่นจนง้างธนูไม่ไหวกันล่ะ"

แม่ทัพหลงวิจารณ์แบบไม่มองสีหน้าคนฟังเลย เสี่ยวจือจ้องหน้าเหมือนกับอยากจะบีบคอให้ตายรอบสอง

"ถามจริงนายไปเห็นกล้ามเนื้อหลังฉันตอนไหน อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนนายฉวยโอกาสตอนฉันโป๊ แอบลูบๆ คลำๆ ใช่มั้ย ไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้ สารภาพมาเลย!"

"นี่..นี่เจ้า ข้าเป็นสุภาพชนนะ ไหนเลยจะกระทำการเช่นนั้นกับอิสตรีเช่นเจ้าได้"

"แน่ใจเหรอ ไม่ได้มองจริงอ่ะ นิดนึงก็ไม่มองนะ"

เสี่ยวจือกล่าวพลางส่งสายตาคาดคั้น แถมยังเดินเข้ามามองจ้องตาตรงๆไปอีก

  ทำเอาท่านแม่ทัพถึงกับอ้าปากค้าง เขาชักเท้าถอย  ทั้งแก้มทั้งหูก็พลันแดงก่ำส่อพิรุธ อันที่จริงลึกๆ แล้วภาพเมื่อวานเหมือนจะติดตาจนเขาเองก็ลืมไม่ลงเหมือนกัน

"ก็ข้า...ข้า เอิ่มก็ตอนที่ข้าช่วยเจ้าตอนที่แข่งทดสอบไงล่ะ ข้าใช้ร่างเจ้ายิงธนูก็เลยรู้ไงล่ะ"

แม่ทัพหลงพูดแก้ตัวเลิ่กลั่ก ยิ่งส่อแววพิรุธหนักขึ้นไปอีก เสี่ยวจืออมยิ้ม พยายามกลั้นขำ ที่เห็นมุมนี้ของแม่ทัพหลง

"อ๋อ หมายความว่านายแค่เข้าสิงฉันก็เลยรู้งั้นเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร เอ๊ะ!? ไม่สินั่นมันไม่ถูกนี่! นี่นายเข้าสิงร่างฉันเหรอ"

พอหันกลับมาท่านแม่ทัพก็หายไปซะแล้ว

"หนอยแน่ะ กล้าเข้าสิงฉันเหรอ แบบนี้นายก็สัมผัสร่างกายฉันทุกซอกทุกมุมแล้วน่ะสิ  ให้ตายเถอะ เชื่อเขาเลยพอจับไต๋ได้ก็หนีเรอะฝากไว้ก่อนเถอะ"

สนามฝึกซ้อมยิงธนู มหาวิทยาลัย

"เฮ้อ~อ...โดนเอ็ดจนเบลอไปหมดเลย เซ็งชะมัด สุดท้ายกลายเป็นเบ๊มาเก็บลูกธนูเฉยเลย"

เสี่ยวจือนั่งบ่นอยู่บนที่นั่งตรงอัฒจันทร์ข้างสนามซ้อม พลางนวดขาที่กำลังปวดเมื่อยเนื่องจากยืนคอยให้บริการนักกีฬาคนอื่นมาเป็นชั่วโมงแล้ว

เป็นการลงโทษจากโค้ท  สาเหตุก็เพราะเมื่อวานเธอเบี้ยวไม่ไปลงซ้อมวันแรกกับทีม แถมไม่โทรไปลาอีกต่างหาก

แต่ที่น่าโมโหคือพวกที่แกล้งเธอเมื่อวานกลับยืนลอยหน้าลอยตาไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังยิ้มเยาะเย้ยราวกับไม่เคยทำอะไรผิด

"ให้ข้าช่วยเอาคืนพวกนั้นดีหรือไม่"

หลงอี้เจินปรากฏกายตรงที่นั่งถัดไปเยื้องไปทางขวาเหนือที่นั่งของเสี่ยวจือ

"มาได้แล้วเหรอหายไปทั้งวันเลยนะ  ใจลึกๆ ก็อยากแก้แค้นอยู่แหละ แต่ไม่ล่ะ  ไม่ต้องหรอกปล่อยไปเหอะ"

"เหตุใดเล่า อย่างน้อยเจ้าก็ควรเล่าความจริงให้อาจารย์ของเจ้าฟังนะ"

ท่านแม่ทัพกล่าวทักท้วง แต่เสี่ยวจือกลับส่ายหน้า

"เล่าแล้วได้อะไรล่ะ เชื่อก็แล้วไป ไม่เชื่อจะกลายเป็นใส่ความนะ ทางนั้นน่ะลูกรักของโค้ทเลยนะ พูดไปมีแต่จะเข้าตัว"

"ลูกรัก? พวกนางเป็นบุตรีของ....เอ่อ เจ้าเรียกอะไรนะ ข้าออกเสียงไม่ถูก"

"ฮะ ฮะ ฮะ ฉันผิดเองแหละ ใช้คำไม่ถูกเองน่ะ พวกนั้นไม่ได้เป็นญาติอะไรหรอก คือหมายถึงเป็นคนโปรดไง เป็นที่โปรดปรานน่ะ "

หลงอี้เจินพยักหน้ายึกยัก เขาเข้าใจแล้ว

"ไง เมื่อวานไปไหนมา ถึงกับกล้าเบี้ยวมารายงานตัววันแรกเลยนะ เอหรือว่ามีนัดเดทกับใครหรือเปล่า"

เสียงทักทายอันคุ้นเคยทำให้เสี่ยวจือหยุดการสนทนากับท่านแม่ทัพ เธอหันไปมองใบหน้าสดใสกับรอยยิ้มอบอุ่นของซีห่าว แล้วรู้สึกใจเต้นแรง

"พ..พี่ซีห่าว ด...เดทอะไรกันคะ ฉันแค่ติดธุระน่ะค่ะ คือมือถือตกน้ำน่ะค่ะก็เลย แล้วรุ่นพี่ซ้อมเสร็จแล้วเหรอคะ"

หลินเสี่ยวจือตอบเลิ่กลั่ก พลางหันมองไปทางท่านแม่ทัพ แล้วส่งสายตาบอกให้หลงอี้เจินไปทางอื่นก่อน

แม่ทัพหลงไม่เข้าใจเหตุผลในท่าทีของเสี่ยวจือ เขาชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วถามกลับ

"ข้าเหรอ ทำไมต้องไปล่ะ เขามองไม่ห็น ไม่ได้ยินข้าสักหน่อยนี่"

หลงอี้เจินลุกขึ้นยืนมองซีห่าว ตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางนึกในใจ

"...บุรุษเช่นนี้รึที่แม่นางหลินต้องตาต้องใจ ดูสำอางค์ ขาดความองอาจ ท่าทีเจ้าชู้ยิ่งนัก..."

ความหงุดหงิดอันไม่รู้สาเหตุที่มานั้นทำให้ท่านแม่ทัพทำใจนั่งอยู่เป็นก้างขวางคอไม่ได้

"ข้าไปล่ะ อย่าลืมที่เจ้าสัญญาล่ะ ข้าจะคอยเจ้า"

พอพูดจบท่านแม่ทัพก็เดินทะลุแสตนเชียร์ไปหน้าตาเฉย ทำเอาเสี่ยวจือยืนจ้องตัวแข็งทื่อ

"เสี่ยวจือมองอะไรอยู่น่ะ มีอะไรเหรอ"

"ไม่มีค่ะ ว่าแต่เป็นไงบ้างคะรอบคัดเลือกเมื่อวานน่ะค่ะ"

"ต้องผ่านฉลุยอยู่แล้ว เสียดายเขาไม่ให้เข้าไปเชียร์ได้ เข้าได้แต่ทีมแข่งเท่านั้น เอาไว้รอบสุดท้ายเสี่ยวจือต้องไปให้ได้ล่ะ"

สายตาพิฆาตหลายคู่จดจ้องมาทางเสี่ยวจืออย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะเหลียนฮัวที่กำคันธนูเอาไว้แน่นจนแทบหักคามือ

"เมื่อวานเกิดเรื่องแบบนั้น วันนี้ยังกล้ามาเสนอหน้ากับรุ่นพี่ซี่ห่าวอีกนะ ช่างหน้าด้านซะจริง"

พรรคพวกข้างกายเหลียนฮัว กล่าวแทนความคิดเจ้านาย แม้ไม่พูดออกมาแต่ใจกู้เหลียนฮัวก็เต็มไปด้วยไฟแห่งความริษยา เหลียนฮัวรู้จักซีห่าวมานานก็จริง แต่ไหนเลยจะสนิทเท่าเด็กข้างบ้านอย่างหลินเสี่ยวจือ ที่เติบโตมาด้วยกัน

ที่สำคัญ ซีห่าวก็ไม่ได้แสดงทีท่าต่อตัวเธออย่างคนรัก แต่เป็นแค่เพื่อนร่วมทีมมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย

"เมื่อวานตั้งกล้องเอาไว้รึเปล่า"

"ค่ะคุณหนูกู้ ตอนเราออกมาเราตั้งกล้องถ่ายไว้ที่ประตูด้านนอก มีคนมาช่วยจริงๆ นะคะ เพียงแต่..."

"เพียงแต่อะไร ก็พูดมาสิ อ้ำอึ้งอยู่ได้"

ทั้งหมดพากันมองหน้ากัน ต่างก็ผลักกันไปมาเกี่ยงกันตอบคำถามนั้น

"คือ คือว่า เราไม่เห็นตอนเข้าไปเลยน่ะค่ะ จริงๆ นะคะ"

"หา...!!!"

เหลียนฮัวฟังรายงานแล้วรู้สึกประหลาด เมื่อตั้งกล้องถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เช้าโดยมุมกล้องหันไปทางประตู ไฉนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนเข้าออกรึไม่

คนของเธอส่งแท็บแล็ตให้เธอดู ภาพที่เห็นยากจะเข้าใจก่อนที่เสี่ยวจือจะออกมา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างตัดกุญแจที่ล็อคเอาไว้ที่หน้าประตู แต่กลับไม่เห็นตัวคนทำ และประตูไม่ได้ถูกเปิดออก ดังนั้นคนจะเข้าไปได้อย่างไร

ทว่าตอนที่ประตูเปิดออกมานั้น กลับปรากฏร่างชายผู้หนึ่งสวมชุดทหารโบราณ อุ้มเสี่ยวจือเอาไว้ในอ้อมแขนโดยที่ใช้ผ้าคลุมสีแดงห่อร่างเสี่ยวจือเอาไว้อย่างมิดชิด

"บ้าน่า นี่มันอะไรกัน หมอนี่เป็นใคร แล้วทำไมถึงได้...!"

ภาพที่เห็น ทำให้เหลียนฮัวนึกไปถึงคำพูดของพวกนักเลงที่เธอจ้างไปทำร้ายเสี่ยวจือในวันนั้น

"ต้องรู้ให้ได้ว่าคนรึผีกันแน่"

เหลียนฮัวกล่าวจบก็เอียงคอเพราะรู้สึกเย็นๆตรงแผ่นหลัง นั่นก็เพราะแม่ทัพหลงชะโงกหน้าไปดูในจอแท็บเลตจากด้านหลังเธอ เขาเห็นภาพที่พวกเหลียนฮัวถ่ายเอาไว้  

"คนพวกนี้ไร้ยางอายสิ้นดี คิดจะทำให้แม่นางหลินอับอาย อย่างงี้คงต้องสั่งสอนเสียหน่อย"

เหลียนฮัวหันมองไปรอบๆ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

"คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าคะ"

"ไม่รู้สิแค่รู้สึก หนาวๆขึ้นมาน่ะ"

ฉับพลันแท็บเลตในมือกลับพุ่งปลิวกระเด็นราวกับถูกปัดอย่างแรง แรงกระแทกทำให้ชิ้นส่วนแตกกระจายเต็มพื้น แรงลมที่พัดราวกำลังจะเกิดพายุพัดเข้าหาพวกเขาจนเศษใบไม้ปลิวเข้าใส่

ทั้งหมดแทบลืมตาไม่ขึ้น หลงอี้เจินเดินเข้าไปหาลูกน้องมือขวาของเหลียนฮัว แล้วเข้าร่าง

"อะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น ลมบ้าอะไรเนี่ย เอ๊ะ! เจียอี  จะทำอะไรน่ะ เจียอี"

เหลียนฮัวชักเท้าถอย เพราะลูกน้องคู่ใจจ้องตาถมึงทึงใส่เธอพลางก้าวเข้ามาหา ท่าทางเหมือนผีเข้า

เจียอีกรีดร้องเสียงลั่นราวกับคนบ้า แล้วพุ่งเข้ามายื่นมือจะบีบคอเหลียนฮัว ทว่าจู่ๆ ที่คอของเหลียนฮัวก็มีแสงสีขาวพวยพุ่งออกมา 

วิญญาณหลงอี้เจินถูกวัตถุเวท  ผลักเขาออกจากร่างเจียอีจนกระเด็นถอย เจียอีล้มลงหมดสติ

แม่ทัพหลงก้มลงมองดูตัวเอง  ทั้งตัวเขาราวกับถูกของที่ร้อนมากแผดเผาจนควันสีขาวลอยขึ้นทั่วตัว

"แย่แล้วผ้ายันต์งั้นรึ"

แม่ทัพหลงรีบหายตัวไปจากที่นั้น พร้อมกันนั้นเองพายุที่รุนแรงก็สงบลงทันที เพื่อนๆ คนอื่นๆ รีบเข้าไปประคองเพื่อนแล้วเรียกชื่อเธอเรียกสติ ในขณะที่เหลียนฮัวยืนจ้องมองเจียอีด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ

"นี่มัน...เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน"

หอสมุดวิทยาลัย...

"ดูเจ้าอารมณ์ดีเหลือเกินนะ "

แม่ทัพหลงมองดูอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของเสี่ยวจือแล้วให้สงสัยยิ่งนัก

"ของมันแน่อยู่แล้ว รู้มั้ยวันนี้พี่ซีห่าวจับมือฉันยิงธนูด้วยนะ"

"นั่นน่าดีใจตรงไหนกัน เฮอะ! เจ้าหนุ่มนั่นจะเก่งสักแค่ไหนเชียว มีข้าสอนอยู่แล้วยังต้องให้ผู้อื่นสอนอีกรึไง ข้าต่างหากนี่ ถึงเป็นอาจารย์ของเจ้า"

หลงอี้เจิน กล่าวน้ำเสียงกระแทกราวกับประชด หลินเสี่ยวจือหันมองหน้าแม่ทัพหลง พลางส่งสายตาเหมือนกับจะจับผิดบางอย่าง

"ฮั่นแน่ พูดแบบนี้คนเขาจะคิดว่านายหึงฉันนะ"

คำพูดของเสี่ยวจือโดนตรงจุดจี้ใจดำพอดิบพอดี ทำเอาหลงอี้เจินถึงกับอึ้ง เขายกมือขึ้นชี้หน้าเสี่ยวจือหมายจะต่อว่าแต่เสี่ยวจือสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง

"มือนาย นี่รอยอะไรน่ะ"

หลงอี้เจินรีบซ่อนรอยแดงๆ ที่มือเอาไว้ เขาไม่อยากให้เธอเห็น

แต่ในเมื่อเห็นแล้วมีหรือคนอย่างเสี่ยวจือจะไม่ถามให้รู้ความ เธอเอื้อมมือไปทางด้านหลังเขาเพื่อยื้อมือเขาออกมาดู

"เดี๋ยว เจ้าจะทำอะไร ชายหญิงไม่ควรไกล้ชิดเจ้าไม่รู้รึไง"

"ชายหญิง? ขอโทษนะ นี่มันยุคอะไรแล้ว แล้วคุณก็ตายแล้วไม่นับย่ะ"

เธอเข้าไปกอดตัวเขาแล้วพยายามดึงมือที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง หลงอี้เจินรีบถอยหนีทันที

"น....นี่เจ้า ทำไมเจ้าถึงเป็นสตรีเช่นนี้ ท..ทำไม ไม่รู้จักสำรวมเลย"

"แหม ผู้หญิงยุคคุณนี่ เรียบร้อยขนาดไหนกันนะ ก็แค่จับมือนิดจับมือหน่อย แค่นี้ทำเป็นทนไม่ได้"

"เฮ้อ~อ.... ข้าคร้านจะพูดกับเจ้าแล้ว ว่าแต่เรามาที่นี่กันทำไม"

เสี่ยวจือหันมายิ้มให้ท่านแม่ทัพก่อนจะตอบคำถามอย่างมั่นอกมั่นใจ

"มาหาบันทึกประวัตินายไง.."

หนังสือกองโต ที่บันทึกประวัติศาสตร์ช่วงสงคราม16 แคว้นทำเอาหลินเสี่ยวจือหมดกำลังใจเลยทีเดียว หลังจากอ่านจนตาลายไปถึง3 ชั่วโมงเต็ม จนฟ้ามืด คนในห้องสมุดก็เริ่มบางตา เธอก็เริ่มท้อใจแล้วเช่นกัน

"อ่านตั้งนานไม่เห็นจะกล่าวถึงชื่อของนายเลยนี่นา ตอนแรกนึกว่าจะหาง่ายซะอีก"

"ข้าอาจไม่ได้สำคัญขนาดนั้นก็ได้นี่ หนังสือพวกนี้บันทึกแค่เรื่องราวคร่าวๆ ในแต่ละยุคสมัย ข้าเองก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ ไหนเลยจะมีบันทึก"

"มันก็จริงนะ งั้นมาลองค้นในโซเชียลดู.."

เสี่ยวจือกล่าวจบก็ลุกพรวดไปที่โต๊ะคอมสำหรับนักศึกษา ทำเอาหลงอี้เจินลุกตามแทบไม่ทัน

"มาลองดูกัน ลองคีเวิร์ด หลงอี้เจิน แม่ทัพ เป่ยเหลียง.."

ในขณะที่หลินเสี่ยวจือเอาแต่ตั้งอกตั้งใจดูข้อมูลในคอม เธอไม่รู้เลยว่ามีคนแอบถ่ายคลิบเธอตลอดเวลา

"นี่ไง เจอแล้ว ขุนศึกเลื่องชื่อเรื่องจริงหรือตำนาน... อ๋องอี้เจิน แม่ทัพพลธนูทอง สุดยอดกำลังรบแห่งเป่ยเหลียง  อ้าว...ไม่มีบันทึกเอาไว้ว่าเสียชีวิตได้ยังไงน่ะสิ"

"งั้นเรื่องที่ข้าได้รับพระราชทานเหล้าพิษล่ะ"

"ไม่มี เป็นไงดีใจมั้ย ฉันว่านะมันอาจเป็นแค่ข่าวลือก็ได้ ไม่แน่ว่าพ่อกลับจากเจียงหนานคราวนี้อาจได้ข้อมูลอะไรกลับมาก็ได้นะ"

"เงียบก่อน..."

แม่ทัพหลงยกมือห้าม เสี่ยวจือหยุดคุยแล้วหันมองตามสายตาท่านแม่ทัพ แต่ไม่เห็นอะไร นอกจากชั้นหนังสือสุดลูกหูลูกตา

".....มีอะไรเหรอ.."

เสี่ยวจือกระซิบถามเบาๆ แต่แม่ทัพหลงยังคงมองไปที่เดิม

"แม่นางหลิน เจ้าเก็บสัมภาระของเจ้าแล้วออกไปจากที่นี่ ข้าขอดูอะไรก่อน"

"เอิ่ม ได้สิ งั้นฉันไปก่อนนะ"

เสี่ยวจือทำตามที่แม่ทัพหลงแนะนำ เธอเก็บข้าวของบนโต๊ะแล้วรีบออกไปข้างนอกอาคาร หมู่นี้เธอเกิดเรื่องติดต่อกันหลายครั้ง จนไม่แน่ใจแล้วว่าคนกับผีอะไรน่ากลัวกว่า

เสี่ยวจือออกจากหอสมุดได้เพียงครู่เดียว หลงอี้เจินก็ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

"มีคนตามสะกดรอยเจ้า กลับกันเถอะ วางใจเถอะตราบใดมีข้าอยู่เคียงข้างเจ้า ใครหน้าใหนก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้"

สีหน้าท่าทีของหลงอี้เจินดูจริงจังอย่างงั้น ทำให้เสี่ยวจือรู้สึกประทับใจไม่น้อย แต่คำที่ใช้ค่อนข้างจะทำให้เสี่ยวจือนึกถึงซีรีย์ย้อนยุคหลังข่าวเอาดื้อๆ

"อุ๊บ! คิก คิก คิก ฮะฮะฮะ ขอโทษที คือมันคิดอะไรไร้สาระไปน่ะ"

"อะไรของเจ้านี่ มีอะไรน่าขบขันกันนัก นี่ข้าจริงจังนะ ข้าไม่ได้โป้ปดสักหน่อย มีคนตามเจ้าจริงๆ"

"ค่ะ ค่ะ ฉันเชื่อ สมัยเนี้ยพวกโรคจิตมันเยอะ เห็นคนสวยย่อมจะทนไม่ไหวก็ไม่แปลก อย่างน้อยฉันก็มีนายอยู่นี่ ปลอดภัยหายห่วง"

สาวน้อยกล่าวจบก็ตบที่บ่าท่านแม่ทัพไปสองที แล้วเดินนำลิ่ว ทำเอาท่านแม่ทัพกุมขมับ ตามไม่ทันความคิดของเธอเลยจริงๆ

ชายสวมหมวกปิดบังใบหน้า เดินออกจากที่ซ่อน เขายกกล้องในมือถ่ายรูปหลินเสี่ยวจือเอาไว้ แล้วกดโทรศัพท์โทรหานายจ้าง

"คุณหนูกู้ เรื่องที่คุณไหว้วานผมจัดการแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปหาครับ"

To be continue.....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel