ตอนที่สาม อ่อนบางกลายเป็นเข้มแข็ง2
ตอนที่สาม อ่อนบางกลายเป็นเข้มแข็ง
ขันทีผู้รับผิดชอบรีบเข้ามาสอบถามเพื่อเตรียมการขณะสาวใช้คนสนิทของซ่งชิงเหม่ยหน้าเหว่อซีดขาวไปนานแล้ว
คุณหนูไม่ได้เตรียมการหรือฝึกซ้อมสิ่งใดสักหน่อย จะทำการแสดงใดได้ นี่ต้องเป็นคุณหนูรองที่คิดกลั่นแกล้งให้เสียหน้าแน่ ต้องรีบไปแจ้งแก่นายท่านแล้ว
ยังไม่ทันผละไปก็ได้ยินเสียงซ่งชิงเหม่ยสั่งการให้เดินตาม สาวใช้ ‘เสี่ยวชุน’ จึงต้องรีบตามนายสาวเข้าไปยังห้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเร็ว
ซ่งชิงเหม่ยเอ่ยขอชุดทะมัดทะแมงเพื่อเปลี่ยนแทนชุดกรีดกรายรุ่มร่ามก่อนจะพบว่า ผ้าปิดอายชิ้นล่างของนางหายไป
มิน่า รู้สึกโล่งๆ
คงหายไปตั้งแต่ในห้องนั้น
ทำยังไงดี ถ้ามีคนอื่นเห็นเข้า
แต่...พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของผู้ใด
คงไม่มีการพิสูจน์กลิ่นหรือตรวจสอบเส้นขนเหมือนอย่างปัจจุบันหรอกมั้ง
หญิงสาวคิดไปคิดมาแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะลองออกท่าออกทางเพื่อทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย
แน่นอนว่าซ่งชิงเหม่ยเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอซึ่งมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นจึงทั้งบอบบางอ่อนแอ ผิดกับมายซึ่งเป็นครูฝึกการต่อสู้ผู้เชี่ยวชาญกลยุทธ์หลากหลาย
โชคดีที่เมื่อก่อนมายเองก็มีรูปร่างเล็กบางเรี่ยวแรงน้อยจึงคิดค้นวิธีการต่อสู้ชนิดที่ไม่ต้องใช้แรงหรือสิ้นเปลืองพลังให้มากอย่างเช่นการยืมแรงผู้อื่น หรือการออกท่าให้ผู้อื่นหวาดกลัว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงวันที่แข็งแกร่งจนเป็นที่ยอมรับให้เป็นครูผู้สอน หญิงสาวที่ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักจึงผสมผสานท่วงท่าได้อย่างช่ำชอง
คิดจะทำให้นางขายหน้าหรือ
ชิ แผนเด็กๆตื้นๆเช่นนั้นก็กล้านำออกมาใช้
มายในร่างของซ่งชิงเหม่ยคิดอย่างโมโหที่มาถึงก็ได้รับการต้อนรับจากน้องสาวต่างมารดาอย่างไม่หวังดี
ครั้นได้เวลา ขันทีจึงเดินนำหน้าซ่งชิงเหม่ยไปตรงกลางลานเพื่อทำความเคารพเหล่าผู้สูงศักดิ์
“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณหนูใหญ่ซ่งจะแสดงสิ่งใดให้พวกเราชมหรือ” องค์ชายสามถามด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ
เขาเป็นองค์ชายซึ่งกำเนิดจากสนมซูเฟยมีบุคลิกงามสง่าท่วงท่าเคร่งขรึมทั้งอยู่ในวัยเหมาะสมจึงเป็นตัวเลือกชั้นดีสำหรับตำแหน่งรัชทายาท ที่ผ่านมาองค์ชายผู้นี้จึงมักวางตัวดีมีมารยาทไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
“การแสดงนี้เรียกว่า ‘อ่อนบางกลายเป็นเข้มแข็ง’เพคะ” หญิงสาวบอกชื่อที่เพิ่งคิดขึ้นมาสดๆร้อนๆด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“อืม...ฟังน่าสนใจทีเดียว แล้วนี่น้องเจ็ดอยู่ที่ใดกัน หายไปตั้งนานแล้ว เขาควรต้องอยู่ชื่นชมว่าที่ชายามิใช่หรือ”
จู่ๆองค์ชายรองซึ่งเติบโตมาในตำหนักฮองเฮาเช่นกันก็ถามหาน้องชายคนสนิท ทำให้ทุกคนต่างเหลียวมองหาตามกันไป
แม้องค์ชายองค์นี้จะกำเนิดจากสนมขั้นผินแต่ด้วยมารดาสิ้นชีวิตไปตั้งแต่เยาว์วัยจึงถูกเลี้ยงดูอุ้มชูโดยจวงฮองเฮาอีกคน นั่นจึงทำให้คนอื่นภายนอกมองว่าองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดสนิทสนมกันไม่น้อย
ผ่านการมองไปมองมาไม่นาน ใบหน้าที่เห็นเลือนรางในความมืดใต้แสงจันทร์ก็ค่อยๆโผล่เข้ามาใกล้ก่อนจะส่งเสียงออกมา
“ข้าลืมของจึงเดินกลับไปหยิบที่ตำหนัก”
มายในร่างซ่งชิงเหม่ยมองตามท่วงท่าการเดินอย่างไม่ทุกข์ร้อนแล้วกดสายตาลงมองส่วนกลางหว่างขาของเขาเพื่อให้แน่ใจ
ชายในห้องผู้นั้น ใช่หรือไม่
แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดนัก ทั้งสติยังเลือนรางไม่สมบูรณ์ แต่ซ่งชิงเหม่ยค่อนข้างมั่นใจ
ยิ่งเห็นสายตาคล้ายเยาะหยันของเขาที่มองมากับอากัปกิริยาเดินไม่ตรง หญิงสาวยิ่งมั่นใจมากขึ้น
แต่...นางเป็นคู่หมาย เป็นว่าที่ชายาขององค์ชายเจ็ดอยู่แล้ว ซ่งชิงหลินจะวางแผนวางยากำหนัดให้พวกเขาสองคนร่วมรักกันก่อนเวลาเพื่ออันใด
