บทที่ 25 เริ่มชีวิตศิษย์สำนักวิญญาณเทพ (ปลาย) [1/3]
“พี่เสี่ยวเฮย เมื่อคืนข้าฝันถึงท่านพ่อด้วยล่ะ” อู๋เชียนหยิงบอกเล่าให้เสี่ยวเฮยฟังอย่างมีความสุขระหว่างที่เดินไปหอลมปราณเทพ
เสี่ยวเฮยหูผึ่งทันที “เจ้าฝันว่าอย่างไร”
“ข้าฝันว่าท่านพ่อมาสอนกระบี่วิญญาณเทพให้ข้า แต่ในฝันนั้น กระบี่วิญญาณเทพมีถึง 49 กระบวนท่า แต่ตอนนี้ข้าจำได้เพียง 25 กระบวนท่าเท่านั้น”
เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง คาดเดาได้ทันทีว่าแก่นโลหิตหัวใจของมหาเทพชางเล่ยเริ่มเปิดเผยความลับออกมาแล้ว ทั้งยังเปิดเผยอย่างเงียบเชียบเสียด้วย หากอู๋เชียนหยิงไม่เล่าให้ฟัง มันจะไม่มีทางทราบได้เลย
“เจ้าบอกว่าเจ้าจำได้ 25 กระบวนท่า แล้วเมื่อวานนี้ที่เจ้าเรียนที่หอศาสตราเทพ อาจารย์สอนเจ้ากี่กระบวนท่า”
อู๋เชียนหยิงนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “สิบแปดกระบวนท่า”
“เช่นนั้นยามเจ้าฝึกซ้อมเพียงลำพัง เจ้าสามารถฝึกซ้อมได้จนครบ 25 กระบวนท่า แต่เมื่อเจ้าฝึกซ้อมร่วมกับผู้อื่น จำไว้ว่าต้องฝึกซ้อมเพียง 18 กระบวนท่าแรกเท่านั้น หากเจ้าร่ายรำเกิน 18 กระบวนท่า ทุกคนย่อมสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดายและเรื่องราวต้องวุ่นวายแน่นอนเพราะเจ้าเป็นเพียงศิษย์สายนอกและยังเพิ่งเข้ามาเรียนไม่นาน”
“เจ้าค่ะ
อู๋เชียนหยิงนั่งฝึกฝนลมปราณในห้องฝึกฝนนานติดต่อกันถึง 11 ชั่วยาม สิบชั่วยามย่อมเป็นนางใช้แต้มภารกิจจากหอโอสถเทพแลกมา อีกหนึ่งชั่วยามนั้นเป็นไปตามสิทธิของนางที่ศิษย์สายนอกทุกคนจะได้ใช้ห้องฝึกฝนวันละหนึ่งชั่วยาม
อู๋เชียนหยิงมิได้ไปเล่าเรียนที่หอโอสถเทพและหอทวยเทพ หากยังคงไปฝึกซ้อมกระบี่วิญญาณเทพที่ลานฝึกซ้อมของหอศาสตราเทพร่วมกับผู้อื่นและไปนั่งฝึกฝนลมปราณที่หอลมปราณเทพทุกวัน วันละหนึ่งชั่วยาม
ระหว่างนี้เสี่ยวเฮยก็พยายามสืบหาเรื่องราวของวิชากระบี่วิญญาณเทพ ทว่ากลับไม่พบเบาะแสหรือร่องรอยใดๆ ทั้งสิ้น มันพยายามค้นหาอยู่ครึ่งเดือนก็ยังคงไร้วี่แววจนต้องตัดใจปล่อยวางไปก่อน ได้แต่คาดคิดว่าหากอู๋เชียนหยิงศึกษาเล่าเรียนที่สำนักวิญญาณเทพนานกว่านี้ คงต้องได้ทราบเบาะแสอะไรบ้าง
เวลาส่วนใหญ่อู๋เชียนหยิงจะอยู่ที่เรือนธาราเทพอันเป็นเรือนพักเพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับตำราสมุนไพรและตำราอักขระเวท ทั้งยังหัดหลอมกระดูกไปด้วย หลิวจื่อซิ่วและเฉินรุ่ยฟาง ศิษย์พี่ร่วมเรือนพักของนาง บางครั้งจะอยู่ที่เรือนพักกับนาง บางครั้งก็ออกไปเพื่อไปศึกษาวิชาที่พวกนางสนใจ
นับจากคืนนั้นที่นางฝันถึงท่านพ่อที่มาสอนกระบี่วิญญาณเทพให้นาง ทุกคืนนางจะฝันถึงท่าน บางคืนท่านพ่อของนางมาทบทวนกระบี่วิญญาณเทพให้ บางคืนก็สอนนางเรื่องสมุนไพรวิเศษ บางคืนก็สอนนางเกี่ยวกับอักขระเวทที่แสนยากให้ บางคืนก็สอนนางหลอมกระดูกว่ากระดูกเช่นใดควรหลอมอย่างไร ทว่าท่านพ่อของนางสอนอักขระเวทและการหลอมกระดูกให้นางเข้าใจได้อย่างง่ายดายนัก นางสามารถถามได้ทุกคำถามที่นางไม่เข้าใจ และท่านพ่อก็จะตอบนางจนเข้าใจ ท่านพ่อจะสอนนางอยู่ราวสองชั่วยามทุกคืน
ก่อนนางจะผล็อยหลับไปทุกครั้ง ท่านพ่อจะกอดนางไว้และจุมพิตหน้าผากของนาง อู๋เชียนหยิงอบอุ่นยิ่งนักในความฝันนั้น นางอยากให้ท่านพ่อกอดนางได้ในความเป็นจริง มิใช่เพียงความฝันเช่นนี้
ยามนี้ครบกำหนด 1 เดือนที่อาจารย์ที่หอโอสถเทพกำหนดแล้ว วันนี้เป็นวันที่อาจารย์ทดสอบความรู้ของนักเรียนใหม่ทั้ง 20 คน
“ข้าจะต้องได้คะแนนภารกิจ 500 คะแนน” อู๋เชียนหยิงบอกอย่างมุ่งมั่น
“เจ้าคิดจะทำคะแนนเต็ม?” เสี่ยวเฮยถามหยั่งเชิง
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจจะทำให้ได้ 95 คะแนน ข้าคิดว่าหากมีคนทำได้ ดีที่สุดพวกเขาสมควรทำได้เต็มที่ราว 90 คะแนน หากข้าทำ 95 คะแนน ข้าก็ชนะ ได้อันดับหนึ่ง”
“ดีที่เจ้าไม่ลืมว่าสมควรทำเช่นไร” เสี่ยวเฮยชมเชย
ยามนี้อู๋เชียนหยิงกำลังนั่งเขียนคำตอบอย่างขะมักเขม้น ข้อสอบครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดยากสำหรับนาง กล่าวได้ว่าง่ายมากสำหรับนางด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่เขียนคำตอบในแต่ละคำถาม นางจะเขียนอย่างไม่สมบูรณ์เพื่อให้คะแนนรวมออกมาไม่เกิน 95 คะแนนจาก 100 คะแนนตรงตามที่นางตั้งใจไว้
ผ่านไปอีกสามวัน หอโอสถเทพจึงประกาศผลการสอบ นางได้ 95 คะแนน ครองอันดับหนึ่งตามที่นางคาดไว้ ได้รับคะแนนภารกิจ 500 คะแนน หากผู้ที่ได้อันดับสองกลับเป็นเสวียนหย่ง เด็กน้อยทำได้ 92 คะแนน อู๋เชียนหยิงต้องนึกทึ่งในตัวสหายผู้นี้ ไม่เคยทราบเลยว่าเสวียนหย่งจะรู้เรื่องสมุนไพรได้ดีเช่นนี้
เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้น อาจารย์ที่หอโอสถเทพจึงเริ่มให้นักเรียนใหม่หัดปลูก ดูแล และเก็บเกี่ยวสมุนไพร
“เมล็ดสมุนไพรระดับฟ้าดินที่หอโอสถเทพมีมากมาย พวกเจ้าไปเลือกขอมาได้ตามต้องการว่าอยากจะปลูกสมุนไพรใด จำกัดเพียงว่าสมุนไพรหนึ่งชนิดสามารถขอได้ไม่เกิน 20 เมล็ด ต่อเมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวได้ดี นั่นจึงจะเป็นคะแนนให้พวกเจ้านำไปแลกเมล็ดสมุนไพรหรือแลกเป็นโอสถระดับฟ้าดินตามต้องการ เมล็ดสมุนไพรและโอสถในระดับศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเจ้าต้องใช้คะแนนภารกิจมาแลกเท่านั้น”
“ด้านหลังหอโอสถเทพมีแปลงเพาะปลูกที่ยังว่างอยู่ 100 แปลง พวกเจ้าจะได้รับคนละหนึ่งแปลง หากอยากได้แปลงเพาะปลูกเพิ่ม พวกเจ้าก็ต้องเอาคะแนนจากการเก็บเกี่ยวสมุนไพรมาแลก”
อู๋เชียนหยิงเลือกแปลงเพาะปลูกได้แปลงหนึ่ง เสวียนหย่งก็เลือกแปลงที่อยู่ติดกับนางทันที
“ข้าต้องเลือกแปลงติดกับเจ้า เผื่อข้าสงสัยอะไร ข้าจะได้เดินมาดูที่แปลงของเจ้าได้และยังถามเจ้าได้ด้วย” เสวียนหย่งบอกกล่าวอย่างไม่คิดอะไรให้มากความ
“ได้สิ พวกเราเป็นสหายกัน เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า เป็นเรื่องธรรมดา”
เสวียนหย่งต้องมองอู๋เชียนหยิงอย่างแปลกใจเมื่อเห็นนางทาบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนแปลงเพาะปลูก ครู่หนึ่งจึงได้เห็นประกายสว่างขึ้นใต้ฝ่ามือ ประกายสว่างนั้นพลันถูกดูดหายลงไปใต้พื้นดินอย่างรวดเร็ว ครู่ใหญ่เสวียนหย่งก็รู้สึกได้ว่าพื้นดินทั่วทั้งแปลงเพาะปลูกของอู๋เชียนหยิงมีความสมบูรณ์อย่างยิ่ง จากนั้นจึงค่อยเห็นพื้นดินในแปลงเพาะปลูกค่อยๆ ยุบลงเป็นหลุมเล็กๆ สำหรับการปลูกสมุนไพร ผ่านไปราวยี่สิบลมหายใจ หลุมเล็กๆ จำนวน 100 หลุมก็เสร็จเรียบร้อย
“เจ้าทำอะไรน่ะ เชียนหยิง” เสวียนหย่งถามอย่างสงสัย แม้วิธีการคล้ายเดิมที่เคยเห็นแต่กลับมีบางอย่างผิดไปจากเดิม
“ข้าเติมเต็มธาตุต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับสมุนไพรแล้วจึงค่อยปลูกมัน” เสวียนหย่งพยักหน้าเข้าใจก่อนจะทำตามอู๋เชียนหยิง
ไม่เกินหนึ่งเค่อทั้งสองก็ปลูกสมุนไพรเสร็จสิ้น นักเรียนอื่นได้แต่มองพวกเขาอย่างแปลกใจว่าไฉนพวกเขาจึงปลูกเสร็จเร็วนัก
อู๋เชียนหยิงและเสวียนหย่งแวะไปดูแลแปลงปลูกสมุนไพรทุก 7 วัน ทุกครั้งที่ไปนางจะคอยตรวจดูพื้นดินในแปลงเสมอว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมนางจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมทุกครั้ง ด้วยเพราะนางสามารถใช้ได้ทุกธาตุเช่นเดียวกับมหาเทพชางเล่ยผู้เป็นบิดา การปรับเปลี่ยนธาตุในพื้นดินจึงง่ายดายสำหรับนางนัก แต่กับเสวียนหย่งที่ไม่สามารถใช้ทุกธาตุเช่นเดียวกับนาง จึงต้องพึ่งพาอู๋เชียนหยิงให้ช่วยปรับปรุงให้ด้วย
สมุนไพรในแปลงที่นางปลูกล้วนเติบโตเร็วกว่าแปลงอื่นและยามนี้สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แน่นอนว่าสมุนไพรจากแปลงของนางและเสวียนหย่งย่อมสมบูรณ์กว่าของผู้อื่น หากความผิดแปลกนี้ยังคงไม่สะดุดตาผู้ใด ทุกคนเพียงคิดว่านางและเสวียนหย่งมีฝีมือปลูกสมุนไพรได้ดีเท่านั้น
ผ่านมาอีกสองเดือนจึงครบกำหนดสามเดือนที่หอทวยเทพกำหนดให้มีการทดสอบอักขระเวทและการหลอมกระดูกสัตว์ ช่วงที่ผ่านมาแม้อู๋เชียนหยิงจะร่ำเรียนกระบี่วิญญาณเทพจากในความฝัน หากนางก็ยังคงจดจำได้เพียง 25 กระบวนท่า แต่ความชำนาญใน 25 กระบวนท่ากลับเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง
