5 เห็นหน้ากันคราแรก
บ้าจริง! เหตุใดนางต้องมองเขาเกินควรเช่นนั้นด้วย?
ใจของนางกระตุกเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกประหลาดก่อตัวขึ้นโดยมิอาจควบคุม นางรีบหันหน้าไปอีกทาง ขยิบมือจับผ้าให้ปิดบังใบหน้าบดบังตนเองให้มากที่สุด
หลี่หยวนกวาดสายตามองนางเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามใต้เท้าเหมย มิได้ให้ความสนใจมากนัก เฉกเช่นสตรีนางอื่นในห้อง
ฟางหลินรินสุราให้ใต้เท้าเหมยพลางโน้มตัวเข้าไปกระซิบเบาๆหลังจากเขาทักทายแขกผู้มาใหม่เรียบร้อยแล้ว
“ใต้เท้าเจ้าคะ สุราดอกเหมยนี้มีเพียงข้าน้อยเท่านั้นที่จัดหาให้ได้ หากท่านต้องการ ข้าน้อยจะไปนำมาให้มากกว่านี้ โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ”
ใต้เท้าเหมยมองนางด้วยแววตาพึงพอใจ ก่อนจะพยักหน้าอนุญาต “เช่นนั้นก็ดี รีบไปเถอะ ข้าจะรอ”
ฟางหลินก้มศีรษะก่อนจะรีบถอยตัวออกจากห้องรับรองโดยมิได้หันกลับไปมองอีก นางเดินเร็วเท่าที่จะเร็วได้โดยมิให้ผิดสังเกต เมื่อพ้นจากห้องรับรองนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อตั้งสติได้ก็รีบไปพบเถ้าแก่เนี้ย แจ้งว่าสุราดอกเหมยของนางเป็นที่ต้องการของใต้เท้าเหมยและสามารถเจรจาราคาได้เต็มที่ในตอนนี้ เถ้าแก่เนี้ยเห็นเป็นโอกาสทองจึงมิได้ลังเล นางตกลงในราคาที่สูงขึ้นมากกว่าปกติอย่างที่ฟางหลินพอใจ
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ฟางหลินก็รีบกลับจวน ใช้ทางลับเดิมที่มุดออกมาเพื่อกลับเข้าเรือนของตน และรีบไปนำสุราดอกเหมยมาให้ตามที่สัญญา และส่งมันให้เสี่ยวเอ้อนำไปยังห้องรับรองพิเศษแทน
ในห้องรับรองพิเศษ กลิ่นหอมของสุรายังลอยคลุ้งในอากาศ แม้สุราดอกเหมยจะหมดไปแล้วแต่กลิ่นหอมละมุนยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นไม่ว่าผู้ใดได้ลิ้มลอง
ใต้เท้าเหมยเอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางปรายตามองนางโลมที่ถูกส่งมาแทนนางคนก่อน
"นางคนเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว? ข้ากำลังถูกใจนางเลยเชียว"
นางโลมที่เข้ามาแทนค้อมศีรษะตอบอย่างอ่อนน้อม "นางไม่สบายจึงขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ ให้บ่าวดูแลท่านแทนนางเถอะนะเจ้าคะ"
ใต้เท้าเหมยขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก เพราะอย่างไรสุราดอกเหมยที่ถูกนำมาให้ก็สร้างความประทับใจให้แขกคนสำคัญได้เป็นอย่างดี
"ท่านแม่ทัพหลี่..." เขาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม "ท่านกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว เช่นนั้นคงถึงเวลาที่ท่านต้องหาสตรีเคียงข้างเสียทีกระมัง ข้ามีบุตรสาวอยู่คนหนึ่งรูปโฉมงดงามไม่แพ้สตรีในเมืองหลวง หากท่านสนใจ ข้ายินดี..."
"ไม่จำเป็น" เสียงของหลี่หยวนตัดบททันควัน
ใต้เท้าเหมยกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ "หรือหากท่านมิสนใจสตรีธรรมดา อันที่จริง ข้ามีสถานที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยสตรีงามแปลกตา..."
"ข้าไม่สน" น้ำเสียงของแม่ทัพหลี่ยังคงเย็นชาและหนักแน่น
ขนาดนางโลมที่กำลังรินเหล้าให้เขายังไม่ค่อยกว่าขยับตัวมากนักเพราะสายตาดุดันราวสามารถฆ่านางได้เพียงถูกจ้องมอง พวกนางเคยชินกับบุรุษที่ชอบหยอกเย้านางโลม หรือไม่ก็ปล่อยตัวให้เพลิดเพลินไปกับสุราและความงามของสตรี ทว่าแม่ทัพผู้นี้กลับไม่แม้แต่จะปรายตามองสตรีที่พยายามเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
ภายในห้องรับรองตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
ใต้เท้าเหมยที่พยายามเอาอกเอาใจแม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกเก้อกระดากไปไม่น้อย ยามสุราเลิศรสหมดความอดทนของหลี่หยวนก็เหมือนจะไม่เหลือแล้วเช่นกัน
"สุราดอกเหมยที่ข้าได้ดื่มเมื่อครู่นี้" เขาวางถ้วยเปล่าลงกับโต๊ะเบา ๆ "ยังมีอีกหรือไม่?"
เถ้าแก่เนี้ยที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านข้างรีบก้าวเข้ามาโค้งศีรษะตอบอย่างนอบน้อม "น่าเสียดายนักเจ้าค่ะ สุราดอกเหมยมีเพียงเท่านี้"
หลี่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย "เช่นนั้นข้าจะซื้อกลับไปต้องไปที่ใด?"
เถ้าแก่เนี้ยมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างระมัดระวัง "สุรานี้เป็นของที่สหายข้าน้อยนำมาขายให้เจ้าค่ะ ข้าน้อยมิอาจเปิดเผยนามเขาได้"
ดวงตาของหลี่หยวนหรี่ลงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยเองก็ดูจะไม่มีคำตอบอื่น เขาก็มิได้คาดคั้นต่อ
"เช่นนั้นก็ช่างเถอะ"
เขาลุกขึ้นยืน สีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม เจตนาของเขาชัดเจนมากว่าต้องการจะกลับแล้ว
ใต้เท้าเหมยรีบเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง "ท่านแม่ทัพจะกลับแล้วหรือ? รออีกเดี๋ยวเถ้าแก่เนี้ยก็จะนำสุราเลิศรสอื่นมาให้ท่านได้ลิ้มลองแล้ว"
"ไม่มีจำเป็น เชิญใต้เท้าสนุกต่อกับใต้เท้าท่านอื่นเถิด"
น้ำเสียงราบเรียบแต่เปี่ยมด้วยอำนาจของหลี่หยวนทำให้ไม่มีใครกล้าห้ามอีกหน ทุกคนในห้องต่างรู้ดีว่าหลี่หยวนเป็นบุรุษเช่นไร เมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งใดก็ไม่มีผู้ใดอาจเปลี่ยนใจเขาได้
เช้าวันหนึ่ง พ่อบ้านกู้เดินเข้ามาในเรือนท้ายจวนของหลิวฟางหลินพร้อมแจ้งเรื่องสำคัญให้นางด้วยสีหน้าลำบากใจ
“อนุหลิน ท่านแม่ทัพมีคำสั่งให้บ่าวจัดการเรื่องตบแต่งท่านออกไปกับบุรุษที่คู่ควร พร้อมจะจัดหาสินเดิมให้ด้วย เชิญอนุหลิวระบุสิ่งของที่อยากให้บ่าวจัดการใส่ไปในสินเดิมเลยขอรับ”
ในที่สุดวันที่นางคาดว่าจะมาถึงก็มาแล้ว อนุหลิวเช่นนางในเมื่อไม่มีประโยชน์ก็ย่อมไม่ควรอยู่ให้เปลืองข้าวปลาจวนหลี่นั่นล่ะ
หลิวฟางหลินนิ่งไปเพียงชั่วครู่ก็พยักหน้ารับคำอย่างสงบจนคนที่เผยสีหน้าประหลาดใจกลายเป็นพ่อบ้านกู้เสียแล้ว
“เอ่อ พ่อบ้านกู้ข้ายินดีแต่งออกไปเพียงแต่ข้ามีเรื่องอยากร้องขอนอกจากสินเดิมเสียหน่อยเจ้าค่ะ”
พ่อบ้านกู้พยักหน้าตอบรับทันใดเพราะใจของเขาเต็มไปด้วยความเวทนาต่อสตรีตรงหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “เชิญอนุหลิวบอกมาก่อนขอรับเดี๋ยวบ่าวจะไปแจ้งท่านแม่ทัพอีกที”
ฟางหลินหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขอกระดาษและหมึกเพื่อจดสิ่งที่นางอยากได้รวมถึงสิ่งที่อยากขอเพิ่มเติมให้เขาอย่างกระตือรือร้น ในเมื่ออย่างไรนางก็เลี่ยงที่จะต้องแต่งให้กับบุรุษไม่ได้นางก็ขอกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน
พ่อบ้านกู้ตอนนี้กำลังยืนถือแผ่นกระดาษและร่ายข้อความในนั้นให้เจ้านายอย่างหลี่หยวนฟังอย่างตั้งใจ
“อนุหลิวต้องการให้บ่าวหาบุรุษตามที่นางต้องการขอรับ นางไม่ขออันใดมากเพียงแต่บุรุษผู้นั้นต้องไม่มีสตรีคนรักอยู่แล้ว อายุไม่ต้องมากกว่านางเยอะ หน้าตาไม่แย่ รูปร่างไม่อ้วนลงพุง หน้าที่การงานไม่ต้องถึงขนาดเป็นขุนนางระดับสูงเพียงแต่ต้องไม่เกียจคร้าน --- ที่สำคัญนางอยากให้บ่าวส่งรายชื่อบุรุษไปให้นางพิจารณาก่อนเจรจาตกลงขอรับ”
คุณสมบัติมากมายนี้ทำให้หลี่หยวนเงยหน้าฟังพ่อบ้านกู้ฟังอย่างตั้งใจตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นัยน์ตาว่างเปล่าบัดนี้เต็มไปด้วยความฉงนชัดเจน
“นางบอกเช่นนี้เองเลยหรือ?”
ไม่เพียงแต่หลี่หยวนที่ประหลาดใจที่คำร้องขอเหล่านี้แสดงออกว่าอนุผู้นี้ดูไม่ค่อยเสียใจที่ถูกจับแต่งออกไปอย่างที่ควร แต่มันก็ดีต่อเขาที่ไม่ต้องการมีสตรีอยู่รอบๆให้ยุ่งยากนั่นล่ะ
“ขอรับ นายท่านจะให้บ่าวทำอย่างไรต่อดีขอรับ?”
“ทำตามที่นางต้องการเถอะ” หลี่หยวนสลัดเรื่องยุ่งยากนี้ออกไปและก้มลงมองอักษรที่ทำอยู่ตรงหน้าแทน
ทว่าก่อนที่พ่อบ้านกู้จะออกไปเขาก็เอ่ยเสียงเข้มทั้งที่ไม่เงยหน้าอีกรอบ “หลังจากนี้หากไม่มีเรื่องสำคัญอันใดก็ให้เจ้าตัดสินใจเองได้เลยแล้วกัน”
นอกจากงานและมิตรสนามในค่ายทารแล้วพ่อบ้านกู้รู้ดีว่าเจ้านายเขาไม่อยากนำมาคิดให้หนักสมอง เช่นนั้นแล้วเขาจึงใช้เวลาหลายวันในการรวบรวมรายชื่อบุรุษที่ตรงคุณสมบัติมาให้ฟางหลินพิจารณา...
