บทที่ 3 ลูกครึ่งเทพและมาร (3/3)
เพียงประกายแสงสีแดงชำแรกเข้าสู่หัวใจดวงเล็กเพียงบางเบา ทารกน้อยที่หลับสนิทก็แผดเสียงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวดทันที น้ำตาของเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียต้องร่วงรินเมื่อเห็นเชียนหยิง บุตรสาวของนางร้องไห้
ประกายแสงสีแดงยิ่งชำแรกเข้าสู่หัวใจดวงน้อยมากเท่าใด เสียงร้องไห้ของทารกน้อยยิ่งมากมาย ร่างเล็กดิ้นพราดอย่างทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดมหาศาล ผ่านไปราวยี่สิบลมหายใจประกายแสงสีแดงจึงหมดสิ้น อัญมณีสีแดงโลหิตใต้ฝ่ามือเลือนหาย หากกลับปรากฏเป็นปานแดงรูปมังกรตัวเล็กๆ ในท่วงท่าเหาะเหินที่ตำแหน่งหัวใจของทารกน้อย
ร่างเล็กหยุดดิ้นหากยังคงแผดเสียงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด นิ้วเรียวขาวผ่องตวัดเขียนอักขระเวทสีทองออกมาถึงสิบตัว อักขระเวททั้งสิบหลอมรวมกันกลายเป็นดวงแสงสีทองประทับลงที่หน้าผากของทารกน้อยก่อนจะจมหายไปจนไร้ร่องรอย นางยื่นมือใส่เสื้อผ้าและพันผ้าอ้อมห่อให้บุตรสาวจนเรียบร้อยก่อนจะอุ้มทารกน้อยที่ยังคงร้องไห้จ้ามากอดแนบอกอย่างปลอบประโลม
“เชียนหยิง แม่ขอโทษนะลูกที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดเช่นนี้” นางบอกกล่าวเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลรินที่ทำให้บุตรสาวเจ็บปวดปางตาย
“แต่เพื่อป้องกันคนที่คิดแย่งชิงแก่นโลหิตหัวใจของพ่อเจ้า แม่มีแต่ต้องทำเช่นนี้”
“แม่สลักอักขระเวทไว้ที่หน้าผากเจ้า จะไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้ามีทั้งสายเลือดเทพและมาร ผู้อื่นจะทราบว่าเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง และย่อมไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้ามีร่างและดวงจิตนภาพิสุทธิ์ ต่อให้เป็นชางซว่อ ชางจี้ ชางห้าว ก็ไม่มีวันทราบว่าเจ้าเป็นผู้ใด” ประโยคท้ายของนางเต็มไปด้วยความชิงชังสามมหาเทพ
“ผู้ครอบครองร่างและดวงจิตนภาพิสุทธิ์ย่อมมีรูปโฉมงดงามเกินหน้าเทพเซียนใดๆ แต่รูปโฉมนี้จะกลายเป็นหายนะของเจ้าในยามที่เจ้ายังเยาว์วัยไร้ฝีมือ ดังนั้น อักขระเวทนี้จะพรางโฉมหน้าแท้จริงของเจ้าเอาไว้ รูปโฉมของเจ้าจะธรรมดาเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป ไม่ล่อตาล่อใจผู้ใดทั้งสิ้น”
“อักขระเวทนี้ยังทำให้แม่ทราบเสมอว่าเจ้าอยู่ที่ใด แม้จะไม่ทราบว่าเจ้าปลอดภัยหรือไม่”
“แก่นโลหิตหัวใจของพ่อเจ้าจะค่อยๆ เปิดเผยความลับให้เจ้ารู้เมื่อเจ้าอายุครบ 14,000 ปี”
“แม่ไม่ทราบว่าจะกลับมาพบเจ้าได้เมื่อใด แต่แม่จะพาพ่อเจ้ากลับมาหาเจ้าให้เร็วที่สุด”
นางโอบกอดปลอบประโลมทารกน้อยอยู่ครู่หนึ่งกว่าร่างเล็กจะค่อยๆ เงียบลง ร่างน้อยถูกวางลงบนแท่นมังกรขดกาญจนาอีกครั้ง นางหมุนกายไปทางขวามือของนาง มือขาวผ่องแตะลงที่หน้าผากของตนก่อนจะหลับตาลง ผ่านไปราวสิบลมหายใจ มือที่แตะหน้าผากจึงถูกยกออกก่อนจะยื่นเหยียดออกไปเบื้องหน้า ไอมารสีดำสนิทเข้มข้นพวยพุ่งออกจากฝ่ามือ ไอมารนั้นค่อยๆ ก่อรูปร่างเป็นลูกแมวน้อยขนฟูสีดำสนิทดั่งราตรีกาล มันสูงราว 5 ชุ่น (1 ชุ่น = 1 นิ้ว) มันยืนหลับตานิ่ง
นิ้วเรียวจี้จรดลงบนหน้าผากของลูกแมวน้อยนั้น ประกายแสงสีขาวหม่นวาบขึ้นก่อนจะชำแรกเข้าสู่ร่างของมัน ราวสามอึดใจประกายแสงสีขาวก็เลือนหาย นางยกมือออกก่อนจะจ้องมองมัน นัยน์ตาของลูกแมวน้อยค่อยๆ ลืมขึ้น นัยน์ตานั้นเป็นสีเขียวสดใสทอประกายเจิดจรัสดั่งดาราก่อนจะดับวูบกลายเป็นสีเขียวอ่อนตามปกติ
นิ้วเรียวตวัดเขียนอักขระเวทลงบนหน้าผากของลูกแมวน้อย ไม่กี่อึดใจก็เสร็จสิ้น
“เจตน์จำนงและจิตสำนึกของข้าจงฟัง” เสียงของเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียก้องกังวานไปทั้งโถงถ้ำ
“นามของเจ้าคือ ‘เสี่ยวเฮย’ หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องและดูแลเชียนหยิง บุตรสาวของข้า ให้ปลอดภัย นางคือสิ่งเดียวที่เจ้าต้องปกป้องให้ถึงที่สุด”
“รับทราบเจ้าค่ะ” เสียงของลูกแมวน้อยดังขึ้น เป็นเสียงเดียวกับเสียงของเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซีย
นั่นเพราะมันคือเจตน์จำนงและจิตสำนึกของนาง เจตน์จำนงและจิตสำนึกย่อมสืบทอดความทรงจำและความสามารถทุกประการจากนาง แม้ความสามารถที่รับสืบทอดนี้จะอ่อนด้อยกว่าเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียไปหนึ่งในสี่ส่วน แต่บนดาวเคราะห์ระดับต่ำสุดเช่นนี้ ความสามารถเพียงสามในสี่ส่วนของเทพมารทลายสวรรค์ที่อยู่ในตัวลูกแมวน้อยก็สามารถทุบทำลายดาวเคราะห์ธาราครามให้สูญหายไปได้ในพริบตาไม่ต่างกัน
“ข้าเขียนอักขระเวทไว้บนร่างของเจ้า จะไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าคือเจตน์จำนงและจิตสำนึกของข้า ไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าคือเผ่ามาร เจ้าจะเป็นเพียงแมวดำธรรมดาเท่านั้นในการรับรู้ของทุกผู้คน”
มือขาวผ่องยื่นเหยียดออกอีกครั้ง บนฝ่ามือปรากฏกระบี่สีขาวสว่าง ย่อมเป็นกระบี่ครองฟ้าของมหาเทพชางเล่ย นิ้วเรียวตวัดเขียนอักขระเวทลงบนกระบี่ ราวสามอึดใจจึงเสร็จสิ้น รัศมีสีขาวสว่างบนกระบี่พลันวูบดับ นางยื่นส่งกระบี่ให้เสี่ยวเฮย กระบี่ครองฟ้าพลันกลายเป็นลำแสงสีขาวสว่างพุ่งเข้าสู่ร่างของเจ้าแมวน้อย
“ข้าฝากกระบี่ครองฟ้าไว้กับเจ้า จงดูแลรักษามันให้ดี เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจึงมอบกระบี่นี้ให้บุตรสาวของข้า”
“ยามนี้กระบี่ครองฟ้าถูกข้าผนึกไว้ มันจะมีสภาพเป็นเพียงกระบี่วิเศษไม่เกินระดับศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถพบเห็นได้ในแดนมนุษย์ การจะปลดผนึกมันต้องให้เชียนหยิงปลดเอง เมื่อความสามารถด้านอักขระเวทของนางอยู่ในระดับบรรพกาล นางจะสามารถปลดผนึกของข้าได้”
“เจ้าและนางจงอยู่ที่นี่ เมื่อใดที่เจ้าเห็นสมควรจึงค่อยพานางออกสู่โลกภายนอก และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเจ้าจึงมอบกระบี่ครองฟ้าให้นาง”
“ข้าจะเขียนอักขระเวททิ้งไว้เพื่อปกปิดผาจันทร์ลอยน้ำและแท่นมังกรขดกาญจนาให้พ้นจากสายตาของมนุษย์ จะมีเพียงเจ้าและนางเท่านั้นที่ทราบถึงสถานที่แห่งนี้”
“ปกป้องและดูแลนางให้ดีที่สุด ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
ทว่าเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียไม่ทราบเลยว่าการกลับสู่ห้วงแห่งสุขาวดีครั้งนี้ของนางนั้น นางจะไม่มีโอกาสได้กลับมายังดาวเคราะห์ธาราครามแห่งนี้อีกต่อไป
นับจากเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียจากไป กาลเวลาผันผ่านไปอย่างเงียบสงบอีก 14,000 ปี ยามนี้เชียนหยิงน้อยอายุ 14,000 ปีเช่นกัน เทียบเป็นอายุของมนุษย์ในดาวเคราะห์แห่งนี้ก็เพียง 7 ปีเท่านั้น ร่างครึ่งเซียนครึ่งมารของนางก็ปรากฏเป็นเด็กน้อยอายุ 7 ปีเท่ากับเด็กในโลกมนุษย์แห่งนี้ ปราณทิพย์อันเข้มข้นจากแท่นมังกรขดกาญจนาหล่อเลี้ยงเชียนหยิงให้เติบโตอย่างสมบูรณ์แม้นางจะมิได้รับประทานสิ่งใดเลย
เจ้าแมวดำเสี่ยวเฮยคอยบอกคอยสอนเชียนหยิงน้อยให้รู้จักเรื่องราวต่างๆ สอนให้นางฝึกฝนตั้งแต่นางเริ่มรู้ความและจดจำได้ เพราะมันคือเจตน์จำนงและจิตสำนึกของเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซีย ทุกความต้องการของนาง เสี่ยวเฮยย่อมรับทราบจนหมดสิ้นและสอนสั่งเชียนหยิงได้ทุกสิ่งตามที่นางต้องการ
