6
"นั่งดีดี เจียงเอ๋อร์ ทำเป็นไม่เคยเห็นข้างนอกไปได้ ผมเฝ้าเจ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว"เมื่อออกมาจากจวนตระกูลลู่ได้สักพัก เจียงเฟิงก็เอาแต่ชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างเกวียนเพื่อดูวิวทิวทัศน์ข้างนอก อย่างไม่เรียบร้อยนักจนทำให้ พี่รองต้องเอ่ยออกมาเสียไม่ได้ เดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาเห็น บุตรคนเล็กของตระกูลลู่นั้นหาได้เรียบร้อยไม่ แต่ร่างบางหาได้สนใจคำที่เจียงหมิงพูดไม่
"ข้าขอดูวิวอีกสักเดี๋ยวนะขอรับพี่รอง นานๆที่ท่านพ่อจะให้ข้าออกมาข้างนอก ถ้าไม่ออกมากับท่านพี่ ก็ต้องออกมากับท่านพ่อ ไม่เคยออกมาตัวคนเดียวสักครา ท่านพ่อไม่ให้ข้าออกมา อ้างว่าข้างนอกมีแต่โจรราคะ เดี๋ยวข้าจะเป็นอันตราย"เจียงเฟิงบ่นออกมาอย่างเศร้าใจ ตนก็อายุ 11 หนาวแล้ว ตระกูลอื่นเขาก็พาบุตรออกไปเที่ยวตลาดเองได้แล้ว มีแต่เจียงเฟิงเนี่ยแหละที่ท่านพ่อไม่ให้ตนออกไปไหนเลย นอกจากบริเวณในจวน
"ข้าไม่เข้าใจท่านพ่อทำไมไม่ให้ข้าออกมาเที่ยวบ้าง ขนาดท่านพี่ใหญ่และพี่รองยังสามารถที่ออกมาข้างนอกเองได้ ด้วยวัยเพียง 8 หนาว ส่วนพี่หญิง?ก็ได้ออกจากจวน อายุเพียง 10 หนาว "
"ท่านพ่อก็เป็นห่วงเจ้าไง เจียงเอ๋อร์ ท่านกลัวเจ้าจะไปสร้างเรื่อง..แค่กๆ...ไม่ใช่ กลัวเจ้าได้รับอันตรายเลยยังไม่ให้เจ้าออกจากจวนไปเที่ยวเล่นแต่เพียงผู้เดียว"เจียงหมิงกล่าวแก้ตัวให้บิดา ที่ท่านพ่อไม่ให้เจียงเฟิงออกไปไหนเพียงลำพังนั้นก็เพราะส่วนหนึ่งเจียงเฟิงเป็นเกออีกอย่างร่างกายของเจียงเฟิงตอนเด็กก็ไม่ค่อยแข็งแรงนักทำให้ตัวเล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกันไปมาก แล้วเหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นก็เพราะบิดาหวงลูกชายคนเล็กมากกว่าอะไรทั้งหมด จึงไม่อาจปล่อยให้เจียงเฟิงละสายตาไปได้ ขนาดตนเองขอเจียงเฟิงออกมาเที่ยวนอกจวนยังพูดอยู่ตั้งหลายประโยคกว่าบิดาจะยอม
"อย่างนั้นหรือขอรับ พี่รองข้าเข้าใจก็ได้ จริงๆข้าก็บ่นไปงั้นขอรับ ข้าชอบอยู่ในจวนมากกว่า แต่นานๆทีออกมาก็ดีเหมือนกัน"เจียงเฟิงพูดก่อนที่จะขยับเข้ามานั่งในเกวียนอย่างเรียบร้อย เนื่องจากใกล้ถึงหมู่บ้านเศรษฐีแล้ว เจียงเฟิงรู้ว่าควรเข้ามานั่งเรียบร้อยในรถได้แล้ว เดี๋ยวบังเอิญเจอคนตระกูลอื่นแล้วเขามองมามันไม่ค่อยจะดีต่อตนเองและตระกูลนัก
หมู่บ้านเศรษฐี ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองลู่เฟินชื่อเรียกของหมู่บ้าน นั้นเป็นเพราะว่าทั้งหมู่บ้านนั้นมีแต่คนรวย เสนาบดี คนใหญ่คนโตของแคว้นอยู่เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าถ้าเกิดพายุ ที่หมู่บ้านนี้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของแคว้นคงจะลอยตามพายุไปอย่างแน่นอน
เมืองลู่เฟินเป็น1ใน2เมืองของแคว้นลู่ แคว้นลู่มีเมืองอยู่สองเมือง นั้นก็คือเมืองลู่เฟิน และ เมืองเจียงหยาง สิ่งที่โดดเด่นของแคว้นลู่ที่แคว้นอื่นๆเล่าขานไปทั้งเจ็ดแคว้น นั้นก็คือเรื่องสาวงาม/ชายงาม ที่งดงามที่สุด ทั้งหกแคว้นก็ไม่อาจเทียบได้ ทำให้แคว้นลู่ในความคิดของอีกหกแคว้นคือมีสาวงาม/ชายงามมากที่สุดในอาณาจักรหนานจิง
เมืองลู่เฟิน เป็นเมืองที่อาศัยของเศรษฐี ที่มีเงินทอง ร่ำรวย เสนาบดี ขุนนางต่างๆ อีกทั้งยังคับคั่งไปด้วยสาวงาม/ชายงาม ที่งามด้วยการวางตัว กิริยา หน้าตา และจิตใจ ที่เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหกแคว้น
เมืองเจียงหยาง เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ประกอบด้วยสวนดอกไม้นานาพรรณที่มองเห็นไปไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นเมืองแห่งดอกไม้ และการทำเครื่องหอมที่ทำมาจากดอกไม้อีกด้วยเป็นแหล่งท่องเที่ยวและค้าขายหลักของแคว้นลู่เลยก็ว่าได้
"อีกไกลไหมท่านพี่รอง ถึงจะถึงสวนต้นท้อที่ท่านว่า"พอนั่งผ่านหมู่บ้านเศรษฐีมาได้1เค่อ เจียงเฟิงก็เอ่ยถามขึ้น เพราะตนเองนั้นรู้สึกปวดขาเพราะนั่งเกวียนมานานแล้ว อีกทั้งเจียงเฟิงไม่ค่อยได้นั่งเกวียนเท่าไหร่ทำให้เกิดอาการปวดขาได้ง่าย "ข้ารู้สึกปวดขาแล้วขอรับ"
"อีกไม่นานหรอก เจียงเอ๋อร์ เลี้ยวทางด้านหน้า อีกหน่อยเดี๋ยวก็ถึงแล้ว"เจียงหมิงมองไปนอกหน้าต่างเพื่อมองทางก่อนที่จะเอ่ยบอกเจียงเฟิงไป เพราะอีกไม่ถึง1เค่อก็จะถึงสวนท้อแล้ว
สวนท้อเป็นสวนที่เปิดให้ใครสามารถเข้าไปเก็บผลท้อได้ตามใจชอบทางการอนุญาต อีกทั้งยังเป็นสวนที่รวมสัตว์ต่างๆที่มากินผลท้อ ทางการได้สั่งห้ามไม่ให้ล่าสัตว์ เนื่องจากอาจจะมีคนมาล่าสัตว์เพื่อความสนุก แล้วทำให้ต้นท้อเสียหาย แล้วที่นี่ก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่ไม่ทำอันตรายกับคนทำให้ทางการละเว้นให้สัตว์พวกนั้นอยู่อาศัยกินผลท้อได้
