2 เปลี่ยนที่ร่ำสุรา
ณ เรือนท้ายจวนที่เคยเงียบสงบมาตลอด ในวันนี้กลับมีบางสิ่งผิดแผกออกไป หลิวฟางหลินมองสำรับอาหารที่ถูกจัดวางตรงหน้าอย่างประหลาดใจ อาหารมื้อนี้ช่างแตกต่างจากทุกวันนัก อาหารตรงหน้าถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน เนื้อปลาแล่บางอย่างประณีต ซุปตุ๋นที่มีกลิ่นหอมเย้ายวน เครื่องเคียงถูกจัดเรียงอย่างงดงามราวกับอาหารที่ถูกจัดให้เจ้านายในจวนหลัก
"นี่... พวกเจ้าไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร ถึงได้ทำอาหารมามากเพียงนี้เพื่อข้าที่เป็นสตรีเพียงคนเดียว?"
นางถามด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ขณะหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
บ่าวสาวที่นำสำรับอาหารมาส่งให้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างตอบอย่างจริงใจ
"คุณหนูไม่รู้หรือเจ้าคะ? วันนี้ฮูหยินใหญ่เพิ่งสนทนากับท่านแม่ทัพอย่างจริงจังคราแรก เห็นว่าท่านพูดเกี่ยวกับเรื่องจะหาสตรีมาแต่งให้คุณชายด้วย"
ฟางหลินเลิกคิ้ว ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อยและชะงักตะเกียบที่คีบเนื้อหมูทันใด "เรื่องแต่งภรรยาให้แม่ทัพหลี่?"
"ใช่เจ้าค่ะ!" บ่าวสาวรีบพูดต่ออย่างตื่นเต้น "แต่พวกข้ามิรู้หรอกนะเจ้าคะ ว่าเจรจากันได้ผลว่าอย่างไร ทว่า... หลังจากที่ท่านแม่ทัพออกไป ฮูหยินใหญ่กับคุณหนูรองก็สั่งให้โรงครัวเตรียมสำรับอาหารให้ท่าน ท่านเองก็คงรู้ใช่ไหมเจ้าคะว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน?"
มือที่กำลังคีบอาหารชะงักลงเล็กน้อย หลิวฟางหลินไม่ตอบในทันที นางเพียงจ้องมองเนื้อปลาที่แล่บางตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนจะถามต่ออย่างไม่เร่งรีบ
"เช่นนั้นเลยหรือ... น่าประหลาดยิ่งนักนะ"
"โอ้ ใช่เจ้าค่ะ!" บ่าวสาวหัวเราะเบา ๆ "ก่อนที่พวกข้าจะนำสำรับมาให้ บ่าวคนสนิทของฮูหยินใหญ่มาตรวจดูอาหารที่โรงครัวอยู่นานเลย ก่อนจะอนุญาตให้พวกข้านำมาให้ท่านได้"
คราวนี้ฟางหลินวางตะเกียบลงอย่างตัดใจได้แล้ว นางไม่แตะต้องอาหารอีกต่อไปเหตุผลเพราะความไม่ปกติพวกนั้นเป็นสิ่งที่ฟางหลินคุ้นชินดี
"นี่ชีวิตที่อิสระของข้าใกล้จะหมดลงแล้วเช่นนั้นหรือ?" นางพึมพำเสียงเบา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆกับบ่าวสองคนตรงหน้า "ข้าชื่นใจยิ่งนัก ฮะฮ่า"
บ่าวสาวหัวเราะคิกคักสมทบ "ไม่แน่นะเจ้าคะ อนุหลิวอาจได้เลื่อนขั้นก็เป็นได้ ท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมา หากฮูหยินใหญ่ดันท่านขึ้นเป็นเจ้านายอนุคนแรกของจวนหลี่ในอนาคต ท่านอย่าลืมข้านะเจ้าคะ!"
คำพูดนี้ทำให้หลิวฟางหลินหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความขบขันเสียมากกว่า
กลับมาสนใจ? ดันขึ้นเป็นเจ้านาย? หึ... มิใช่หรอก
หากฮูหยินใหญ่ตั้งใจจะหาภรรยาให้บุตรชายจริง ๆ นางที่เป็นเพียงอนุเก่าที่ถูกลืมมานับสิบปี คงไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกแน่
อนุเช่นนางเป็นได้เพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น...
ดวงตาของฟางหลินฉายแววเย็นชาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะกลับมามีรอยยิ้มอ่อนโยนตามเดิม นางโบกมือไล่พวกบ่าวออกไป
"เอาเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะกินมันให้หมดเลย พวกเจ้ากลับไปเถิด ข้ากินเสร็จแล้วจะนำชามพวกนี้ไปคืนที่โรงครัวเอง"
"เจ้าค่ะ!" บ่าวสาวสองคนโค้งศีรษะ ก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
หลิวฟางหลินรอจนพวกบ่าวกลับไปแล้ว นางจึงเริ่มลงมือกำจัดอาหารที่ถูกจัดเตรียมมาให้ด้วยความระแวดระวัง ส่วนหนึ่งถูกเททิ้งในลานหลังเรือน อีกส่วนหนึ่งถูกนำไปทิ้งไว้ใกล้โรงครัวเพื่อให้พวกหนูในจวนได้ลิ้มลอง
ไม่นานนัก หนูตัวหนึ่งก็รีบเข้ามาคลุกอยู่ในกองอาหารที่ถูกวางทิ้งไว้ มันกินของที่เหลืออยู่ในชามเข้าไปไม่นานนัก ร่างกายเล็ก ๆ ของมันก็เซไปเซมา ก่อนจะล้มลงนอนนิ่ง
ดวงตาคู่สวยของหลิวฟางหลินฉายแววเย็นเยียบขณะจ้องมองหนูตัวนั้น นางมิได้รู้สึกตกใจหรือหวาดกลัว เพราะประสบการณ์จากชาติก่อนทำให้นางชินชากับพิษและยาต่าง ๆ
"หมดสติไปเท่านั้น..."
นางพึมพำเสียงเบา สายตาฉายความฉงนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุใดพวกเจ้านายในจวนถึงต้องวางยาสลบนางด้วยกันนะ ก่อนที่นางจะลงมือทำอันใดต่อคนในจวนที่เลี้ยงดูนางมาอย่างสุขสบายในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ ฟางหลินขอรู้สาเหตุที่พวกเขาวางยาเสียก่อน หากเพื่อจุดประสงค์ร้ายแรงนางที่อยากเปลี่ยนเส้นทางการเดินก็คตงไม่ยอมไว้ชีวิตพวกเขาแน่
หลิวฟางหลินกลับเข้าห้อง นั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารอีกครั้ง ก่อนจะแสร้งเอนกายลงนอนราวกับหมดสติ เพียงไม่นาน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของบ่าวสตรีก็ดังขึ้น พวกนางสามคนที่ไม่ใช่คนเดิมเข้ามาในเรือนอย่างเงียบเชียบ มิได้มีท่าทีลังเลก่อนจะพยุงร่างของนางขึ้นอุ้มออกจากเรือนไป
แม้จะอยู่ในสภาพแสร้งหลับ แต่นางสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเรือนที่พวกนางนำร่างของตนเข้าไป
กลิ่นไม้หอม กลิ่นเครื่องหอมแบบบุรุษ การตกแต่งภายในที่ไม่หวานละมุนเหมือนเรือนของสตรี...
นี่คือเรือนของแม่ทัพหลี่ สามีในนามของนางเอง
พวกบ่าวจัดการอาบน้ำให้นาง ขัดถูร่างกายด้วยน้ำสมุนไพรหอมกรุ่น เส้นผมยาวของนางถูกล้างอย่างอ่อนโยน ละเอียดละออเพื่อเตรียมสตรีให้ปรนนิบัติบุรุษ จบด้วยฟางหลินถูกจับแต่งตัวด้วยอาภรณ์บางเบา เนื้อผ้าช่างโปร่งเสียจนมิอาจปิดบังส่วนใดของร่างกายได้ อีกทั้งมันยังลู่ตามส่วนเว้าส่วนของของร่างกายอีกต่างหาก
จากนั้นพวกบ่าวก็พานางไปวางลงบนเตียงหลังใหญ่ในห้องนอนและพากันออกไป
ฟางหลินลืมตาหลังรู้สึกว่านางอยู่ในห้องนี้เพียงผู้เดียว นางกวาดสายตามองไปรอบห้อง แม้แสงสลัวแต่ก็พอจะทำให้นางมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน วิเคราะห์ลักษณะท่านแม่ทัพผู้นี้แล้วเขาน่าจะเป็นบุรุษเคร่งขรึมและไม่ใส่ใจความสะดวกสบาย เพราะเครื่องเรือนในห้องนี้ล้วนสีดำสนิทและไม่มีอันใดประดับตกแต่งเลยนอกจากของที่ใช้จริง
นางเดาว่าการที่ตนถูกจับมาล้างน้ำเตรียมขึ้นเขียงเช่นนี้น่าจะเป็นความต้องการของมารดาและน้องสาว มิใช่ตัวเขาเองหรอก
หากเขากลับมาแล้วก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่นางจะได้เจอหน้าและเจรจากับเขา เพราะอย่างไรสถานะอนุเช่นนางก็คงไม่รอดพ้นชะตาเช่นนี้อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัยมากขึ้นผ้าห่มสีทองที่พับวางไว้บนเตียงก็ถูกนำมาห่อตัวของนางในระหว่างนั่งรอเจ้าของห้องกลับเข้ามา
รอ รอ และรอ…
แต่เวลาผ่านไปเป็นชั่วยาม กระทั่งจวนจะเลยครึ่งคืน ก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย คนไม่ชอบอยู่เฉยเช่นนางอดไม่ได้ที่จะกระโดดออกจากหน้าต่างไปนำสุราดอกเหมยเหยือกเล็กมาจิบรอเขาก็แล้ว การรอคอยก็ไม่สิ้นสุดเสียที
ดวงตาของฟางหลินหรี่ลงเล็กน้อย ขณะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไหน ๆ ก็ถูกส่งมาไว้ที่นี่แล้ว หากเจ้าของห้องไม่กลับมา คืนนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นคืนแห่งการดื่มกินเสียแล้ว
ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสถานที่ร่ำสุราก็แล้วกัน...
ฟางหลินนั่งพิงหัวเตียง ยกเหยือกสุราขึ้นจิบช้า ๆ ดวงตาพราวระยับ รสชาติของสุราที่บ่มมาครบปีซึมซาบไปทั่วปลายลิ้น อากาศเย็นยามราตรีพัดผ่านม่านบางเบา กลิ่นของสมุนไพรที่พวกบ่าวใช้อาบน้ำให้นางยังติดอยู่บนผิวกายทำให้เคลิบเคลิ้มไม่น้อย
"เขาไม่ว่าก็ดีเหมือนกัน..." นางกระซิบกับตัวเองเบา ๆ
สิ่งที่มาถึงก่อนกลับเป็นความง่วงและเมามายจากสุราที่ดื่มเข้าไป นางพยายามฝืนตาไว้สักพัก แต่สุดท้ายก็ถูกเตียงที่นุ่มที่สุดเท่าที่เคยนอนมาดูดดึงสติเข้าเสียแล้ว...
