บท
ตั้งค่า

บทที่ 28/ วัฏจักรเทพแปดทิศ (1) [1/3]

เรื่องที่ศิษย์สายนอกชั้นยอดต้องมีระดับลมปราณอย่างน้อยที่สุดคือรวมปราณขั้นที่หนึ่งนั้นอู๋เชียนหยิงทราบอยู่แล้ว แต่เสี่ยวเฮยบอกว่านางสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ถึงหนึ่งช่วงชั้นใหญ่ นั่นคือ นางสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีลมปราณระดับรวมปราณขั้นที่แปดได้โดยไม่พ่ายแพ้ ทำให้นางคิดต่อสู้ท้าชิงตำแหน่งศิษย์สายนอกชั้นยอด นางเพียงคิดว่าหากนางสามารถเอาชนะได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา อาจารย์ทั้งหลายสมควรยอมรับในความสามารถของนาง ไม่คาดว่ากลับมาเจอปัญหาว่าระดับลมปราณดังกล่าวคือข้อกำหนดว่าผู้ท้าสู้ก็ต้องมีลมปราณอยู่ในระดับนี้ ทำให้ยามนี้ระดับลมปราณของนางต่ำเกินไป นางไม่สามารถท้าสู้พวกเขาได้

ทว่าความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับถึงหนึ่งช่วงชั้นใหญ่นี้ไม่สามารถบอกผู้ใดได้ นี่เป็นผลจากร่างนภาพิสุทธิ์ของนาง ทว่าอู๋เชียนหยิงย่อมไม่ทราบว่านางมีร่างและดวงจิตนภาพิสุทธิ์ ต่อให้เป็นผู้อื่นก็ไม่มีทางทราบเพราะอักขระเวทที่เทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียสลักไว้ที่หน้าผากของนางนั้น สามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้เสี่ยวเฮยย่อมทราบดี

ระดับรวมปราณขั้นที่หนึ่งทำให้อู๋เชียนหยิงลำบากใจไม่น้อย หากนางยังฝึกฝนที่แท่นมังกรขดกาญจนา ขอเวลานางไม่เกิน 5 เดือน นางย่อมสามารถเลื่อนระดับลมปราณได้ตามที่กำหนดแน่นอน เช่นนี้นางควรทำอย่างไรจึงจะสามารถเลื่อนระดับลมปราณได้เร็วกว่านี้

“เชียนหยิง พี่แนะนำให้เจ้าไปฝึกฝนลมปราณให้ถึงระดับรวมปราณขั้นที่หนึ่งเสียก่อน แล้วจึงค่อยคิดเรื่องศิษย์สายนอกชั้นยอด”

กล่าวจบแล้วอู๋จิ่นฟานพลันมีสีหน้านึกอะไรได้ จึงวาดฝ่ามือขึ้นก่อนจะปรากฏห้วงมิติเล็กๆ สำหรับเก็บของขึ้นมา มองเห็นเขาล้วงมือเข้าไปหยิบบางสิ่งออกมา ที่แท้เป็นขวดหยกเล็กๆ ใบหนึ่ง เขาวาดฝ่ามืออีกครั้ง ห้วงมิตินั้นก็เลือนหาย

อู๋จิ่นฟานยื่นขวดหยกใบน้อยให้นาง “นี่เป็นโอสถจันทร์สว่าง โอสถนี้จะช่วยเพิ่มลมปราณในร่างให้เจ้าได้มาก โอสถนี้หนึ่งเม็ดสามารถเพิ่มพูนลมปราณให้เจ้าได้ถึงสองในสิบส่วนที่เจ้ามีอยู่ มันสมควรช่วยให้เจ้าเลื่อนระดับลมปราณได้เร็วขึ้น”

“แต่ว่านี่เป็นโอสถล้ำค่า พี่ใหญ่ ท่านเอาไว้ใช้เถิด สำหรับข้าแล้ว มันยังไม่จำเป็นถึงเพียงนั้น” นางปฏิเสธทันที เพราะโอสถจันทร์สว่างเป็นโอสถที่ปรุงยากไม่น้อย ทุกคนในสำนักทราบดีว่านี่เป็นโอสถสำหรับศิษย์สายนอกชั้นยอด

“เจ้าเอาไปเถิด มันไม่มีประโยชน์กับพี่แล้ว พี่ใช้โอสถที่ดีกว่านี้สำหรับศิษย์สายใน”

อู๋เชียนหยิงยังคงไม่ยื่นมือไปรับ อู๋จิ่นฟานจึงจับมือของนางแบออกก่อนจะวางขวดหยกลงไป

“เอาไปเสีย แล้วอย่าทำให้พี่ผิดหวัง ครั้งหน้าที่เจ้ามาพบกับพี่ พี่ควรได้ทราบว่าระดับลมปราณของเจ้าสูงขึ้นกว่าเดิม” อู๋จิ่นฟานยิ้มให้นางอย่างเอ็นดู

เห็นพี่ใหญ่ของนางลุกขึ้น เป็นสัญญาณว่าเขาจะกลับเข้าไปที่เรือนพักของศิษย์สายในแล้ว ทว่ามือของอู๋จิ่นฟานกลับยื่นมาจับศีรษะของนางแล้วโยกจนนางหัวสั่นหัวคลอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือออกพร้อมกับเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งน้องสาว

“พี่ใหญ่ ท่านทำผมข้ายุ่งหมดเลย ข้าจะฟ้องท่านแม่” นางบ่นไล่หลัง หากยิ่งได้ยินเสียงของอู๋จิ่นฟานหัวเราะดังกว่าเดิม

“พี่เสี่ยวเฮย ข้าควรทำอย่างไรจึงจะเลื่อนระดับลมปราณได้เร็วกว่านี้ ยามนี้ลมปราณข้าคือผลิดอกขั้นที่แปด อีกตั้งสามขั้นกว่าข้าจะเลื่อนเป็นรวมปราณขั้นที่หนึ่ง” อู๋เชียนหยิงปรึกษาเสี่ยวเฮยทันทีที่อยู่ในห้องนอนของตนที่เรือนธาราเทพ

“เร็วที่สุด เจ้าต้องไปฝึกฝนที่แท่นมังกรขดกาญจนา แต่เวลานี้ย่อมทำไม่ได้ แม้เจ้าจะสำเร็จท่าเท้าเงาจันทร์เลือนลับได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ระดับลมปราณของเจ้าหากคิดลอบออกจากสำนักวิญญาณเทพ เกรงว่าคงถูกจับได้เสียก่อน”

นางต้องถอนหายใจ เรื่องนี้นางก็ทราบดี

ไว้ข้าปรึกษาท่านพ่อคืนนี้ดีกว่า เผื่อท่านจะมีวิธีทำให้ข้าเลื่อนระดับลมปราณได้เร็วขึ้น นางคิดในใจอย่างนึกขึ้นได้ว่าทุกคืนนางจะได้พบท่านพ่อของนางในความฝัน

“ข้าอยากเลื่อนระดับลมปราณให้เร็วขึ้น ข้าต้องการเลื่อนไปที่ระดับรวมปราณขั้นที่หนึ่ง ท่านพ่อมีวิธีใดแนะนำหรือไม่เจ้าคะ” อู๋เชียนหยิงเอ่ยถามบิดาของนางที่กระทั่งยามนี้นางก็ยังไม่ทราบนามของท่าน จริงๆ นางเคยถามท่าน แต่ท่านไม่ตอบ เพียงยิ้มให้นางเท่านั้น

นางเห็นท่านพ่อนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ต่อมานางจึงเห็นท่านแบมือออกเบื้องหน้านาง ที่ปรากฏบนฝ่ามือของผู้เป็นบิดาคือกระดาษแผ่นหนึ่ง ท่านพ่อยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้นาง ในกระดาษนั้นเขียนรายชื่อสิ่งของห้าชนิด

หยกประกายดาราสามชิ้น แต่ละชิ้นมีน้ำหนักอย่างน้อยหนึ่งจิน (1 จิน = 500 กรัม)

กลีบบัวปีกฟ้าสามสิบกลีบ

โสมเลือดมังกรที่มีอายุไม่น้อยกว่าหนึ่งพันปีสามต้น

หยาดน้ำค้างยามเที่ยงคืนสามร้อยหกสิบหยด

หญ้าวิหคทองน้ำหนักห้าตำลึง (1 ตำลึงจีน ประมาณ 31-32 กรัม)

“เจ้าจงทำให้หยกประกายดารา กลีบบัวปีกฟ้า โสมเลือดมังกร และหญ้าวิหคทองกลายเป็นผงและทำให้มันบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน จากนั้นหลอมรวมและควบผนึกพวกมันทั้งหมดเข้ากับหยาดน้ำค้างยามเที่ยงคืนด้วยวารีธาตุของเจ้าให้เหลือเพียง 180 หยด มันจะกลายเป็น ‘น้ำทิพย์ข้ามตะวัน’ อันล้ำเลิศ”

“เจ้าดื่มน้ำทิพย์นี้วันละหนึ่งหยดแล้วฝึกฝนลมปราณวันละสามชั่วยามทุกวัน สามเดือนแรกลมปราณของเจ้าจะเลื่อนระดับจากผลิดอกขั้นที่แปดเป็นผลิดอกขั้นที่สิบ อีกสามเดือนให้หลังลมปราณจึงจะเลื่อนเป็นรวมปราณขั้นที่หนึ่ง”

“หลังจากเจ้าใช้มันครบทั้ง 180 หยดแล้ว ห้ามเจ้าแตะต้องมันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มนับจากวันสุดท้ายที่เจ้ารับประทานมัน ไม่อาจขาดไปแม้แต่วันเดียว เพราะภายในหนึ่งปีนั้น ไม่ว่าเจ้าจะรับประทานมันมากเท่าใด มันจะไม่ให้ผลใดกับเจ้าเลย เสมือนหนึ่งเจ้ารับประทานน้ำธรรมดา”

อู๋เชียนหยิงตื่นตะลึง ใช้เวลาเพียงหกเดือนเท่านั้น นางก็สามารถเลื่อนระดับลมปราณได้ถึงสามขั้น นี่แทบจะเทียบเท่าแท่นมังกรขดกาญจนาเลยทีเดียว แม้จะต้องงดเว้นการใช้น้ำทิพย์ไปถึงหนึ่งปีก็ตาม

นางจ้องหน้าท่านพ่อของนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบก้มหน้าลงอ่านรายชื่อสิ่งของห้าชนิดนั้นและจดจำมันไว้อย่างรวดเร็ว เพราะนางทราบดีว่านี่เป็นเพียงความฝันที่นางไม่สามารถนำสิ่งใดออกมาจากความฝันได้ มีเพียงความทรงจำเท่านั้นที่จะติดตัวนางมา

น้ำทิพย์ข้ามตะวัน นางเพิ่งเคยได้ยินนามของมันเป็นครั้งแรก หากพิจารณาจากคุณวิเศษของมันแล้ว สมควรเป็นโอสถระดับศักดิ์สิทธิ์หรือสูงกว่า ทว่าส่วนประกอบของน้ำทิพย์นี้กลับใช้เพียงสิ่งของในระดับฟ้าดินเท่านั้น ทั้งยังเป็นสิ่งของที่หาได้ทั่วไป หรือว่ามันจะเป็นโอสถระดับฟ้าดินกันแน่

อู๋เชียนหยิงอ่านสูตรโอสถนี้ถึงห้ารอบเพื่อให้จดจำได้แม่นยำไม่ผิดพลาด ส่วนวิธีปรุงนั้น เพียงท่านพ่อบอก นางก็จดจำได้ทันทีเพราะมันช่างปรุงได้ง่ายแสนง่ายนัก

เมื่อนางเล่าเรื่องน้ำทิพย์ข้ามตะวันให้เสี่ยวเฮยฟัง มันยังต้องตื่นเต้น นั่นเพราะแดนมารในห้วงแห่งสุขาวดีนั้นล้วนเอื้อต่อการฝึกฝนของเผ่ามารทั้งสิ้น ดังนั้น โอสถที่ใช้ในการเลื่อนระดับลมปราณเช่นนี้จึงไม่เคยอยู่ในสายตา ขณะที่แดนเทพนั้นไม่ได้มีสภาพแวดล้อมเช่นแดนมาร การฝึกฝนต่างๆ ล้วนต้องอาศัยโอสถวิเศษและของวิเศษหลากหลายช่วยเพิ่มพูนลมปราณ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel