5
"อย่างนี้นิเอง หุบเขาอนธการ เจ้ายังไม่เคยไปสินะ เพราะตอนที่ข้า พี่ใหญ่ แล้วน้องหญิง ไปปลุกทักษะวิญญาณเจ้าก็เอาแต่งอแงไม่อยากไปสักนิด"พี่รองพูดขึ้น ใช่ เจียงเฟิงไม่เคยไปที่หุบเขาอนธการเลย เนื่องจากเขาไม่ได้สนใจที่อยากจะไปดู เขาขอนอนอยู่ที่เรือนกินขนม นอนเล่นยังซะดีกว่า "อีกสามวัน หุบเขาก็จะเปิดให้ผู้คนเข้าไปปลุกพลังกันแล้วนิ ท่านพ่อคงพาเจ้าไปเมื่อถึงตอนนั้น"
"แต่ข้า..ไม่อยากไปเลยท่านพี่รอง ข้าอยากอยู่แบบคนธรรมดา แบบเดิมที่ข้าเป็นอย่างทุกวัน"
"บางทีการที่สวรรค์ส่งพรวิเศษมาให้เจ้ามันอาจจะเป็นบัญชาลิขิตของฟ้า เพื่อที่เจ้าจะใช่พลังของเจ้าช่วยเหลือคนอื่นก็ได้นะ เจียงเอ๋อร์ การมีพลังมันก็ไม่แย่เสมอไปหรอกนะ"พี่รองพูดปลอบเจียงเฟิง
"ถ้าท่านบอกว่าการปลุกทักษะวิญญาณไม่ได้แย่แล้วทำไมท่านไปปลุกทักษะวิญญาณถึงมีข้อผิดพลาดกับท่านละท่านพี่"เจียงเฟิงถามออกไป เจียงเฟิงจำได้แม่นว่าปีที่ท่านพี่รองไปปลุกทักษะวิญญาณ เจียงหมิงเป็นคนเดียวที่ปลุกผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถที่จะรับพลังจากสวรรค์ได้ ทำให้เจียงหมิงนั้นโดนพลังของตัวเองสะท้อนกลับมาทำร้ายตัวของตนเอง "ขาขวาของท่านพี่รอง....คงไม่เป็นแบบนี้"
เจียงเฟิง จำได้ดีเหตุการณ์คราวนั้นทำให้พี่รองของเขานั้นเดินไม่ได้ไปตั้งหลายเดือน พอเดินได้ก็ไม่สามารถกลับไปฝึกยุทธแบบเก่าได้ ทำให้พี่รองต้องทิ้งความฝันที่จะเข้าสำนักปราบมารไป แล้วต้องมาเรียนการค้าเพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลแบบนี้
"ฟังนะ เจียงเอ๋อร์ การที่เจ้ากลัวการปลุกทักษะวิญญาณถ้ามันเป็นเพราะข้า ข้าก็คงจะเสียใจที่ความผิดพลาดของข้า ครั้งนั้นมันทำให้เจ้ากลัวแล้วต้องละทิ้งโลกของผู้ฝึกตนไป มันคงเป็นตราบาปติดตัวข้าไปชั่วชีวิต ครั้งยังเด็กเจ้ายังชอบตามพี่ใหญ่มาที่ลานฝึกตน คอยดูพี่ใหญ่ของเจ้าฝึกฝน อยู่ตลอด ปากพล่ำบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าอยากเป็น1ใน 8 ขุนพลสวรรค์เหมือนท่านพ่อกับท่านแม่ ถ้าเจ้ายังจำได้ก็จงทำตามเจตนาของเจ้าต่อไป "พี่รองเดินมาตบบ่าเจียงเฟิง ก่อนที่จะยิ้มให้ "ส่วนข้า จะดูแลกิจการครอบครัวแล้วฝากให้เจ้า เป็นผู้ฝึกตนแทนข้าด้วยนะ เจียงเอ๋อร์"
"อึก......ท่านพี่รอง"เจียงเฟิง ก็ร้องไห้ออกมา ก่อนที่จะคว้าตัวพี่รองมากอด ใช่ แต่ก่อนเจียงเฟิง อยากจะเก่งเหมือนท่านพ่อ อยากเป็น 1 ใน 8 ขุนพลสวรรค์ เหมือนท่านพ่อ แต่พอเกิดเหตุการณ์กับพี่รองขึ้น ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ใช่เพราะเจียงเฟิงขี้ขลาด แต่ร่างบางกลัวที่จะรักษาชีวิต เพื่ออยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วบรรดาท่านพี่ๆให้นานนานไม่ได้ เพราะตอนนั้นพี่รองก็เกือบตาย รักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้ แต่ยังดีที่ปีนั้นมี 1 ใน12 ขุนพลเทพ ที่พลังของนางนั้นสามารถรักษาแผลได้ทันที ไปร่วมดูด้วยทำให้พี่รองรอดตายมาได้
"ร้องไห้ออกมาให้พอ แล้วก็เดินตามความฝันของเจ้าได้แล้ว พี่จะคอยสนับสนุนเจ้าเอง เจียงเอ๋อร์"พี่รองกอดปลอบเจียงเฟิงอีกครั้ง ทำให้เจียงเฟิง อบอุ่นหัวใจ คลายความกลัวไปได้หลายส่วน
"ขอรับพี่รอง ข้าสัญญาว่าจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในดินแดนหนานจิงให้ได้ เพื่อปกป้องท่านพ่อ ท่านแม่ พี่รอง พี่หญิง? และทุกคนในตระกูลลู่ ข้าจะทำให้ได้"เจียงเฟิงสลัดเอาความกลัวออก ก่อนที่จะส่งยิ้ม ให้เจียงหมิงด้วยสายตาที่แน่วแน่
"ดีมาก เจียงเอ๋อร์ ไปวันนี้ไม่ต้องไปเรียนฝึกฝน ข้าบอกท่านพ่อไว้แล้วว่าจะพาเจ้าไปเก็บผลท้อที่ท้ายเมือง ตอนที่ข้าผ่านมาเห็นผลท้อสุก ดูน่าทานเป็นอย่างมาก"พอบรรยากาศหายดึงเคลียดพี่รองก็ชวนเจียงเฟิงไปเก็บดอกท้อที่ท้ายเมือง
"ดีเลยท่านพี่รอง ข้าอยากกิน ลูกท้อเชื่อมอยู่พอดีเลย เราไปเก็บกันแล้วเอามาฝากท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยดีไหมท่านพี่รอง"พอเจียงเฟิงเช็ดคราบน้ำตาเสร็จก็ เดินตามพี่รองไปด้วยอารมณ์ดี เพราะเขาไม่ต้องเขาไปฝึกฝนแล้ววันนี้
"ตามใจเจ้า จะขนมาเท่าไหร่ก็ตามใจ"พี่รองยิ้มก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาที่หน้าตำหนัก เพื่อขึ้นรถม้าไปเก็บผลท้อกันที่ท้ายเมือง
ลู่ เจียงหมิง ลูบหัวน้องชายก่อนที่เขาจะเหม่อมองไปบนฟ้า ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ในใจที่สงบนิ่งกลับร้อนระอุขึ้นมาเมื่อต้องนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น มันทำให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี่ คนคนนั้นที่ขอเจียงหมิงคัดเลือกทักษะสวรรค์ก่อนตน ทำให้เจียงหมิงให้คนคนนั้นแทรกไปอยู่ตรงหน้า คนที่ได้กลิ่นเหมือน...แม้จะน้อยนิด....มันก็คือกลิ่นสาปของไอมาร เขาน่าจะระวังตัวมากกว่านี้ ไม่งั้นเรื่องแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้น เจียงหมิงหลับตาทำใจให้สบาย ก่อนที่จะทำสีหน้าเป็นปกติ แล้วเดินขึ้นรถม้าไป.......
