บท
ตั้งค่า

บทที่6 สืบค้น

ชายสวมหมวกที่ติดตามหลินเสี่ยวจือ เขาเอาแฟลชไดรฟ์วางลงบนโต๊ะตรงหน้าเหลียนฮัว เธอหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับส่งซองสีขาวยื่นให้เขา

เธอเสียบแฟรชไดรฟ์เข้ากับโน๊ตบุ๊คแล้วเปิดไฟล์ดู

กิริยาทั้งหมดของหลินเสี่ยวจือ ถูกถ่ายเอาไว้จนหมด ชายคนนี้คือนักสืบเอกชนที่กู้เหลียนฮัวจ้างมา ให้ตามดูพฤติกรรมของเสี่ยวจือ

"ผมไม่เข้าใจ คุณอยากให้ผมสืบอะไรกันแน่ นอกจากผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสติไม่ดี พูดคนเดียว แล้วก็ทำท่าทางเหมือนกำลังคุยกับอากาศ ผมว่าก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ"

เขาเอ่ยข้อสงสัยในงานที่ได้รับมา เพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของงาน

"เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ถ่ายต่อไป อีกไม่นานนายจะรู้เองว่าฉันต้องการอะไร"

นักสืบเอกชนหยิบซองมาเปิดดู เขายกยิ้มที่ได้ค่าจ้างตามที่ตกลงไว้

"ได้ งานหมูๆ แบบนี้ผมชอบ ขอบคุณคุณหนูกู้ที่ใช้บริการนะครับ"

เขาลุกจากที่นั่งในคอฟฟี่ช็อบแล้วเดินจากไป

เหลียนฮัวแล้วเอาเอาคลิบวีดีโอมาเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งตอนอยู่ที่สนามกีฬา ในห้องสมุด หรือท้องถนน เธอจ้องดูอย่างสนใจ โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวจือ ยกมือขึ้นตบบ่าท่านแม่ทัพ ซึ่งในคลิป เสี่ยวจือตบลงไปที่อากาศ แต่กลับเหมือนมีบางอย่างอยู่ตรงนั้น เพราะการวางมือมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีบางสิ่งอยู่จริงๆ

"เสี่ยวจือ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอซ่อนอะไรอยู่กันแน่"

บ้านสกุลหลิน

"คุณพ่อคะ ไหนว่าแค่2-3วันไง ไหงกลายเป็น1สัปดาห์ได้ล่ะเนี่ย"

เสี่ยวจือบ่นใส่โทรศัพท์เสียงลั่น อุตส่าห์ทำกับข้าวรอต้อนรับ กลับได้รับโทรศัพท์บอกจะเลื่อนเวลากลับซะนี่

"พอดีทางนี้ติดปัญหานิดหน่อย มิสเตอร์หลงติดธุระไปต่างประเทศกะทันหัน บันทึกประวัติก็อยู่ที่เค้า ไหนๆ ก็ต้องรอ พ่อเลยอยู่เพื่อศึกษาการตีเหล็กที่บ้านสกุลมู่ต่อเลยน่ะ"

"แล้วหนูจะทำยังไงล่ะค่ะ แบบนี้เขาจะว่าหนูไม่รักษาสัญญานะสิ"

"แล้วสัญญาของลูกมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่พ่อมาเจียงหนานกันล่ะ เอ้อ...ว่าแต่เขานี่ใครกัน?"

คำถามของศจ.หลิน ทำเอาบุตรสาวอึ้งไปหลายวิ เธอเกือบหลุดชื่อหลงอี้เจินไปซะแล้ว ยังดีที่ตั้งสติได้ทัน

"เอาเป็นว่าแค่นี้ก่อนนะคะพ่อ พรุ่งนี้หนูมีเรียนเช้า บายค่ะ"

เสี่ยวจือรีบวางสายอย่างเร็วเพราะเกรงจะถูกถามต่อ แล้วนั่งลงกินอาหารคนเดียวแบบเซ็งๆ

"แย่ชะมัด  พ่อนะพ่อ พึ่งไม่ได้เลยจริงๆ แล้วอย่างงี้จะบอกเขายังไงล่ะนี่"

พอนึกถึงว่าแม่ทัพหลงคงจะผิดหวังน่าดูที่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ก็ถอนหายใจยาว

"ไม่ อย่านะ หนีไป หนีไป"

หลินเสี่ยวจือสะดุ้งตื่นในตอนเช้ามืดอีกครั้ง แทบทุกคืนเธอมักจะฝันถึงการต่อสู้ในป่าไผ่ภายใต้แสงจันทร์ของคืนเพ็ญ

คำถามคือฝันนั้นคืออะไรกันแน่ และมันพยายามจะบอกอะไร

เสี่ยวจือพาร่างอันอ่อนเพลียเดินเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

"โอย เพราะฝันบ้าๆนั่น  ทำเอานอนแล้วเหมือนไม่ได้นอนเลย"

เสี่ยวจือกลับออกมาจากห้องน้ำไปเปลี่ยนชุดมาออกกำลังกายตอนเช้า

หลงอี้เจินมายืนรอเธอที่สนามหน้าบ้าน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยากจะรู้ได้ แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นเขาท่ามกลางแสงแดดยามเช้า มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในนิทานของใครบางคน

"นายนี่ไม่รู้จักหลับจักนอนหรือยังไง เข้าขนาดนี้ยังมารออยู่อีก"

เขายิ้มอ่อน แม้จะแค่เล็กน้อย อย่างน้อยก็ยังยิ้ม

"เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าสิ้นชีพไปนานแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเช่นเจ้า"

หลินเสี่ยวจือก็เพิ่งจะนึกได้ ว่าเขาเป็นวิญญาณ

"จริงสินะ นายไม่ต้องนอนนี่นา เอ๋ อย่าบอกนะ ว่านายมารอตรงนี้ทั้งคืน"

แม่ทัพหลงพยักหน้า เสี่ยวจือได้แต่ยิ้มแห้ง รู้สึกสงสารเขายังไงก็ไม่รู้

"มาเถอะ อบอุ่นร่างกายก่อน ข้าจะสอนเจ้าเอง"

เธอฝึกซ้อมยิงธนูทุกเช้าอย่างสม่ำเสมอมานานหลายปี จนเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวัน

แต่วันนี้แตกต่าง ตอนนี้เธอมีอาจารย์ที่เป็นสุดยอดฝีมือจากยุคโบราณ มาช่วย

"เหยียดแขนให้ตรง อย่าใช้แค่กำลังนิ้วรั้งสายธนู เจ้าจะต้องใช้แขนทั้งสองข้างเพื่อง้างคันธนู... ดี"

แม่ทัพหลงเข้ามาทางด้านหลังอย่างเงียบเชียบพร้อมกับจับมือเสี่ยวจือแล้วค่อยๆ รั้งสายธนู ทำเอาเสี่ยวจือรู้สึกประหม่า เธอหันมาทางแม่ทัพจนหน้าของเธออยู่ใกล้กับหน้าของแม่ทัพหลงที่โน้มตัวลงมา ในระยะประชิด

สายตาของเขายามจับจ้องไปยังเป้าหมายดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ จนเสี่ยวจือเผลอจ้องหน้าเขาแทนที่จะมองดูเป้าหมาย

"มองอะไรของเจ้า มองไปที่เป้าสิ"

"อะ หา!? อุ้ย!"

เสี่ยวจือสะดุ้งตื่นจากภวังค์เพราะเผลอปล่อยสายธนูอย่างไม่ทันตั้งตัวจนสายดีดมือ แม่ทัพหลงรีบเข้ามาดูมือของเธอเพราะเกรงจะบาดเจ็บ

รอยแผลเป็นจางๆ ที่ตรงกลางฝ่ามือขวา บ่งบอกถึงแผลฉกรรจ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว

"แผลนี่ เจ้าได้มายังไง"

เสี่ยวจือรีบชักมือกลับ เธอก้มหน้าเหมือนไม่อยากตอบคำถามที่หลงอี้เจินถาม

"อุบัติเหตุน่ะ อย่าสนใจเลย"

มีเพียงประโยคสั้นๆ หลุดจากริมฝีปากอวบอิ่มนั้น เธอเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดกลับเข้าบ้าน เตรียมตัวไปเรียน แม่ทัพหลงได้แต่เก็บความสงสัยไว้กับตัว

3 วันผ่านไป....

"เธอซ้อมยิงธนูทุกเช้าวันละ1ชั่วโมง ถ้าไม่มีเรียนตอนเช้าก็จะไปช่วยงานที่พิพิธภัณฑ์ หลังจากนั้นก็มาเรียน ซ้อมอีกทีตอน5โมงเย็นที่มหาวิทยาลัยจนถึง1ทุ่ม ไม่เห็นว่ามีแฟนหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ  นอกจากผู้ชายชื่อเฉิงซีห่าวและเพื่อนร่วมคณะเป็นผู้หญิงชื่อหลิงรุ่ย คุณหนูต้องการให้ผมสืบเรื่องพวกเขาเพิ่มเติมมั้ยครับ"

นักสืบรายงานความคืบหน้าให้กับเหลียนฮัวพร้อมกับส่งคลิบ ที่ถ่ายไว้ในช่วง 3 วันนี้ให้เหลียนฮัว

"ไม่ต้อง ตามแต่หลินเสี่ยวจือก็พอ หลายวันนี้มีอะไรไม่ปกติรึเปล่า"

"คุณหนูกู้ อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะครับ ผมว่ามันเสียเวลาเปล่านะครับ คุณอยากรู้อะไรคุณก็ไม่บอกผม ถ้าคุณบอก ผมก็จะได้เน้นจับสังเกตุตรงจุดได้ แต่นี่ให้ผมตามไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายแบบนี้ มันไม่ใช่เเนวทางการทำงานของผมเลย"

คำพูดของนักสืบก็ชวนให้น่าคิด เธอหยิบซองเงินส่งให้นักสืบ

"ตามต่อไป ภายในสองสามวันนี้คุณได้เห็นอะไรดีๆ แน่ ถึงเวลานั้นถ่ายให้คุ้มค่าจ้างก็แล้วกัน"

กู้เหลียนฮัวมีแผนการในใจ แต่เธอต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน

"แม่นั่นแหละ เอาให้โดนจังๆ เลย ไม่ต้องออมแรง กล้ามั้ยล่ะ"

เหลียนฮัวยื่นเงิน 200 หยวนให้นักศึกษาชายคนหนึ่ง เขาเคยเป็นนักกีฬาเบสบอล ก่อนที่จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนต้องออกจากทีม พร้อมกับพยักหน้าให้เขามองเสี่ยวจือที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า เธอกำลังจะไปเข้าคราส

ชายคนนั้นหยิบเงินจากมือเหลียนฮัว แล้วจูบเงินสัก1ที ก่อนจะส่งยิ้มให้เหลียนฮัวเป็นการรับปาก

"จ่ายงามอย่างงี้ไม่มีพลาดอยู่แล้ว"

ด้วยระยะไม่ถึง10 เมตร ฝีมืออย่างเขาไม่มีทางพลาด เขาขว้างลูกเบสบอลที่เตรียมมาอย่างเต็มกำลังเข้าใส่เสี่ยวจือทางด้านหลัง

ไม่มีทางหลบพ้น ทันใดนั้นก่อนที่ลูกเบสบอลจะโดนหัวของเสี่ยวจือ ฉับพลันลูกเบสบอลกลับระเบิดออกเสียงลั่น ท่ามกลางสายตานักศึกษาหลายสิบคน ทั่วบริเวณนั้น

"เกิด เกิดอะไรขึ้นน่ะ แม่ทัพหลง"

"มีคนปองร้ายเจ้า ข้าเห็นลูกกลมนี่พุ่งมาที่เจ้า มีคนจงใจขว้างใส่แน่ๆ"

แม้จะตกใจ แต่เสี่ยวจือไม่ได้รับบาดเจ็บใดใด เพราะแม่ทัพหลงขวางเอาไว้ทัน

ทว่าเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ ผนวกกับที่คนเริ่มหันมองเสี่ยวจือแปลกๆ  เธอรีบเดินหนีเพื่อกันการเกิดคำถาม

ข้อพิสูจน์ได้รับการยืนยัน มีบางอย่างหรือบางสิ่งคอยปกป้องเธออยู่จริงๆ เหลียนฮัวแอบปะปนกับคนมุงยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็น แม้จะไม่เกินจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แต่ก็ยังเป็นความอัศจรรย์ที่ทำให้เธอตกใจไม่น้อย

"ดี ไหนลองเล่นแรงอีกสักหน่อยดีกว่า ดูสิหางหล่อนจะโผล่ออกมามั้ยเสี่ยวจือ"

โค้ทประกาศงดซ้อมเพราะทางมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องใช้สถานที่ หลิงรุ่ยจึงถือโอกาสชวนเสี่ยวจือไปคาเฟ่เปิดใหม่ไกล้ๆ มหาวิยาลัย พร้อมกับช้อปปิ้งไปด้วย

แม่ทัพหลงยังคงตามมาไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง เสี่ยวจือรู้สึกเกร็งๆ นิดหน่อย เพราะท่าทางหวาดระแวงของเขายิ่งทำให้เธอกลัวมากกว่าเดิมไปอีก

สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรแบบหลิงรุ่ย โชคดีกว่ามาก เพราะเธอเดินดูนู่นนี่ตามสบายไร้กังวล  แต่จะทำไงได้ เพราะมีแค่เธอที่มองเห็นท่านแม่ทัพ

"เมื่อตอนกลางวัน ขอบใจนายที่ช่วยนะ แต่ว่าตอนนั้นที่นายทำมันเอิกเกริกไปหน่อย ที่จริงแค่ปัดมันออกก็พอ  ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก แล้วนายก็ไม่จำเป็นต้องตามฉันแบบกระชั้นชิดขนาดนี้ก็ได้มั้ง มันรู้สึกหวาดเสียวเหมือนจะเกิดเรื่องตลอดเวลายังไงก็ไม่รู้"

เสี่ยวจือถือโอกาสกระซิบเบาๆ ตอนที่หลิงรุ่ยง่วนกับการเลือกเสื้อที่ร้านแห่งหนึ่ง

"มันช่วยไม่ได้นี่ เวลากระชั้นชิดเพียงนั้น หากข้าไม่ลงมือ เจ้าอาจบาดเจ็บสาหัสได้เลยนะ แล้วที่ข้าติดตามเพราะข้าไม่ไว้ใจ หากมีใครคิดทำร้ายเจ้าอีกจะทำเช่นใด"

"จ้า ซาบซึ้งสุดๆ เลย ว่าแต่นายช่วยรักษาระยะห่างสักหน่อยมั้ย นายมาป้วนเปี้ยนรอบๆ ตัวฉันแบบนี้มันเสียสมาธิเอามากๆ"

เสี่ยวจือมองดูผู้คนที่เบียดเสียดต่างก็สามารถผ่านร่างท่านแม่ทัพได้แล้วรู้สึกขนลุก อันที่จริงหลงอี้เจินเองก็ไม่ค่อยชอบที่มีคนเดินทะลุร่างตัวเองเหมือนกัน

"ผู้คนมาจากไหนกันมากมายเช่นนี้ น่ารำคาญจริง "

เขาถอนหายใจ ผู้คนพลุกพล่านต่างเดินผ่านร่างเขาไปแบบนั้นมันให้ความรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

"ก็ได้ เมื่อเจ้าอยากได้ระยะห่าง งั้นข้าจะไปก่อน ข้าเองก็ไม่ชอบที่คนมากเช่นนี้เหมือนกัน"

แม่ทัพหลงกล่าวจบก็หายตัวไปจากที่นั้น เสี่ยวจือผ่อนลมหายใจออกจากปากเบาๆ แบบโล่งอก ก่อนที่จะหันไปช่วยเพื่อนเลือกของ

ทั้งสองเดินเที่ยวกันเพลิน จนไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินตามมาสักพักแล้ว

"เสี่ยวจือ นั่นไงเลยสี่แยกข้างหน้า ข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว ร้านที่ว่านั่น เค้กอร่อยมาก"

หลิงรุ่ยรีบจูงมือเสี่ยวจือไปที่ริมถนนอย่างเร่งร้อน ไฟสัญญาณข้ามถนนเป็นสีแดง ทั้งคู่หยุดอยู่ริมทางเท้าหน้าทางม้าลาย ทว่าท่ามกลางคนเบียดเสียดที่ยืนเบียดอยู่ด้านหลังของทั้งคู่ มือคู่หนึ่งยื่นผ่านฝูงชนมาทางข้างหลังเสี่ยวจือ

ไม่ทันได้ตั้งตัวเสี่ยวจือถูกผลักอย่างแรง แรงผลักส่งร่างสาวน้อยล้มลงกลางถนน รถบรรทุกสี่ล้อพุ่งเข้ามาในระยะกระชั้นชิด

เสียงกรีดร้องดังไปทั้งสองฝั่งฝากถนน  เสี่ยวจือยกแขนขึ้นปิดหน้าตามสัณชาตญาณ

ตึงงงงงง!!!

เป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อ รถบรรทุกถูกหยุดเอาไว้แต่เหมือนมันชนเข้ากับบางอย่างมากกว่า แรงปะทะที่หยุดรถกะทันหันทำให้ท้ายรถถึงกับลอยขึ้นเหนือพื้น

เสี่ยวจือเงยหน้ามองเงาร่างที่ปรากฏต่อสายตาผู้คน ชายในชุดทหารโบราณผ้าคลุมสีแดงเข้มค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับควันจากกระจังหน้ารถบรรทุก ประดุจลมพัดหอบเอาหมอกควันลอยหายไปในอากาศ

"เรียกรถพยาบาล เร็ว หนูเป็นอะไรหรือเปล่า"

คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันเข้ามาดู บ้างก็กล่าวถึงสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ บ้างก็เข้ามาซักถามอาการ

ห่างออกไปที่หัวถนนอีกฝั่ง นักสืบเอกชนยืนตะลึงงัน เขาถ่ายเอาไว้ได้ทั้งหมด เขาก้มลงมองภาพที่เขาถ่ายเอาไว้เมื่อครู่พลางเล่นวีดีโอซ้ำไปซ้ำมา แล้วหยุดภาพเอาไว้ พร้อมขยายภาพนิ่งดูหลายๆรอบ

"นี่มันอะไรกันวะเนี่ย...."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel