บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เรียนรู้มนุษย์ (1) [2/3]

“อธิบายโดยง่ายก็คือ หากตอนนี้ข้าให้เจ้าคาดเดาว่าข้าคิดอะไร เจ้าคาดเดาออกหรือไม่”

“ไม่” เชียนหยิงส่ายศีรษะจนผมกระจาย

“แต่เจ้าก็เชื่อคำข้า ยอมติดตามข้ามาโดยไม่ระแวงสงสัย”

เชียนหยิงพยักหน้ารับทันที

“หากข้าคิดทำร้ายเจ้า เจ้าติดตามข้ามาเช่นนี้ เจ้าย่อมตกตายอย่างง่ายดาย” เสี่ยวเฮยเฉลยคำตอบ

เชียนหยิงมีสีหน้าตกใจทันที

“ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง รู้หน้าไม่รู้ใจ” เชียนหยิงพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจชัดเจน

“เชียนหยิง เจ้าสามารถไว้ใจข้าได้ตลอดไป ข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้า” เสี่ยวเฮยบอกกล่าวอย่างหนักแน่น

“แต่กับผู้อื่นที่มิใช่ข้า หรือบิดามารดาอันแท้จริงของเจ้า ไม่ว่าคนผู้นั้นจะดีแสนดีกับเจ้าเพียงใด จงอย่าได้ไว้ใจ”

“แล้วบิดามารดาของข้า พวกท่านอยู่ที่ใด ข้าไม่เคยพบพวกท่านเลย”

“แล้วเจ้าอยากพบพวกเขาหรือไม่”

“ไม่รู้สิ แต่ข้าอยากพบคนผู้หนึ่ง”

“เจ้าอยากพบใคร” เสี่ยวเฮยเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ เพราะนับตั้งแต่เชียนหยิงรู้ความ นางไม่เคยพบเจอมนุษย์คนใด แล้วนางอยากพบผู้ใดกัน

“ข้าฝันเห็นคนผู้หนึ่ง เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว ในมือถือกระบี่เล่มหนึ่ง กระบี่นั้นเปล่งแสงสีขาว รอบกายเขาก็มีรัศมีสว่างใสงดงามอย่างยิ่ง เมื่อเขามองเห็นข้า เขายิ้มให้ข้าและเข้ามากอดข้าไว้ เขากอดข้าแน่นมาก เมื่อข้าถามว่าเขาเป็นใคร เขาเพียงยิ้มให้ข้าเท่านั้น จากนั้นข้าก็ตื่นขึ้น”

“เจ้าฝันเห็นเขา?” เสี่ยวเฮยถามเสียงสั่น

เชียนหยิงพยักหน้าตอบรับ “ข้าฝันเห็นเขาเช่นนี้ตั้งแต่ข้าอายุ 12,000 ปี ข้าจะฝันถึงเขาทุก 7 วัน เขาเป็นผู้ใด พี่เสี่ยวเฮยทราบหรือไม่”

เสี่ยวเฮยหลับตาลง เงียบไปชั่วครู่ มันสูดลมหายใจลึกก่อนจะกล่าว “นั่นคือบิดาของเจ้า”

เชียนหยิงตกตะลึงอ้าปากค้าง “ท่าน...พ่อ?”

“ใช่ เขาคือบิดาของเจ้า เจ้ามีของบางอย่างของเขาติดตัวมา นั่นจึงอาจทำให้เขากับเจ้าสื่อใจถึงกันได้”

“ของ? ของอะไร”

“เจ้าจดจำปานแดงรูปมังกรตัวเล็กๆ ที่ตำแหน่งหัวใจของเจ้าได้หรือไม่ นั่นคือของของพ่อเจ้าที่ติดตัวเจ้ามา” สีหน้าของเชียนหยิงน้อยพลันนึกออกทันที มือเล็กรีบเปิดอกเสื้อออก ปานแดงรูปมังกรที่ตำแหน่งหัวใจจึงปรากฏให้เห็นชัดเจน นี่เป็นปานแดงที่นางมิได้ใส่ใจ เข้าใจว่าเป็นเพียงปานแดงธรรมดาเท่านั้น

“ของสิ่งนั้นของพ่อเจ้าคืออะไร ไว้ถึงเวลาข้าค่อยบอกกับเจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดีว่าห้ามบอกผู้ใดว่าปานแดงนี้เป็นสิ่งของจากพ่อของเจ้า หากมีผู้ใดถามก็บอกไปว่าเป็นปานแดงที่ติดตัวมาแต่กำเนิด”

เชียนหยิงพยักหน้ารับทันทีอย่างเชื่อฟัง “แล้วท่านแม่ของข้าล่ะ ทำไมข้าฝันเห็นแต่ท่านพ่อ ไม่เคยฝันเห็นท่านแม่เลย”

คำถามนี้ของเชียนหยิงทำให้เสี่ยวเฮยนิ่งงัน เห็นมันเบือนสายตาไปมองทางอื่น ครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยวาจา “ที่เจ้าไม่ฝันเห็นมารดาของเจ้าก็เพราะข้าคือตัวแทนของนาง นางให้ข้าคอยอยู่ข้างกายเจ้า”

เชียนหยิงต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง เสี่ยวเฮยคือตัวแทนของมารดาของนาง เมื่อนางรู้ความและเริ่มจดจำได้ นางก็มีเสี่ยวเฮยอยู่ข้างกายแล้ว มันอยู่ข้างกายนางตลอดมา ทุกครั้งที่มันไม่อยู่ มันล้วนบอกกล่าวต่อนางชัดเจนว่ามันจะกลับมาหานางเมื่อใด

มือเล็กๆ เอื้อมไปรั้งแมวดำเสี่ยวเฮยเข้ามากอดไว้แน่น ความคิดถึงมารดาพลันปะทุขึ้นมา น้ำตาไหลพรั่งพรู เสียงสะอื้นเล็กๆ ดังออกมา ร่างน้อยสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น เป็นครั้งแรกที่นางได้ทราบว่ามารดาของนางรักใคร่ห่วงใยนางถึงเพียงนี้ มารดาของนางทิ้งเสี่ยวเฮยไว้ให้อยู่กับนางแม้ตัวท่านมิได้อยู่ด้วย

ครู่ใหญ่กว่าที่เชียนหยิงจะหยุดร้องไห้ได้ นางใช้แขนเสื้อซับน้ำตาของตนเอง เสี่ยวเฮยเห็นแล้วได้แต่อ้ำอึ้ง ใช่ เชียนหยิงเติบโตมาด้วยการดูแลของมัน แม้นางจะมิได้ร้องไห้บ่อยครั้ง แต่เมื่อนางร้องไห้ ทุกครั้งนางล้วนเช็ดน้ำตาด้วยตนเอง ไม่เคยมีอ้อมแขนของบิดามารดาโอบกอดปลอบประโลมและเช็ดน้ำตาให้นางสักหน นางต้องพึ่งพาตัวเองและมันเท่านั้น

“ท่านพ่อท่านแม่ของข้า พวกท่านมีนามว่าอย่างไร พี่เสี่ยวเฮย”

“ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ นามของพวกเขาเป็นสิ่งต้องห้ามในสถานที่แห่งหนึ่ง เจ้ารู้เรื่องของพวกเขาน้อยเท่าใด เจ้ายิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น”

“พี่เสี่ยวเฮย ท่านบอกข้าเถิดนะ ข้าอยากรู้จริงๆ”

เสี่ยวเฮยต้องถอนหายใจยืดยาว “ไม่ได้หรอก เชียนหยิง เจ้าอย่าเพิ่งรู้นามของพวกเขาเลย ให้เจ้าโตกว่านี้สักหน่อย ข้าจะบอกเจ้าเอง”

เชียนหยิงได้แต่พยักหน้ายอมรับ

ระหว่างรอให้ครบกำหนดสามเดือนที่อัครเสนาบดีอู๋ซิงว่านจะพาหวงจิ้งหรง ฮูหยินเอกออกมาล่าสัตว์ที่เทือกเขาเงาเทพ เสี่ยวเฮยยังคงออกจากถ้ำไปเดือนละครั้งๆ ละ 3-4 วันเพื่อไปยืนยันให้แน่ใจว่าอู๋ซิงว่านจะมายังเทือกเขาเงาเทพ จนกระทั่งวันนี้เป็นวันที่อัครเสนาบดีอู๋ซิงว่านพาหวงจิ้งหรง ฮูหยินเอกมายังเทือกเขาแห่งนี้

ผู้ที่ร่วมขบวนล่าสัตว์นี้นอกจากอู๋ซิงว่านและหวงจิ้งหรงแล้ว ยังมีฮูหยินรองและฮูหยินสาม ขบวนของอู๋ซิงว่านยามนี้อยู่ห่างจากถ้ำของเชียนหยิงและเสี่ยวเฮยราว 3 หลี่ ระหว่างกำลังล่าสัตว์ หางตาของหวงจิ้งหรงพลันพบเห็นเงาร่างของเด็กหญิงผู้หนึ่ง เด็กหญิงผู้นั้นสบตานางอย่างตื่นกลัวก่อนจะวิ่งหนีนางเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้น

“อย่าไปทางนั้น กลับออกมา” หวงจิ้งหรงตะโกนเรียกก่อนจะกระตุกบังเหียนม้า ควบขับม้าตามเด็กหญิงผู้นั้นไป

หวงจิ้งหรงควบขับม้าตามเด็กหญิงผู้นี้ทันอย่างง่ายดาย นางควบขับม้าขวางหน้าเด็กหญิงไว้ ควบคุมให้ม้าอยู่นิ่งแล้วนางจึงกระโดดลงมายืนเบื้องหน้าเด็กหญิงที่จ้องนางอย่างตื่นกลัว ข้างกายมีแมวดำสูงราวหัวเข่าของเด็กหญิง มันจับจ้องหวงจิ้งหรงอย่างระแวดระวัง

เด็กหญิงตรงหน้า อายุยังไม่ถึง 10 ปี หน้าตามอมแมม ผมยาวรุ่ยร่าย เสื้อผ้าเก่าขาด หลายส่วนของเสื้อผ้ามีรอยเปื้อนดำ

นี่เป็นครั้งแรกที่เชียนหยิงพบเจอสิ่งที่เสี่ยวเฮยเรียกว่า ‘มนุษย์’ เสี่ยวเฮยบอกนางไว้อย่างละเอียดหมดแล้วว่ามนุษย์มีรูปร่างหน้าตาเช่นไร เชียนหยิงจึงมิได้ตื่นกลัว ยามนี้นางเพียงแสดงให้สมบทบาทตามที่เสี่ยวเฮยสอนสั่งไว้เท่านั้น

“เด็กน้อย เจ้าเป็นผู้ใด มาอยู่ในป่าลึกคนเดียวได้อย่างไร” นางทอดเสียงถามอย่างอ่อนโยน ไม่ให้เด็กหญิงนั้นตื่นกลัว

เด็กหญิงนั้นยืนฟังนิ่ง ครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าววาจา “ข้าหลงป่า หาทางออกไม่เจอ”

“ทำไมเจ้าจึงหลงป่า บิดามารดาของเจ้าอยู่ที่ใด”

“เมื่อหลายวันก่อนท่านพ่อกับท่านแม่ข้าถูกสัตว์อสูรฆ่าตาย ข้าถูกท่านแม่พามาซ่อนไว้ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ท่านสั่งให้ข้าอยู่แต่ในถ้ำนั้นกับพี่เสี่ยวเฮย ข้ารอพวกท่านตั้งนาน พวกท่านก็ไม่กลับมา ข้าออกจากถ้ำเดินมาไม่ไกล จึงได้พบรอยเลือดกองใหญ่และเศษเสื้อผ้าของพวกท่าน”

ฟังคำของเด็กหญิงน้อยแล้ว หวงจิ้งหรงต้องนิ่งอึ้ง คาดเดาได้ทันทีว่าบิดามารดาของเด็กหญิงน้อยนี้ต้องตกตายแน่แล้ว ป่ามรณะในเทือกเขาเงาเทพนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรร้ายกาจ แค่ที่นางรอดอยู่ได้ก็นับว่าสวรรค์เมตตานางอย่างแท้จริง

“พี่เสี่ยวเฮยคือแมวดำที่อยู่กับเจ้างั้นรึ”

“ใช่ ข้ากับท่านแม่เลี้ยงพี่เสี่ยวเฮยมาตั้งแต่ข้ายังเล็กกว่านี้”

หวงจิ้งหรงต้องนึกทึ่ง แมวดำตัวนี้ช่างแสนรู้นัก มันคงรักเด็กหญิงผู้นี้อย่างยิ่งจึงไม่ยอมจากไปไหน

“เด็กน้อยเจ้าชื่อแซ่ว่าอย่างไร”

“ข้าแซ่เซี่ย นามเชียนหยิง”

แซ่เซี่ยย่อมเป็นแซ่ที่เสี่ยวเฮยบอกนางไว้ก่อนแล้ว แซ่นี้เป็นแซ่ที่หลายคนในเมืองใกล้เทือกเขาเงาเทพใช้กันดาษดื่น หากนามของนางกลับไพเราะยิ่ง บิดามารดาของนางช่างตั้งนามได้ดีนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel