บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 เรียนรู้มนุษย์ (2) [2/3]

อู๋จิ่นฟานกล่าวสืบต่อ “ยามนี้เจ้าอายุ 7 ปี ระดับลมปราณก็เพียงสร้างลำต้นขั้นที่สามหรือสี่เท่านั้น เจ้ายังมีเวลาฝึกฝนอีกห้าปี แน่นอนว่าระดับแตกหน่อขั้นที่หนึ่งย่อมไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้า”

อู๋เชียนหยิงทำตาปริบๆ สีหน้าพิกล เห็นสีหน้าท่าทีของนางแล้ว อู๋จิ่นฟานก็ต้องยิ้มออกมา “เจ้าเป็นอะไร ไยจึงทำหน้าตาประหลาด”

“ระดับลมปราณของข้าคือสร้างลำต้นขั้นที่แปด” นางบอกกล่าวอย่างธรรมดาสุดแสน หากทำให้อู๋จิ่นฟานมีสีหน้าประหลาดใจก่อนจะหัวเราะออกมา

“เชียนหยิง เจ้าล้อพี่เล่นแล้ว”

อู๋เชียนหยิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าพูดจริงๆ”

ทว่าอู๋จิ่นฟานยังคงไม่เชื่อถือคำของนาง

“จริงๆ นะ พี่ใหญ่ ระดับลมปราณของข้าคือสร้างลำต้นขั้นที่แปดจริงๆ” นางเขย่ามือพี่ใหญ่ของนางเพื่อบอกให้เขาทราบว่านางมิได้โกหก

“เช่นนี้ก็แล้วกัน พวกเรากลับบ้าน แล้วให้ท่านแม่ตรวจสอบระดับลมปราณของเจ้า ดีหรือไม่ เจ้าจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าระดับลมปราณของตนเองคือสร้างลำต้นขั้นที่แปด”

“เจ้าค่ะ งั้นพวกเรารีบกลับบ้านกัน”

สีหน้าของหวงจิ้งหรงเต็มไปด้วยความตกใจยิ่งยวด มือที่จับชีพจรของอู๋เชียนหยิงตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก ผลก็ไม่ต่างจากเดิม ระดับลมปราณของอู๋เชียนหยิงคือสร้างลำต้นขั้นที่แปด ! !

เด็กอายุ 7 ปี แต่ระดับลมปราณกลับรุดหน้าถึงสร้างลำต้นขั้นที่แปด นี่นางฝึกฝนอย่างไรจึงก้าวกระโดดถึงเพียงนี้ บิดามารดาที่แท้จริงของนางคือผู้ใดจึงสามารถสั่งสอนจนนางมีระดับลมปราณสูงส่งเช่นนี้

“ท่านแม่ ระดับลมปราณของน้องเล็กเป็นอย่างไร” อู๋จิ่นฟานถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของมารดา

“พวกเจ้าออกไปให้หมด อยู่ห่างจากเรือนของข้าอย่างน้อยครึ่งหลี่” หวงจิ้งหรงหันไปสั่งสาวใช้ทุกคนให้ออกไปจากห้อง

“เชียนหยิง เจ้าบอกแม่สิว่าอาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด” หวงจิ้งหรงเอ่ยถามหลังจากสาวใช้ออกไปจนหมด

อู๋เชียนหยิงอ้ำอึ้งทันทีก่อนจะก้มหน้าลงอย่างไม่ทราบจะตอบคำถามอย่างไร สายตาของนางเหลือบมองเจ้าแมวดำเสี่ยวเฮยที่จ้องมองนางอยู่ หากเสี่ยวเฮยก็ไม่สามารถช่วยนางได้ในเวลานี้ เพราะมันไม่สามารถเอ่ยภาษามนุษย์กับนางต่อหน้าผู้คนเหล่านี้ นี่เป็นสถานการณ์ที่เสี่ยวเฮยก็คาดไม่ถึง

“ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบนามของท่านด้วยซ้ำ” นางจำใจต้องโกหก หากนางบอกว่าเสี่ยวเฮยเป็นผู้สั่งสอนนาง ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อถือ

“แล้วอาจารย์ของเจ้าเป็นบุรุษหรือสตรี เขามีลักษณะอย่างไร” หวงจิ้งหรงถามต่อ

“ท่านเป็นบุรุษ ท่านสวมใส่อาภรณ์สีขาว รัศมีรอบกายท่านสว่างไสวอย่างยิ่ง” อู๋เชียนหยิงบอกเล่าถึงบุรุษในฝันผู้นั้นที่เสี่ยวเฮยบอกว่าเขาคือบิดาของนาง เพราะนางไม่ทราบว่าจะเอ่ยอ้างผู้ใด ที่นางรู้จักก็มีเพียงบิดาของนางเท่านั้น

“รัศมีรอบกายสว่างไสว?” หวงจิ้งหรงต้องรำพึงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะมีสีหน้านึกขึ้นได้

“อาจารย์ของเจ้าคงเป็นผู้ฝึกฝนในระดับตี้เซียนเป็นอย่างน้อย เขาจึงมีรัศมีรอบกายสว่างไสว” หวงจิ้งหรงคาดเดาออกมา เพราะผู้ฝึกฝนตั้งแต่ระดับตี้เซียนเป็นต้นไปจะเริ่มปรากฏรัศมีรอบกาย แต่รัศมีนี้จะสว่างมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับระดับการฝึกฝนว่าสูงส่งเพียงใด และจะมองเห็นหรือไม่ก็อยู่ที่ผู้เป็นเจ้าของว่าจะเก็บซ่อนมันไว้หรือไม่

“เจ้าโชคดีนัก เชียนหยิง ที่ได้พบเจอบุคคลเช่นนี้”

“ท่านแม่ น้องเล็กมีลมปราณอยู่ในระดับสร้างลำต้นขั้นที่แปดจริงๆ?” อู๋จิ่นฟานถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ใช่ ลมปราณของนางอยู่ในระดับนั้นจริงๆ”

อู๋จิ่นฟานต้องมองน้องสาวบุญธรรมของตนอย่างนึกทึ่ง นึกไม่ออกเลยว่าหากนางอายุเท่าเขา ระดับลมปราณของนางจะสูงส่งเพียงใด ทว่า...

“ท่านแม่ เช่นนี้พวกเราต้องปกปิดไว้ก่อน นางยังอายุน้อยนักแต่กลับมีลมปราณเช่นนี้”

“ถูกของเจ้า จิ่นฟาน แม่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย พวกเจ้ารอแม่ที่นี่ เดี๋ยวแม่มา”

หวงจิ้งหรงผลุนผลันลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเรือน นางหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกล่องไม้ขนาดเล็กที่แกะสลักงดงาม เมื่อเปิดฝากล่องจึงพบว่าภายในมีสร้อยหยกขาวเส้นหนึ่ง หวงจิ้งหรงหยิบออกมาสวมใส่ให้อู๋เชียนหยิงทันที เสร็จแล้วจึงค่อยเอาคอเสื้อปิดบังไว้

“เชียนหยิง ฟังแม่นะลูก” นางบอกกล่าวอย่างอ่อนโยน อู๋เชียนหยิงมองนางตาแป๋ว

“นี่คือสร้อยมายาลวงใจ เจ้าสวมสร้อยนี้ไว้ จะไม่มีผู้ใดทราบว่าระดับลมปราณแท้จริงของเจ้าอยู่ที่สร้างลำต้นขั้นที่แปด ทุกคนจะทราบว่ามันอยู่เพียงสร้างลำต้นขั้นที่สี่ นั่นคือ มันจะหลอกลวงให้ระดับลมปราณของเจ้าเท่าเทียมกับคนทั่วไป”

“สร้อยนี้สามารถลวงทุกผู้คนได้ตราบเท่าที่ระดับลมปราณของเจ้าไม่สูงกว่าระดับรวมปราณขั้นสิบ หากต่อไปเจ้ามีระดับลมปราณสูงกว่านี้ เจ้าจำต้องหาสิ่งอื่นมาใช้แทนมัน”

“ประการสำคัญที่สุดคือ ห้ามเจ้าบอกเล่าถึงระดับลมปราณของเจ้าให้ผู้ใดทราบ หากมิใช่พ่อกับแม่หรือพี่ใหญ่ของเจ้าแล้ว ห้ามเจ้าพูดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นสร้อยหยกมายาลวงใจแล้ว เสี่ยวเฮยจึงเพิ่งคิดได้เช่นกันว่ามันหลงลืมเรื่องการปิดบังระดับลมปราณให้อู๋เชียนหยิงจริงๆ แต่ยามนี้จะหาของวิเศษใดที่ดีกว่านี้มาให้นางใช้ เสี่ยวเฮยก็ยังไม่ทราบว่าจะหาจากที่ใด จำต้องให้อู๋เชียนหยิงใช้สร้อยหยกนี้ไปก่อน ระหว่างนี้มันต้องพยายามค้นหาของวิเศษประเภทนี้มาให้นางใช้

ผ่านไปอีกสามวัน อู๋จิ่นฟานมิได้พาอู๋เชียนหยิงออกไปเที่ยวเล่นเช่นเคย เพราะเขากำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของเพื่อกลับสู่สำนักวิญญาณเทพ

สำนักวิญญาณเทพอนุญาตให้ผู้ฝึกฝนกลับมาเยี่ยมบ้านได้หนึ่งครั้งเมื่อศึกษาเล่าเรียนครบ 3 ปี จากนั้นจะต้องอยู่ศึกษาเล่าเรียนจนจบจึงจะกลับได้ หรือได้รับคำสั่งให้กระทำภารกิจจึงจะสามารถออกจากสำนักไปได้ อู๋จิ่นฟานเข้าศึกษาที่นี่เมื่ออายุ 12 ปี ดังนั้น ยามนี้เขาอายุ 15 ปี จึงสามารถกลับมาเยี่ยมบิดามารดาที่บ้านได้ เขาจึงได้พบเจออู๋เชียนหยิง น้องสาวบุญธรรม

อู๋เชียนหยิงเข้ามาช่วยเขาจัดเตรียมข้าวของแต่ดูเหมือนมาทำให้ยุ่งเสียมากกว่า

“น้องเล็ก เจ้าทำยุ่งไปหมดแล้ว” อู๋จิ่นฟานบ่นออกมา

อู๋เชียนหยิงหน้าเสียทันทีที่ทำให้พี่ใหญ่ของนางวุ่นวายมากกว่าเดิม

“เจ้าไปหยิบของตรงนั้นมาวางไว้ให้พี่ตรงนี้ดีกว่า” อู๋จิ่นฟานนึกสงสารที่เห็นท่าทางน้องสาวตัวน้อยหงอยลง หากเมื่อได้ยินเขาสั่ง สีหน้าของนางก็ดีขึ้นทันตา กระวีกระวาดรีบทำตามที่พี่ใหญ่ของนางสั่งอย่างว่องไว อู๋จิ่นฟานต้องอมยิ้มอย่างเอ็นดู เพิ่งรู้ตัวเองเหมือนกันว่ามีน้องสาวสักคนก็ดีเช่นนี้เอง

วันรุ่งขึ้นอู๋จิ่นฟานร่ำลาอัครเสนาบดีอู๋ซิงว่านก่อนจะนั่งรถม้าออกเดินทางจากจวนอัครเสนาบดีกลับไปยังสำนักวิญญาณเทพ ในรถม้าย่อมมีหวงจิ้งหรง อู๋เชียนหยิง และเจ้าแมวดำเสี่ยวเฮยมาด้วย เพราะการเดินทางไปสำนักวิญญาณเทพใช้เวลาเพียง 2 ชั่วยามก็ถึงแล้ว ด้านหลังติดตามมาด้วยรถม้าของฮูหยินรอง ฮูหยินสาม อู๋เฝิงห้าว และอู๋เจี้ยนหาว

สำนักวิญญาณเทพเป็นสำนักฝึกฝนอันดับหนึ่งและใหญ่ที่สุดของทวีปวิญญาณเทพ สำนักนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาเงาเทพคนละด้านกับผาจันทร์ลอยน้ำที่อู๋เชียนหยิงเคยอยู่

เมื่อรถม้าเข้ามาถึงสำนักวิญญาณเทพ อู๋เชียนหยิงก็ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นสถานที่ของมนุษย์ที่ใช้ฝึกฝน นางจับสัมผัสได้ว่ามนุษย์ทุกคนที่นี่ระดับลมปราณสูงกว่านางมากนัก

“ตั้งใจฝึกฝนนะลูก”

“ขอรับท่านแม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel