ตอนที่สอง ชายคนนั้น
ตอนที่สอง ชายคนนั้น
ครั้นพอเริ่มมีสติ สายตาจับผิดจึงกวาดตามองโดยรอบอีกครั้ง
ฉากนี้สมจริงเหลือเกิน
บรรยากาศกลางสวนดอกเหมยซึ่งเบ่งบานสะพรั่ง ตำแหน่งที่นั่งลดหลั่นกันจนพอบอกได้ว่าคนไหนสูงศักดิ์กว่า ไม่อยากเชื่อว่ากลางเวทีสามารถสร้างฉากอลังการได้ขนาดนี้
‘นั่นก็ด้วยนี่คือสถานที่จริงอย่างไรเล่า’
เสียงที่จู่ๆก็ดังออกมาจากในหัวทำให้หญิงสาวเลิ่กลั่กทำสีหน้าแตกตื่น
“คุณหนูใหญ่ เหตุใดทำสีหน้าเช่นนั้น ปวดเบาหรือเจ้าคะ”
สาวใช้ก้มหน้าถามอย่างห่วงใยด้วยคุณหนูของนางดื่มชาไปมากเพียงนั้น
‘อย่าทำตัวให้เป็นที่ผิดสังเกต ไม่มีผู้ใดได้ยินข้านอกจากเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น’
คราวนี้หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินเสียงที่เอ่ยนั้นจึงสงบจิตสงบใจคิดคำพูดคุย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
‘เมื่อครู่เจ้าคิดอธิษฐานในใจว่าอยากมาอยู่ในยุคสมัยที่สตรีเป็นใหญ่ ได้ต่อสู้ห้าวหาญดังเช่นการแสดงที่เห็นมิใช่หรือ’
ใช่ แล้วจู่ๆทำไมถึงให้ฉันขึ้นมาแสดงด้วยโดยไม่ถามความสมัครใจเสียก่อน
มายกำมือด้วยความไม่พอใจ
‘นี่ไม่ใช่การแสดง แต่คือวังหลวงจริง’
คราวนี้หญิงสาวตาเหลือกหันไปมองบรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง
บ้าไปแล้ว!
‘ข้าอุตส่าห์ช่วยนำพามาดังประสงค์ เหตุใดจึงถูกต่อว่าต่อขานเช่นนี้เล่า’เสียงคล้ายน้อยใจไม่ได้ทำให้มายสงสารยังคงต่อว่าในใจ
จะพามาก็ต้องบอกกันดีดีให้ได้ตั้งตัวเตรียมใจ หรือสอบถามความสมัครใจเสียก่อนไม่ใช่พามากะทันหันแบบนี้
สีหน้าของหญิงสาวแลย่ำแย่จนสาวใช้ด้านข้างเริ่มกังวลแต่การโต้ตอบในใจยังคงดำเนินต่อไป
‘สตรีที่เจ้าสวมร่างอยู่ถูกวางยากำหนัด ด้วยร่างกายอ่อนแอจึงสิ้นลมโดยไม่ได้สั่งลา ข้าได้โอกาสจึงพาเจ้ามาโดยทันทีไม่อาจชักช้า ด้วยร่างเดิมอธิษฐานในช่วงเวลาเดียวกันว่าขอให้มีใครสักคนมาช่วยและขอให้นางได้สมหวังกับชายที่รักตัวเองจากใจจริง
เมื่อแรงอธิษฐานประจวบเหมาะตรงกันจึงเกิดความอัศจรรย์ดังนี้’
ความอัศจรรย์หรือ? มายขมวดคิ้วจนยับย่น
‘ใช่ ความอัศจรรย์ไม่อาจลังเลด้วยอาจเกิดเหตุวุ่นวายในภายหลัง’
แล้วฉันจะได้กลับไปไหม
แม้ไม่อยากเชื่อแต่มายยังคงสอบถามเรื่องสำคัญ
‘ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าทำตามแรงปรารถนาของร่างเดิมสำเร็จและเจ้ายังยืนยันที่จะกลับไป’
หมายความว่าฉันยังไม่ตายใช่ไหม
‘ร่างของเจ้าเพียงหลับใหลชั่วคราว ยกเว้นว่าเจ้าไม่ได้กลับไปแล้วจึงจะสิ้นลมไปตามอายุขัย’
ค่อยยังชั่ว
คราวนี้มายถอนหายใจยาวจนสาวใช้เริ่มลังเลว่าควรไปรายงานท่าทางผิดแปลกของนายสาวกับนายท่านผู้เป็นบิดาหรือไม่
มายไม่ได้สนใจยังคงขบคิดวนเวียนอยู่ในใจ
ว่าแต่ ความปรารถนาของร่างนี้คืออะไรนะ
อืม...ขอให้ได้สมหวังกับชายที่รักตัวเองจากใจจริง
ยังมีคนคิดแบบนี้อีกหรือ ฝันหวานเกินไปแล้ว
มายยิ้มเยาะอย่างไม่เชื่อในความรักเพราะตัวเธอเองก็อกหักซ้ำซากจนถึงขั้นสาบส่งผู้ชายไปแล้ว
ทันใดนั้นความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเวียนเข้ามาทีละน้อยเพื่อให้เธอได้ซึมซับทำความเข้าใจ
‘ซ่งชิงเหม่ย’ บุตรสาวคนแรกของเสนาบดียุติธรรมซึ่งเกิดจากฮูหยินเอก บิดาของนางได้ชื่อว่าซื่อสัตย์ เถรตรง ไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหมจนได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนและไทเฮาองค์ปัจจุบัน
แต่เขากลับมีหลายภรรยาเช่นชายคนอื่น ไม่ได้ซื่อสัตย์กับภรรยาคนเดียวจนนำพามาซึ่งเรื่องน่าเศร้าเมื่อมารดาของร่างนี้เสียใจและสิ้นชีวิตไปก่อนวัยอันควร
ซ่งชิงเหม่ยจึงกลายเป็นเด็กกำพร้าและอยู่ท่ามกลางพี่น้องต่างมารดาอีกหลายคน
อืม...มีพ่อแบบนี้นี่เอง ถึงอธิษฐานขอความรักจากใจจริง
มายพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปมองเหล่าผู้สูงศักดิ์ซึ่งนั่งเรียงรายอยู่สองข้าง ตรงกลางย่อมเป็นฮ่องเต้ซึ่งป่วยออดแอดอยู่โดยตลอดขนาบข้างด้วยฮองเฮาผู้เก่งกาจจึงคอยบัญชาการหลังม่านช่วยเหลืองานบริหารบ้านเมือง
แม้จะยังมีฮ่องเต้แต่เรื่องราวต่างๆล้วนตัดสินใจและสั่งการโดยจวงฮองเฮา จะเรียกว่ายุคสมัยที่สตรีเป็นใหญ่ก็ไม่ผิดนัก
สายตาหวานมองลดหลั่นลงมาทางองค์ชายรอง ‘จ้าวห่าวเฉิง’ องค์ชายสาม ‘จ้าวห่าวอู๋’ ส่วนที่นั่งซึ่งว่างอยู่น่าจะเป็นขององค์ชายเจ็ด ‘จ้าวห่าวซวน’ ขาดเพียงองค์ชายสิบเอ็ด ‘จ้าวห่าวซู่’ ซึ่งเพิ่งมีชันษาเพียงสิบเอ็ดขวบปีจึงไม่ได้เข้าร่วมงาน
ในความทรงจำ ซ่งชิงเหม่ยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมายขององค์ชายเจ็ด นางได้รับการฝึกฝนศาสตร์ทั้งสี่และมารยาทอันดีมาตั้งแต่เด็กเพราะอย่างไรก็คงไม่พ้นตำแหน่งพระชายาหรือฮูหยินเอกของผู้อำนาจวาสนา
แล้วผู้ใดกัน กล้าวางยากำหนัดหวังทำลายชื่อเสียงของนางทั้งๆที่อยู่ในวังหลวง
ที่สำคัญคือ ชายคนนั้น
กับกลุ่มคนที่ตั้งท่าจะมาจับผิดนาง
ครั้นทบทวนพอได้ความจึงเพิ่งสังเกตว่าน้องสาวต่างมารดา‘ซ่งชิงหลิน’ กับมารดาของนางซึ่งเป็นภรรยารองของบิดากำลังเดินกลับเข้างานมาอย่างลุกลี้ลุกลน
หรือว่าจะเป็นสองคนนี้
อืม...มีความเป็นไปได้ที่สุด
