บท
ตั้งค่า

บทที่ 18 เรียนรู้มนุษย์ (5) [3/3]

“ข้าล่ะอิจฉาเจ้าแทบตาย ทำอย่างไรจึงได้คะแนนเต็มทุกข้อ” น้ำเสียงใสซื่อจริงใจบอกกล่าวอย่างไม่ปิดบัง

“ข้าแค่โชคดีเท่านั้น อ่านตำรามาตรงกับข้อสอบพอดี” อู๋เชียนหยิงตอบตามที่เสี่ยวเฮยสอนนางไว้เรื่องการปกปิดความสามารถตนเอง ทว่าคำ ‘อิจฉา’ ของเสวียนหย่งทำให้นางนึกได้ถึงคำพูดของเสี่ยวเฮย

“เจ้าเนี่ยนะโชคดี ข้าล่ะอยากโชคดีเช่นเจ้าจริงๆ”

“นี่ เชียนหยิง เจ้าเอาแมวดำตัวนี้ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลยรึ” เสวียนหย่งถามอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นใครติดแมวเท่านาง

“พี่เสี่ยวเฮยกับข้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน”

“มันชื่อเสี่ยวเฮยรึ สมตัวดี หน้าตามันก็น่ารักไม่เบานะ”

“แน่นอน พี่เสี่ยวเฮยน่ารักที่สุด” นางโอ้อวดทันที

“แล้วหากเจ้าสอบเข้าสำนักวิญญาณเทพได้ พวกอาจารย์จะยอมให้เจ้าเอาเสี่ยวเฮยไปเลี้ยงด้วยรึ”

“ยอมสิ พี่ใหญ่ถามให้แล้ว พวกอาจารย์ให้เลี้ยงได้แต่ข้าต้องดูแลให้ดี อย่าให้พี่เสี่ยวเฮยไปซุกซนรบกวนใคร”

“จริงสิ ข้าก็ลืมไป คุณชายใหญ่อู๋จิ่นฟาน พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักวิญญาณเทพนี่นา”

อู๋เชียนหยิงและเสวียนหย่งนั่งรับประทานไปและพูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสิ้นเวลาพักและเริ่มการทดสอบฝีมือรอบสุดท้าย ผ่านไปไม่นานอาจารย์อาวุโสก็จับสลากได้ชื่อของเสวียนหย่งและเด็กน้อยอีกคน

“โชคดีนะ เสวียนหย่ง ขอให้เจ้าชนะ ได้เข้าเรียนที่สำนักวิญญาณเทพ” อู๋เชียนหยิงอวยพร

“ข้าจะพยายาม หากข้าไม่ได้เข้าเรียนที่นี่ ท่านแม่คงเสียใจมาก ข้าไม่อยากให้ท่านแม่เสียใจ”

เสวียนหย่งเดินขึ้นลานประลองไป อู๋เชียนหยิงนั่งมองเสวียนหย่งต่อสู้ไปได้ครู่หนึ่งก็ต้องมีสีหน้าเคร่งเครียด

“พี่เสี่ยวเฮย ท่านว่าเสวียนหย่งจะชนะหรือไม่”

“ชนะ แต่ก็ฉิวเฉียดอย่างที่สุด เจ้าอยากให้เด็กน้อยนี้ชนะ?”

“อื้อ เขากับข้าพูดคุยถูกคอกันดี นิสัยเขาก็ดูใช้ได้ ข้าเพิ่งมีเขานี่แหละเป็นสหายคนแรก ข้าก็อยากให้เขาชนะ”

สิ้นประโยคนี้ เสวียนหย่งก็เอาชนะอีกฝ่ายได้พอดี อู๋เชียนหยิงยิ้มอย่างดีใจ เสวียนหย่งหันมายิ้มกว้างให้นางก่อนจะเดินไปนั่งยังที่นั่งของเด็กที่ผ่านการทดสอบฝีมือ

“อู๋เชียนหยิงและเสวียนจื้อ”

อู๋เชียนหยิงนึกไม่ถึงว่านางจะต้องมาต่อสู้กับเสวียนจื้อ บุตรชายคนโตของแม่ทัพเสวียนอู่กับฮูหยินเอก

“เด็กผู้หญิงอย่างเจ้าที่มีดีแค่ท่องตำราจนทำคะแนนได้ดีกว่าคนอื่นคิดหรือว่าจะชนะข้า ได้เข้าศึกษาที่สำนักวิญญาณเทพ” เสวียนจื้อเอ่ยวาจาถากถาง

เด็กน้อยนี้อิจฉาอู๋เชียนหยิงตั้งแต่เห็นคะแนนสอบของนาง เพราะคะแนนสอบของมันอยู่ในลำดับสอง มันทำคะแนนได้ 90 คะแนน ซึ่งมันมั่นใจว่ามันจะได้ลำดับที่หนึ่งในการสอบข้อเขียน แต่เมื่อมันเห็นรายชื่อผู้ที่ได้คะแนนมากกว่าตนคือเด็กหญิงผู้หนึ่ง มันก็ไม่พอใจทันทีเพราะมันเสียหน้า ไม่ว่าใครต่อใครล้วนคาดหวังว่ามันจะสอบข้อเขียนได้เป็นที่หนึ่ง

ทุกคนมองเห็นอู๋เชียนหยิงกรอกตารอบหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย นางพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะกล่าว “พูดจบแล้วหรือไม่ พูดเสร็จแล้วก็ลงมือได้แล้ว ข้าขี้เกียจรอ”

เสวียนจื้อมีโทสะทันที มันพุ่งทะยานเข้าหาอู๋เชียนหยิง มือรวบกำเป็นหมัดก่อนจะชกออก เป้าหมายย่อมเป็นหน้าอกของอู๋เชียนหยิง มันตั้งใจชกให้นางหมดสติ แต่อู๋เชียนหยิงไม่มีท่าทีจะหลบหากแต่พุ่งเข้าหาเสวียนจื้อด้วยท่าร่างเงาจันทร์เลือนลับ นางยื่นแขนออกไป ลมปราณระดับแตกหน่อขั้นที่ห้าในร่างถูกโคจรอย่างรวดเร็วผิดธรรมชาติของมนุษย์หากแต่เป็นเรื่องปกติของเทพเซียนถูกใช้ออก มือของอู๋เชียนหยิงคว้าจับที่มือของเสวียนจื้อและฉุดดึงให้มันถลาไปข้างหน้าของมัน ขณะที่นางเอี้ยวตัวหลบมาอยู่ด้านหลังของมันก่อนจะฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางหลังเต็มแรง แรงฟาดนั้นส่งให้เสวียนจื้อถลาไปข้างหน้าต่ออย่างรวดเร็วจนหลุดออกนอกลานประลอง

มองเห็นเสวียนจื้อสะดุดล้มที่นอกลานประลอง หน้าจูบกับพื้นดินเต็มรัก มันรู้สึกหมุนคว้างจนมองเห็นดาวลอยเต็มฟ้า ครู่หนึ่งจึงค่อยรู้สึกตัว เสวียนจื้อรีบลุกขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าสู่ลานประลองอีกครั้ง หมัดถูกกำแน่นพร้อมที่จะเอาคืนอู๋เชียนหยิง ทว่า...

“เสวียนจื้อออกนอกลานประลองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อู๋เชียนหยิงชนะ รับเป็นศิษย์สำนักวิญญาณเทพ” เสียงของอาจารย์อาวุโสผู้หนึ่งดังขึ้น อาจารย์ผู้นี้ต้องแปลกใจกับกระบวนท่าของอู๋เชียนหยิง นั่นเพราะเพียงท่าเท้าที่นางใช้เคลื่อนไหวก็รวดเร็วจนเกินระดับของเด็กน้อยวัย 12 ปีไปแล้ว แต่นี่เพียงกระบวนท่าเดียว นางก็สามารถเอาชนะไปอย่างง่ายดาย แทบจะไม่ได้ออกแรงสักเท่าใด เรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นบ่อยนักในการทดสอบนักเรียนใหม่

เสวียนจื้อตะลึงงัน ยามนี้มันจึงเพิ่งรู้ตัวว่ามันหลุดออกนอกลานประลองและมันวิ่งกลับเข้ามา

“ขอบคุณท่านอาจารย์” อู๋เชียนหยิงประสานมือก้มศีรษะคำนับก่อนจะเดินไปอุ้มเสี่ยวเฮยมา มองเห็นเสวียนหย่งกวักมือเรียกนางให้ไปนั่งด้วยกัน

เด็กหลายคนที่นั่งชมอยู่ต่างเหลือบมองนางอย่างทึ่งจัด หากก็อิจฉานางไม่น้อย เพราะนางจบการต่อสู้ได้ไวที่สุดนับแต่ประลอง กล่าวได้ว่าใช้เวลาเพียงสามอึดใจเท่านั้นก็เสร็จสิ้น ขณะที่ผู้อื่นใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเค่อจนถึงหนึ่งเค่อ

เสวียนจื้อเดินคอตกออกจากลานประลอง มันแพ้อย่างไร้ข้อกังขา ฮูหยินเอกของแม่ทัพเสวียนอู่ที่มานั่งชมก็กล่าวอะไรไม่ออก ได้แต่ต้องรอปีหน้าที่สำนักวิญญาณเทพเปิดรับนักเรียนใหม่อีกครั้ง

ใช้เวลาอีกราวหนึ่งชั่วยาม การทดสอบฝีมือจึงเสร็จสิ้น สำนักวิญญาณเทพก็ได้ศิษย์ใหม่ครบ 20 คน

“ปีนี้สำนักวิญญาณเทพได้ศิษย์หญิง 5 คน และศิษย์ชาย 15 คน ศิษย์หญิงทั้งห้าให้ตามจางหยวนลี่ไป นางเป็นอาจารย์หญิงที่ดูแลเรือนพักของศิษย์สายนอกที่เป็นสตรี ส่วนศิษย์ชายให้ตามหวังต้าเจิงไป เขาเป็นอาจารย์ที่ดูแลเรือนพักของศิษย์บุรุษ พวกเขาทั้งสองจะจัดเรือนพักและผู้อยู่ร่วมเรือนให้พวกเจ้า รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับศิษย์สายนอก ยามนี้ให้พวกเจ้าทั้งยี่สิบคนไปร่ำลาผู้ที่มาส่งเจ้าให้เรียบร้อย” อาจารย์อาวุโสผู้หนึ่งกล่าวขึ้น

อู๋เชียนหยิงรีบเดินไปหาหวงจิ้งหรงทันที รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยเพราะนางอยู่กับหวงจิ้งหรงมาห้าปีเต็ม

“ท่านแม่”

“ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนนะลูก อย่าได้กังวลอะไรทั้งสิ้น มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาจิ่นฟาน พี่ใหญ่ของเจ้า และอย่าลืมส่งจดหมายหาแม่กับพ่อทุกเดือน” หวงจิ้งหรงสั่งความอย่างห่วงใย

“เจ้าค่ะ ลูกจะเขียนจดหมายหาพวกท่านทุกเดือน”

หวงจิ้งหรงสวมกอดอู๋เชียนหยิงไว้ครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจปล่อยนางออก “เจ้ารีบเข้าไปเถิด อย่าให้ท่านอาจารย์รอนาน”

“เจ้าค่ะ ลูกไปก่อน ท่านแม่ดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ”

อู๋เชียนหยิงกล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะเข้าไปกอดหวงจิ้งหรงไว้ แม้หวงจิ้งหรงมิใช่มารดาแท้จริงของนางแต่ก็เลี้ยงดูและดูแลนางมาอย่างดีตลอดห้าปีที่ผ่านมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel