บท
ตั้งค่า

บทที่ 27 เริ่มชีวิตศิษย์สำนักวิญญาณเทพ (ปลาย) [3/3]

อู๋เชียนหยิงนิ่งไปชั่วครู่ เรื่องนี้นางขบคิดมาหลายวันแล้วหากยังคิดไม่ตก ปรึกษาเสี่ยวเฮยแล้ว มันก็บอกให้นางตัดสินใจเอง นั่นเพราะยามนี้นางเติบโตขึ้นมากแล้ว เรียนรู้เรื่องราวมากมาย สมควรที่นางต้องตัดสินใจเอง อีกทั้งเมื่อระดับลมปราณของนางอยู่ในระดับเจ้าเซียนขั้นที่หนึ่งและทราบเรื่องของมหาเทพชางเล่ยและเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียเมื่อใด ยามนั้นการตัดสินใจย่อมยากกว่าเวลานี้อย่างเทียบกันไม่ติด

“ท่านแม่คิดว่าอย่างไรเจ้าคะ ลูกคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้วแต่ยังตัดสินใจไม่ได้”

“ยามนี้ระดับลมปราณของเจ้าอยู่ขั้นใด” หวงจิ้งหรงไม่ตอบหากถามกลับ

“ผลิดอกขั้นที่เจ็ดเจ้าค่ะ” เพียงได้ยินเช่นนี้ หวงจิ้งหรงต้องเบิ่งตากว้าง

อายุ 15 ปี ระดับลมปราณกลับสูงส่งถึงผลิดอกขั้นที่เจ็ด นี่เป็นไปได้อย่างไร

หวงจิ้งหรงคิดอย่างประหลาดใจก่อนจะยื่นมือไปตรวจชีพจรของอู๋เชียนหยิง หากเมื่อตรวจแล้ว นางยิ่งต้องทอดถอนใจ ลมปราณของบุตรสาวของนางช่างหนาแน่นและเสถียรอย่างยิ่ง เด็กสาวในวัยเดียวกับนางไม่มีผู้ใดเป็นเช่นนี้ นางฝึกฝนอย่างไรจึงทำได้ดีถึงเพียงนี้

หวงจิ้งหรงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก

“การเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดมีข้อเสียประการเดียวคือเจ้าจำต้องเปิดเผยฝีมือแท้จริงของเจ้าออกมา เจ้าคงทราบแล้วกระมังว่าการเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดและศิษย์สายใน เจ้าต้องท้าประลองผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนั้น หากเจ้าชนะ เจ้าจึงเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดได้ ดังนั้น เจ้าจะอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ไม่อาจหลบเลี่ยงเช่นที่ผ่านมาได้อีก ทั้งยังต้องรักษาตำแหน่งไว้ให้ได้ เพราะไม่ว่าผู้ใดก็สามารถท้าประลองเจ้าเพื่อชิงตำแหน่งได้เช่นกัน”

“ส่วนข้อดีก็คือ เจ้าจะได้เข้าถึงสิ่งที่มีประโยชน์กับเจ้ามากขึ้นในสำนักวิญญาณเทพ ไม่ว่าจะเป็นโอสถวิเศษ วิชาต่าง และอื่นๆ อีกหลายประการ”

“เจ้าลองไตร่ตรองชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียสองเรื่องนี้ให้ดีว่าเจ้าสมควรเลือกอย่างไร” หวงจิ้งหรงให้ข้อคิดหากไม่ได้ตัดสินใจให้นาง บุตรสาวของนางเติบโตแล้ว สมควรต้องให้นางตัดสินใจด้วยตนเอง นางให้ได้เพียงการชี้แนะที่เหมาะสมเท่านั้น

อู๋เชียนหยิงนิ่งงัน นัยน์ตาทอแววครุ่นคิดใคร่ครวญ

พักผ่อนอยู่ที่จวนอัครเสนาบดีอู๋ซิงว่านได้เพียงหนึ่งวัน นางก็เอ่ยปากกับหวงจิ้งหรงขอไปป่ามรณะเพื่อล่าสัตว์อสูร แต่แท้จริงแล้วนางต้องการไปที่แท่นมังกรขดกาญจนาเพื่อเพิ่มพูนระดับลมปราณให้เลื่อนระดับเร็วขึ้น เพราะยามนี้ระดับลมปราณของนางใกล้จะทะลวงด่านขึ้นสู่ผลิดอกขั้นที่แปดแล้ว

หวงจิ้งหรงยอมอนุญาตเพราะเห็นว่าระดับลมปราณของนางสูงพอที่จะดูแลตนเองได้แล้ว

เมื่อออกมานอกนครประกายเทพ เพียงแผ่ปราณออกแล้วพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้เคียง นางสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างบอบบางก็พุ่งวาบดุจประกายสายฟ้ามุ่งหน้าสู่ผาจันทร์ลอยน้ำพร้อมกับเจ้าแมวน้อยเสี่ยวเฮย ด้วยความเร็วสูงสุดที่ใช้ออก ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็มาถึง

เพียงได้เห็นผาจันทร์ลอยน้ำ นัยน์ตาของนางต้องทอแววคิดถึงออกมาทันที เพราะสถานที่แห่งนี้นางอาศัยมาเนิ่นนานนัก เนิ่นนานถึง 14,000 ปี นางทราบดีว่าตนเองมิใช่มนุษย์เพราะเมื่อไม่นานนี้นางเพิ่งฉุกคิดได้ถึงเมื่อครั้งที่เสี่ยวเฮยให้นางโคจรลมปราณเพื่อปรับสภาพร่างกายให้สามารถเติบโตเช่นมนุษย์ จะได้ไม่ผิดสังเกตกับผู้ใด

แท้จริงแล้วนางเป็นผู้ใดกันแน่ ทว่าเสี่ยวเฮยไม่ยอมตอบคำถามนี้ มันบอกเพียงว่าลมปราณของนางอยู่ในระดับเจ้าเซียนขั้นที่หนึ่งเมื่อใด ทุกอย่างที่นางสงสัย มันจะยอมบอกจนหมดสิ้น ร่างบอบบางพุ่งลงสู่ก้นหุบเหวด้านล่าง ไม่นานนักจึงมาถึงถ้ำที่นางเคยอาศัย

ถ้ำมังกรขดกาญจนา !

นางเรียกมันเช่นนี้เพราะถ้ำแห่งนี้มีแท่นมังกรขดกาญจนา

เมื่อก้าวเข้าไปในถ้ำ แท่นมังกรสีทองอร่ามยังคงทอแสงเรืองรองเช่นเดิม นางจากถ้ำนี้ไปแปดปีเต็ม เป็นแปดปีที่นางคิดถึงแท่นมังกรขดกาญจนา คล้ายดั่งว่าสถานที่แห่งนี้มีเบื้องหลังบางประการที่ทั้งน่ายินดีและน่าโศกเศร้า

อู๋เชียนหยิงก้าวเข้าไปนั่งที่แท่นมังกรนี้อย่างคุ้นเคยก่อนจะเริ่มโคจรลมปราณ

ผ่านไปสามวันสามคืน นางก็สามารถทะลวงด่านลมปราณได้สำเร็จ บัดนี้ลมปราณของนางเลื่อนขึ้นสู่ระดับผลิดอกขั้นที่แปดแล้ว และเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นางทะลวงด่านลมปราณ จะมีพลังประหลาดจากหัวใจของนางพุ่งตรงมาที่จุดตันเถียนเพื่อช่วยให้นางทะลวงขั้นลมปราณได้อย่างง่ายดาย

นั่งฝึกฝนที่แท่นมังกรขดกาญจนาต่ออีกสามวัน อู๋เชียนหยิงก็รับรู้ได้ว่ายามนี้อีกเพียงครึ่งทาง ลมปราณของนางจะทะลวงสู่ผลิดอกขั้นที่เก้า หากมีเวลาฝึกฝนที่แท่นมังกรขดนี้อีกสักสองเดือน ลมปราณของนางจะสามารถทะยานขึ้นสู่ระดับผลิดอกขั้นที่สิบได้ไม่ยาก แต่ยามนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับสู่จวนอัครเสนาบดีอู๋ซิงว่านแล้ว

กลับมาพักผ่อนที่จวนได้สองวัน วันรุ่งขึ้นนางต้องเดินทางกลับสำนักวิญญาณเทพแล้ว

“เจ้าคิดได้หรือยังเรื่องศิษย์สายนอกชั้นยอด” หวงจิ้งหรงถามขึ้นเมื่อนั่งรถม้ามาส่งอู๋เชียนหยิง

“คิดได้แล้วเจ้าค่ะ ลูกจะเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอด การปกปิดความสามารถของลูกนั้น อย่างไรก็ต้องเปิดเผยออกมาในสักวันหนึ่ง แต่การเปิดเผยเพื่อให้ได้เป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดนี้ ลูกจะพยายามไม่เปิดเผยทั้งหมด ต้องมีเก็บงำไว้บ้างเพื่อป้องกันตัวลูกเอง”

“ดีแล้ว ที่เจ้าคิดได้เช่นนี้ กลับไปครั้งนี้ ระวังตัวให้ดี หากมีปัญหา ไปปรึกษาพี่ใหญ่จิ่นฟานของเจ้า เขาต้องทราบตื้นลึกหนาบางมากพอจะช่วยเหลือเจ้าได้”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่ที่ชี้แนะ”

เมื่อตัดสินใจได้แน่นอนแล้วว่าจะเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอด นางจึงส่งจดหมายแจ้งอาจารย์ผู้ดูแลเรือนพักศิษย์สายในเพื่อขอพบอู๋จิ่นฟาน พี่ชายของนาง เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าพบได้ วันนี้นางจึงมารอพบพี่ชายบุญธรรมที่ห้องรับรองของเรือนพักอาจารย์ผู้ดูแล

“ศิษย์สายนอกอู๋เชียนหยิงคำนับอาจารย์ ศิษย์พี่จิ่นฟาน” อู๋เชียนหยิงเรียกขานอู๋จิ่นฟานอย่างเป็นทางการ

“ตามสบายเถิด พวกเจ้าพูดคุยกันไป ข้าจะนั่งอยู่ที่นี้”

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

“พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องปรึกษา” คราวนี้นางหันมาเรียกเช่นปกติที่เคยเรียกขาน

อู๋จิ่นฟานอดยิ้มเอ็นดูน้องสาวบุญธรรมผู้นี้ไม่ได้ “เจ้าจะปรึกษาเรื่องใด”

“ข้าอยากเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอด” คำตอบนี้ไม่ทำให้อาจารย์ผู้ดูแลเรือนพักศิษย์สายในแปลกใจ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะมีศิษย์สายนอกคิดเข้าสู่ทำเนียบเทพน้อย

ทว่าอู๋จิ่นฟานนิ่งงัน คาดไม่ถึงว่าไม่พบน้องสาวบุญธรรมผู้นี้เพียงแปดปี บัดนี้นางเติบโตจนคิดเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดแล้ว

“ลมปราณของเจ้าอยู่ในระดับใด” เขาถามกลับอย่างรวดเร็ว

อู๋เชียนหยิงไม่ตอบหากยื่นข้อมือให้เขาตรวจชีพจร ยามนี้อู๋จิ่นฟานเป็นชายหนุ่มอายุ 23 ปี ระดับลมปราณของเขาย่อมแข็งแกร่งมากพอจะตรวจสอบระดับลมปราณของผู้อื่นได้ ยื่นมือตรวจชีพจรนางได้ครู่เดียว เขาก็ต้องเบิกตากว้าง

“เจ้า...”

“เจ้าค่ะ ข้าจึงคิดว่าข้าน่าจะเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดได้”

“เชียนหยิง ระดับลมปราณของเจ้านับว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง แต่การจะท้าสู้ศิษย์สายนอกชั้นยอดนั้น สำนักวิญญาณเทพนอกจากกำหนดระดับลมปราณไว้ที่รวมปราณขั้นที่หนึ่งให้ผู้ที่จะเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดแล้ว มันยังเป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่จะท้าสู้พวกเขาด้วย ดังนั้น เจ้าต้องฝึกฝนให้ได้รวมปราณขั้นที่หนึ่งเสียก่อนจึงจะสามารถท้าสู้พวกเขาได้”

“รวมปราณขั้นที่หนึ่งหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยทวนด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel