บท
ตั้งค่า

บทที่ 20 เริ่มชีวิตศิษย์สำนักวิญญาณเทพ (ต้น) [2/3]

“ชั้นที่ 1-30 สำหรับศิษย์สายนอกทั่วไปเช่นพวกเจ้า ชั้นที่ 31-32 สำหรับศิษย์สายนอกชั้นยอด ชั้นที่ 33-34 สำหรับศิษย์สายใน ชั้นที่ 35 สำหรับศิษย์ส่วนตัวของเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนัก ชั้นที่ 36 สำหรับรองเจ้าหอทั้งสี่ ชั้นที่ 37 สำหรับเจ้าหอทั้งสี่ และชั้นที่ 38 สำหรับท่านเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนัก”

“ชั้นสำหรับศิษย์สายนอกชั้นยอดและศิษย์สายในจะมีเพียงชั้นละห้าห้อง เพราะผู้ที่จะเป็นศิษย์สายนอกชั้นยอดและสายในได้จะมีเพียงสิบคนเท่านั้น ชั้นสำหรับศิษย์ส่วนตัวจะมีเพียงสามห้อง เพราะศิษย์ส่วนตัวจะมีเพียงเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักทั้งสองเท่านั้นที่สามารถรับได้”

“จำนวนชั่วยามที่ใช้ได้สำหรับศิษย์สายนอกอย่างพวกเจ้าคือครั้งละไม่เกินหนึ่งชั่วยาม หากต้องการมากกว่านี้ต้องไปทำภารกิจที่หอภารกิจเทพเพื่อนำคะแนนมาแลกเป็นจำนวนชั่วยามที่เพิ่มขึ้น ส่วนศิษย์สายนอกชั้นยอด ศิษย์สายใน ศิษย์ส่วนตัว พวกเขาสามารถมาใช้ห้องฝึกฝนได้ทุกเวลา”

อู๋เชียนหยิงจดจำไว้ในใจ เมื่อเสร็จสิ้นจากการอธิบาย นักเรียนใหม่ทั้ง 20 คนจึงได้ลองเข้าไปใช้ห้องฝึกลมปราณ อู๋เชียนหยิงเข้ามาในห้องแห่งหนึ่ง ในห้องนั้นไม่มีการประดับตกแต่งใด บนผนังมีเพียงเชิงเทียนเล็กๆ ทั้งสามด้าน กระถางกำยานเล็กๆ วางที่มุมห้องทั้งสี่ ผนังด้านหนึ่งวางไว้ด้วยเบาะสีแดงหม่นขนาดใหญ่สำหรับใช้นั่งฝึกฝนลมปราณ

“นับว่ามีปราณทิพย์ในระดับที่ดีไม่น้อยแม้จะไม่อาจเทียบได้กับแท่นมังกรขดกาญจนา เชียนหยิง เจ้าฝึกฝนที่นี่ ระดับลมปราณสมควรเลื่อนขั้นได้ง่ายขึ้น เจ้ามีเวลาหนึ่งชั่วยามก็ฝึกฝนเถิด เสร็จแล้วจะได้ไปหอภารกิจเทพกัน” เสี่ยวเฮยเอ่ยบอกหลังจากสัมผัสถึงปริมาณปราณทิพย์ในห้องแห่งนี้

อู๋เชียนหยิงนั่งโคจรลมปราณตามแนวทางที่เสี่ยวเฮยสอนนางมาตั้งแต่ครั้งที่อยู่ที่แท่นมังกรขดกาญจนา นั่งโคจรลมปราณไปได้เกือบหนึ่งชั่วยาม นางพลันรู้สึกได้ถึงปริมาณลมปราณในร่างที่พลันเอ่อท้นอย่างรวดเร็ว เป็นลักษณะที่บ่งบอกชัดเจนว่านางกำลังจะเลื่อนระดับลมปราณ

อู๋เชียนหยิงทราบดีว่าการเลื่อนระดับลมปราณของนางช้าลงกว่าเดิมแม้นางจะพยายามฝึกฝนเพียงใด เพราะในนครประกายเทพ ปริมาณปราณทิพย์เบาบางอย่างยิ่ง การเลื่อนระดับลมปราณจึงทอดเวลานานออกไป หากเมื่อนางเข้ามาในห้องฝึกฝนนี้ นั่งโคจรเพียงไม่นาน ระดับลมปราณของนางก็ใกล้จะเลื่อนขั้น นั่นเพราะนอกเหนือจากระดับปราณทิพย์ที่มากพอแล้ว อีกส่วนย่อมเป็นเพราะระดับลมปราณในร่างของนางนั้นใกล้จะเลื่อนระดับได้แล้ว

ไม่นานนักระดับลมปราณที่เอ่อล้นพลันรวมตัวที่จุดตันเถียนของนาง ลมปราณนั้นควบรวมอัดแน่นกลายเป็นกลุ่มพลังขุมใหญ่ขุมหนึ่ง จากนั้นนางรู้สึกได้ว่ามีพลังบางอย่างจากหัวใจของนางพุ่งดิ่งตรงสู่จุดตันเถียนของนางก่อนจะเข้าควบคุมและหลอมรวมขุมพลังที่อัดแน่นนั้นให้กลายเป็นสายธารพลังสายหนึ่งที่แพร่กระจายผ่านจุดชีพจรทั้ง 54 จุดของนางอย่างรวดเร็วแต่ก็นุ่มนวลที่สุด ก่อนจะโคจรหมุนวนไปทั่วร่างของนางเช่นลมปราณปกติ นางรู้สึกได้ทันทีว่าระดับลมปราณของตนเลื่อนระดับจากแตกหน่อขั้นที่ห้าสู่ขั้นที่หก

หากมีผู้ใดทราบว่าลมปราณของอู๋เชียนหยิงสามารถโคจรผ่านจุดชีพจรทั้ง 54 จุด ทุกผู้คนต้องตกตะลึง นั่นเพราะการเปิดจุดชีพจรนั่นยากเย็นยิ่งนัก ในแดนดาราระดับล่างสุดที่ดาวเคราะห์ธาราครามนี้ดำรงอยู่นั้น การเปิดจุดชีพจรได้มากที่สุดก็เพียง 15 จุดเท่านั้น เพียงสิบห้าจุดก็นับว่าเลิศล้ำกว่าผู้ใดไปมากแล้ว แต่การเปิดจุดชีพจรทั้ง 54 จุดนั้นกล่าวได้ว่าสวรรค์เมตตา เป็นบุตรสุดที่รักของสวรรค์เลยทีเดียว

แน่นอนว่าผู้ที่เปิดจุดชีพจรนี้ให้นางย่อมเป็นเสี่ยวเฮย เมื่ออู๋เชียนหยิงอายุ 12,000 ปี มันก็ใช้วิชาดรรชนีมารสุริยันของเทพมารทลายสวรรค์จื่อเซียเปิดจุดชีพจรให้นางทั้งหมด เพราะอายุ 12,000 ปีนับเป็นอายุแรกเริ่มที่สามารถเปิดจุดชีพจรได้ และยิ่งเปิดจุดชีพจรได้เร็วเท่าใดก็ยิ่งเป็นผลดีกับการฝึกฝน นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่การเลื่อนระดับลมปราณของอู๋เชียนหยิงจึงทำได้ง่ายกว่าผู้อื่น

“ระดับลมปราณของเจ้าเลื่อนระดับแล้ว” เสี่ยวเฮยทักขึ้นทันทีที่นางลืมตา อู๋เชียนหยิงแย้มยิ้มอย่างดีใจ

“ยังคงมีพลังประหลาดจากหัวใจของเจ้ามาช่วยในการเลื่อนระดับใช่หรือไม่”

นางพยักหน้าตอบรับ “มันคือพลังใด พี่เสี่ยวเฮย พลังนี้จะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ข้าจะเลื่อนระดับลมปราณ”

“เจ้าต้องทำให้ลมปราณของเจ้าอยู่ในระดับเจ้าเซียนขั้นที่หนึ่งเสียก่อน ทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ ข้าจะบอกจนหมดสิ้น”

“ข้าจะทำให้ได้ ถึงวันนั้นพี่เสี่ยวเฮยต้องบอกข้าทุกอย่าง”

เสี่ยวเฮยลอบทอดถอนใจ แม้จะมีลมปราณระดับเจ้าเซียนขั้นที่หนึ่ง มันก็ทราบดีว่ายังห่างไกลนักที่อู๋เชียนหยิงจะกระทำสิ่งใดเมื่อนางเข้าสู่ห้วงแห่งสุขาวดี

“พวกเราไปหอภารกิจเทพกันเถิด จะได้ทราบว่ามีภารกิจใดบ้างที่เจ้าสามารถทำได้ จะได้นำมาแลกเป็นเวลาที่ใช้ในห้องฝึกฝนนี้” เสี่ยวเฮยชักชวนขึ้น

อู๋เชียนหยิงยื่นมือมาอุ้มเสี่ยวเฮยไปใส่ไว้ในถุงผ้าที่นางคล้องคอติดตัวเสมอก่อนจะลุกเดินออกไป

ณ หอภารกิจเทพ สำนักวิญญาณเทพ

มีเหล่านักเรียนมากมายมาที่หอภารกิจเทพเพื่อมาขอรับภารกิจ อู๋เชียนหยิงเดินเมียงมองอยู่ชั่วครู่ก็ยังไม่ทราบว่าจะเริ่มถามผู้ใดดี เพราะยามนี้อาจารย์ที่ประจำที่นี่กำลังวุ่นวายกับการจดบันทึกภารกิจที่มีคนมาขอรับและภารกิจที่มีคนมาส่ง

“นี่ นี่ เชียนหยิง เจ้าก็มาหาภารกิจ?”

เสียงของเด็กชายผู้หนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ตัว เมื่อหันไปมองดูจึงพบว่าเป็นเสวียนหย่ง สหายที่พบเจอกันก่อนการทดสอบฝีมือ อู๋เชียนหยิงต้องแย้มยิ้มอย่างดีใจ อย่างน้อยนางก็พบเจอคนรู้จักแล้ว

“ใช่ แต่ข้ายังไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง”

“ข้ารู้แล้วล่ะ เห็นเจ้าชะเง้อชะแง้ไม่รู้จะถามผู้ใด ตอนที่เจ้าออกจากห้องฝึกฝน พอดีข้าออกมาก่อนเจ้าเพราะคาดไว้อยู่แล้วว่าคนต้องมาที่นี่มาก เลยรีบมาก่อนเผื่อจะได้สอบถามได้มากขึ้น”

“แล้วเจ้ารู้อะไรบ้าง บอกข้าบ้างสิ”

“เจ้ามาทางนี้กับข้าดีกว่า ข้าไปขอรายละเอียดมาจากอาจารย์ประจำหอภารกิจเทพแล้วล่ะ พวกเรามานั่งดูด้านนี้กันดีกว่า”

เสวียนหย่งเดินนำอู๋เชียนหยิงมายังด้านนอกหอภารกิจเทพที่มีโต๊ะเก้าอี้อยู่หลายชุดจัดวางไว้สำหรับให้นั่งพักผ่อน เด็กชายเลือกนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งก่อนจะคลี่ม้วนกระดาษออกมาวางตรงหน้าของตนเองและอู๋เชียนหยิง

“ภารกิจจะแบ่งเป็นระดับดาว เริ่มตั้งแต่หนึ่งดาวไปจนถึงห้าดาว สี่ดาวคือภารกิจระดับสูงสุด ระดับดาวของภารกิจจะกำหนดตามระดับลมปราณของผู้รับภารกิจ หนึ่งดาวสำหรับลมปราณระดับแตกหน่อ สองดาวสำหรับผลิดอก สามดาวสำหรับรวมปราณ สี่ดาวสำหรับพิชิต และห้าดาวสำหรับมองทะลุ”

“ตอนนี้พวกเรารับได้เพียงภารกิจระดับหนึ่งดาวเท่านั้น เมื่อใดที่ลมปราณเลื่อนไปอยู่ในระดับผลิดอก เราถึงจะรับภารกิจระดับสองดาวได้”

“แล้วภารกิจระดับหนึ่งดาวมีอะไรบ้าง” อู๋เชียนหยิงถามต่ออย่างสนใจ

“เรื่องนั้นเดี๋ยวข้าค่อยบอก มาดูคะแนนที่พวกเราต้องสะสมเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการ” เสวียนหย่งวางกระดาษอีกแผ่นก่อนจะเริ่มอธิบาย

“ตอนนี้พวกเราต้องการจำนวนชั่วยามในห้องฝึกฝนเพิ่มขึ้น คะแนนสำหรับเพิ่มขึ้นหนึ่งชั่วยามคือ 100 คะแนน”

“ร้อยคะแนนก็ไม่มากเท่าใด พวกเราทำได้แน่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel