4 เจรจาธุรกิจ
กลางดึกคืนหนึ่งท้องฟ้ามืดสนิท หลิวฟางหลินในตอนนี้สวมอาภรณ์สีเรียบง่ายไร้ลวดลาย ผ้าหยาบแต่สวมใส่สบาย ผมดำขลับถูกเกล้าอย่างหลวมๆ ให้ดูเหมือนบ่าวรับใช้ที่ไม่มีอะไรสะดุดตา นางมองเงาสะท้อนของตนเองก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็หันไปหยิบไหสุราดอกเหมยที่บ่มมานานอย่างทะนุถนอมใส่ย่ามสะพานไว้ข้างตัว
คืนนี้ นางจะออกไปทำธุระสำคัญ
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สุราสูตรของนางได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเถ้าแก่เนี้ยของโรงสุราขาประจำที่นางไปขายเป็นครั้งคราว และครั้งนี้ นางก็จะนำไหสุรารสเลิศที่หมักมานานที่สุดไปเจรจาเพื่อขายให้ในราคาที่สูงขึ้น
หลิวฟางหลินเดินไปยังมุมหนึ่งของกำแพงท้ายจวน มือเรียวลูบไล้หินที่ซ้อนกันเป็นระเบียบก่อนจะก้มลงไปเปิดช่องลับเล็กๆ ซึ่งมีขนาดพอให้ร่างของนางมุดออกไปได้ นี่คือ ‘ช่องหมารอด’ ที่นางใช้เป็นทางลับออกจากจวนโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เมื่อลอดออกไปได้ นางก็ตรงไปยังถนนเส้นหลักซึ่งยังคงคึกคักแม้เป็นยามดึก โรงสุราขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางแสงตะเกียงสีแดงที่ส่องสว่าง พร้อมกับเสียงหัวเราะและเสียงพิณจากหอนางโลมขนาดย่อมที่ชิดกันเพราะมีเจ้าของเดียว
นางก้าวเข้าไปในโรงสุราอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อที่คุ้นเคยให้เข้ามาใกล้
"ไปแจ้งเถ้าแก่เนี้ยที บอกว่าวันนี้ข้ามีของเด็ดยิ่งกว่าที่เคยมานำเสนอให้นางได้ลิ้มลอง"
เสี่ยวเอ้อแสดงสีหน้าเสียดายทันที ก่อนเอ่ยปากบอกสาเหตุ
"วันนี้เถ้าแก่เนี้ยไม่ว่างขอรับ นางกำลังต้อนรับแขกสูงศักดิ์ที่ห้องรับรองพิเศษอยู่ เกรงว่าอาจต้องให้แม่นางหลิวกลับมาใหม่ หรือไม่ก็ต้องรอให้เถ้าแก่เนี้ยจัดการเรื่องนั้นเสร็จ"
ฟางหลินเลิกคิ้วฉงน "แขกสูงศักดิ์ขนาดนั้นเชียว?"
เพราะใช่ว่าจะไม่มีแขกสูงศักดิ์มาเสียหน่อยแต่ครั้งกลับต้องให้เจ้าของร้ายไปต้อนรับเชียวหรือ...
"ใช่ขอรับ เป็นขุนนางใหญ่โตมาจองร้านเรากระทันหันขอรับ ข้าเองก็ยังมิกล้าถามมาก แต่ดูจากการต้อนรับแล้ว คงมิใช่ขุนนางธรรมดา"
"เช่นนั้นข้าต้องรอนานเท่าใด?"
"ข้าไม่แน่ใจนัก ขึ้นอยู่กับว่าแขกพวกนั้นจะอยู่ดื่มกันนานแค่ไหน เถ้าแก่เนี้ยต้องดูแลพวกเขาจนกว่าจะเสร็จสิ้นนั่นแหละขอรับ"
ฟางหลินนิ่งคิด ก่อนจะยิ้มบางๆแววตาเปลี่ยนไปเพราะนางมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
"ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปทำงานของเจ้าเถิด ข้าจะรออยู่ตรงนี้ หากรอไม่ไหว ข้าจะกลับเอง"
เสี่ยวเอ้อพยักหน้าก่อนจะจากไป
นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองไปทางชั้นสองของโรงสุรา แสงสลัวจากห้องรับรองพิเศษส่องลอดออกมาผ่านบานหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย
หากแขกของเถ้าแก่เนี้ยเป็นขุนนางระดับสูงจริงๆ บางทีนางอาจใช้เรื่องนี้เป็นตัวช่วยในการเจรจาขายสุราในราคาที่สูงขึ้นได้อีก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างของหลิวฟางหลินก็เคลื่อนตัวไปทางชั้นสองของโรงสุรา ก่อนจะลอบเข้าใกล้ห้องรับรองพิเศษโดยไร้ซึ่งเสียงฝีเท้า...
หลิวฟางหลินลอบเร้นเข้าไปยังบริเวณห้องรับรองพิเศษอย่างเงียบงัน นางอาศัยเงามืดเป็นที่กำบัง พลางเงี่ยหูฟังการสนทนาที่ดังมาจากหน้าประตูที่นางเห็นเถ้าแก่เนี้ยยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่
“ใต้เท้าเหมยต้องการนางโลมด้วยหรือ?” เสียงเถ้าแก่เนี้ยกล่าวขึ้น น้ำเสียงของนางค่อนข้างเร่งรีบ
“ใช่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อผู้หนึ่งตอบ “แขกของใต้เท้าเหมยใกล้มาถึงแล้ว แต่พวกนางโลมที่คอยรินเหล้าให้แขกคนอื่นๆ ก็ถูกจับจองไปจนเกือบหมด เห็นทีจะไม่พอสำหรับแขกสำคัญของใต้เท้าน่ะสิขอรับ”
เถ้าแก่เนี้ยถอนหายใจเล็กน้อย “อย่างไรก็ไปพยายามหานางโลมมาให้พอดี อย่าให้ขาด นี่เป็นแขกสูงศักดิ์ ต้องจัดเตรียมให้ดีที่สุด”
หลิวฟางหลินได้ฟังเพียงเท่านี้ ดวงตาก็พราวระยับด้วยความคิดบางอย่าง นางลูบไหสุราดอกเหมยในอ้อมแขนก่อนจะกระตุกยิ้ม
หากขายในราคาธรรมดา กำไรที่ได้ก็คงไม่ต่างจากเดิม แต่หากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ นางอาจขายได้ราคาสูงกว่านั้น เงินในไว้ใช้สำหรับสร้างตัวในอนาคตก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก
ไม่รอช้า ฟางหลินรีบลอบเข้าไปยังห้องของพวกนางโลมที่กำลังเตรียมตัวสำหรับค่ำคืน นางเลือกชุดสีแดงบางเบาที่ช่วยขับผิวขาวของตนให้โดดเด่น ก่อนจะใช้ผ้าผืนบางคลุมปิดครึ่งหน้าของตนไว้ เพียงพอให้มองเห็นเพียงดวงตาคมเรียวที่เปล่งประกายลึกลับ
เมื่อแต่งกายเสร็จสิ้น นางก็แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มนางโลมที่ถูกจัดเตรียมให้บริการแขกของใต้เท้าเหมย
นางก้าวเข้ามาในห้องรับรองพิเศษอย่างสง่างาม ที่โต๊ะกลางห้อง บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวโต๊ะ ดูจากท่วงท่าและการแต่งกายแล้ว นางมั่นใจว่านี่ต้องเป็น ‘ใต้เท้าเหมย’ ที่เสี่ยวเอ้อประจำห้องนี้กล่าวถึง
หลิวฟางหลินประคองไหสุราดอกเหมยไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะก้าวเข้าไปอย่างนอบน้อม นางรินเหล้าให้บุรุษตรงหน้า พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ใต้เท้าโปรดลิ้มลอง เหล้าถ้วยนี้ ข้าน้อยตั้งใจเตรียมให้ท่านเป็นพิเศษเจ้าค่ะ”
ใต้เท้าเหมยเหลือบมองนางแวบหนึ่งก่อนจะรับถ้วยสุราขึ้นจิบทันทีที่สุราแตะปลายลิ้น เขาก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“เหล้านี่…” เขาพึมพำ ก่อนจะยกถ้วยขึ้นจิบอีกครั้ง คราวนี้ในแววตาฉายความประทับใจอย่างเห็นได้ชัด “รสชาติหอมหวานล้ำลึก ไม่เคยพบมาก่อน เหล้านี่คือสิ่งใดกัน?”
ฟางหลินยิ้มบาง “เป็นสุราดอกเหมยเจ้าค่ะ หากใต้เท้าต้องการ ข้าน้อยสามารถนำมาเพิ่มให้ได้”
ใต้เท้าเหมยมองนางด้วยแววตาครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้า
“ดี ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปนำมาให้ข้าเพิ่มอีก คืนนี้ท่านแม่ทัพหลี่จะมาร่วมด้วย นี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจได้”
หลิวฟางหลินกำลังจะกล่าวตอบอย่างดีใจ แต่ประโยคสุดท้ายของใต้เท้าเหมยเมื่อครู่นั้นกลับทำให้นางชะงัก
แขกสำคัญคือ หลี่หยวนหรือ?
ก่อนที่นางจะทันถามไถ่ซ้ำเพื่อความมั่นใจ เสียงของเสี่ยวเอ้อก็ดังขึ้นจากด้านหน้าห้องเสียแล้ว
“ท่านแม่ทัพหลี่เชิญขอรับ!”
หัวใจของฟางหลินกระตุกวูบทันใด
แม่ทัพหลี่… สามีของนางจริงๆด้วย !
แม้จะไม่เคยพบหน้ากันโดยตรง แต่นางก็รู้ดีว่าตนมิอาจอยู่ที่นี่ในยามที่เขากำลังมาได้ หากเขาเห็นหน้านางในหมู่นางโลมของหอนี้ แล้วเห็นนางในภายหลังในฐานะอนุหลิวมีหวังเรื่องราวคงยุ่งยากเป็นแน่
ฟางหลินทำทีลุกขึ้นยืนเตรียมจะลอบออกไปจากห้องรับรอง ทว่าประตูไม้ตรงหน้ากลับถูกเปิดออกกะทันหัน
เงาของบุรุษร่างสูงในชุดแม่ทัพไร้เกราะก้าวเข้ามา เสียงฝีเท้าหนักแน่นหยุดลงกลางห้อง
และนั่นคือเวลานี้หลิวฟางหลินได้รู้ว่า สายเกินไปเสียแล้ว…
กลิ่นอายอันทรงอำนาจแผ่กระจายไปทั่วห้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าสามีของตนชัดๆ
ในความคิดของนางก่อนหน้า แม่ทัพหลี่ควรจะเป็นบุรุษวัยเกือบสามสิบที่มีใบหน้าดุดัน ร่างกายกำยำใหญ่โตจนดูน่ากลัว ทว่า… สิ่งที่เห็นกลับแตกต่างไปจากที่คิดโดยสิ้นเชิง
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีใบหน้าคมเข้มอย่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาคมกริบราวกับสามารถมองทะลุจิตใจของผู้อื่นได้ จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากที่ประดับอยู่บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รูปร่างของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามสมส่วน สูงโปร่งสง่างามในชุดน้ำเงินเข้มแผ่รังสีอำนาจโดยมิได้ตั้งใจ
ฟางหลินอึ้งไปราวกับถูกสะกดให้จ้องมองเขาอยู่นาน...
ดวงตาคมของแม่ทัพหลี่ตวัดมามองนางกลับด้วยสายตาดุดัน สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่กลับมีพลังบางอย่างที่ทำให้นางต้องรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว นางหันกลับมาทำทีเป็นรินเหล้าให้ใต้เท้าเหมยต่อ
บ้าจริง! เหตุใดนางต้องมองเขาเกินควรเช่นนั้นด้วย?
