1 เจ้าควรสร้างครอบครัวแล้ว
หลิวฟางหลินขยับเปลือกตาขึ้นช้าๆ แสงแดดอ่อนยามสายลอดผ่านม่านบางเข้ามากระทบผิวขาวระเรื่อของนาง ทอประกายจางๆ บนพวงแก้มที่ยังคงอบอวลด้วยไอสุราจากค่ำคืนที่ผ่านมา หลังจากหนีกลับมาเรือนก็ร่ำสุราจนหมดไหแล้วนอนหลับที่ระเบียงเรือนอย่างไม่รู้ตัว
นางขยับกายพลางถอนถอนใจ หยัดกายขึ้นนั่งพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ร่างเพรียวระหงทอดยาวอยู่บนผ้าผืนบาง ทรวดทรงสมส่วนได้รูปงดงามแม้ในท่วงท่าที่ไร้ระเบียบเรียบร้อยเช่นตอนนี้ หน้าท้องเรียบแบนป้องเล็กน้อยเนื่องจากศึกหนักเมื่อคืน ยามนี้เปิดเผยให้เห็นเนื้อผิวขาวเนียนใต้ชุดมุ้งแสนบางที่เลิกขึ้นเล็กน้อย นางเพียงกระชับมันให้เข้าที่อย่างเกียจคร้านพลางก่นบ่นตนเองในใจ
“สายถึงเพียงนี้แล้วหรือ?” ฟางหลินเหยียดแขนออกไล่ความเมื่อยล้า
ทุกเช้านางมักจะตื่นแต่แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพื่อออกกำลังกายให้ร่างกายยืดหยุ่น ทว่าเช้านี้กลับพลาดเสียแล้ว นางคงดื่มสุรามากเกินไปเมื่อคืน จนมิอาจตื่นทันช่วงเวลาดีแห่งการออกกำลังได้
หลิวฟางหลินในตอนนี้มิใช่สตรีที่เกิดมาในยุคสมัยนี้ นางเกิดอีกยุคสมัยหนึ่งในอีกหลายพันปีข้างหน้า นางเกิดมาโดยไร้ครอบครัวดูแลอาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนถูกอุปการะโดยเจ้าขององค์กรสายลับผู้หนึ่ง นางเติบโตม็ทำเพียงหน้าที่เดียวที่ได้รับคือการเป็นสายลับหากแต่สุดท้ายกลับถูกหักหลังโดยสหายที่ไว้ใจที่สุดจนได้มาเกิดใหม่ในร่างสตรีที่ตายเพราะทนชีวิตบัดซบของตนเองไม่ไหว
‘หลิวฟางหลิน’ อนุของแม่ทัพหลี่ผู้ยิ่งใหญ่
ชีวิตของร่างนี้ หาใช่ชีวิตของสตรีที่มีความสุขไม่ หลิวฟางหลินเดิมเป็นเพียงเด็กหญิงที่ถูกบิดานำมาขายให้จวนหลี่เพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน ฮูหยินใหญ่ของตระกูลหลี่รับนางไว้และกำหนดชะตาให้เป็น ‘อนุ’ ของหลี่หยวน บุรุษที่จำยอมต้องรับอนุที่เด็กกว่าเขาเกือบสิบปี
หลี่หยวนออกศึกตั้งแต่อายุสิบแปด เกือบสิบปีผ่านไปเขามิได้เหยียบย่างกลับมาที่จวนหลี่เลย มีเพียงข่าวสารการทำศึกและเงินทองที่ถูกส่งมาให้มารดาและน้องสาว รวมถึงค่าเลี้ยงดูอนุที่เขาแต่งงานด้วยก่อนออกศึกเท่านั้น สตรีที่ควรมีครอบครัวที่ดีกลับอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเรือนท้ายจวนไร้คนเคียงข้าง วันๆได้เจอแต่ความมืดและเงินทองที่ส่งมาให้ใช้ทำให้เจ้าของร่างเดิมทนชีวิตน่าอดสูไม่ไหวตรอมใจตายและได้อดีตสายลับอย่างฟางหลินในตอนนี้มาแทนที่
หนึ่งปีกว่าแล้วที่นางอยู่ในร่างนี้ ใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบในเรือนท้ายจวน มิได้สนใจชะตากรรมใด ๆ ที่เกี่ยวพันกับบุรุษที่ถูกเรียกว่าสามี
นับแต่วันแรกที่ได้ลืมตาขึ้นมาในร่างของหลิวฟางหลิน นางก็ตัดสินใจแล้วว่าในชาตินี้ นางจะมิยอมใช้ชีวิตบนเส้นทางเดิมเช่นในชาติก่อนอีกต่อไป สายลับที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อองค์กร เพื่อเป้าหมายที่ไม่เคยเป็นของตนเอง นางปล่อยให้มันตายไปพร้อมกับร่างเดิมแล้ว ชีวิตที่สองนี้ นางมิปรารถนาจะต่อสู้เพื่อใคร ไม่คิดจะปกป้องใคร นางต้องการเพียงชีวิตธรรมดา เยี่ยงสตรีที่ใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้อย่างเรียบง่ายก็พอ...
แต่การเป็น ‘อนุเพียงในนาม’ ก็มีข้อดีของมันเช่นกัน หลี่หยวนไม่กลับมาหลายปี ฮูหยินใหญ่ก็ไม่ใส่ใจคนที่ตนเองซื้อมาเพียงเพื่อเป็นเงารองของอนาคตภรรยาเอกของบุตรชาย นางอยู่ที่เรือนท้ายสุดของจวน มีบ่าวไพร่เพียงคนเดียวที่มาดูแลตามหน้าที่ นั่นทำให้นางมีอิสระมากอย่างที่นางอยากได้
เงินที่ได้รับในแต่ละเดือนเหลือใช้ยิ่งนัก นางนำเงินที่มีปรนเปรอสิ่งที่ชาติก่อนไม่เคยทำอย่างเช่น การลิ้มรสสุรา ไม่พอเท่านั้นชีวิตที่ไม่ต้องทำอะไรของนางทำให้นางสามารถค้นคว้าและได้ทำการผลิตสุราหลากรสด้วยมือตนเอง
...จากประสบการณ์ตลอดหนึ่งปีมานี้จะบอกว่านางคือผู้เชี่ยวชาญทางด้านหมักสุราเลยก็ว่าได้
ฟางหลินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปทางเรือนชำระกายที่อยู่ด้านข้าง ที่นั่น มีถังน้ำไม้ไผ่ตั้งอยู่พร้อมหยดน้ำเย็นยังเกาะผิวถัง บ่าวไพร่คงมาตระเตรียมไว้แต่เช้าอย่างที่ทำเป็นประจำ เช้าขึ้นมาสิ่งที่ฟางหลินต้องทำคือการแช่น้ำดอกเหมยสูตรของนางเพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียดในวันที่ผ่านมา...
ในห้องโถงใหญ่ของจวนหลี่ บรรยากาศภายในเรือนเต็มไปด้วยความห่างเหิน หลี่หยวนในชุดสีเข้มเรียบง่ายนั่งอยู่ตรงข้ามมารดาและน้องสาวหลี่จื่อเหยา ผู้เป็นมารดา แม้จะมีความยินดีที่ได้เห็นบุตรชายกลับมา แต่ก็มิอาจปิดบังความแปลกแยกที่เกิดขึ้นจากกาลเวลาสิบปีที่ผ่านไปได้
"เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว" ฮูหยินใหญ่กล่าวขึ้น เสียงของนางคงสุขุมและเรียบเฉย "สิบปีที่ผ่านมามิใช่เวลาสั้น ๆ เจ้าทิ้งมารดาและน้องสาวอยู่เพียงลำพัง จวนหลี่แม้ไม่ลำบากแต่ก็มิอาจเรียกได้ว่ามีความสุข"
"ข้าทำเพื่อแคว้นขอรับ ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านแม่ลำบาก"
หลี่หยวนตอบเสียงหนักแน่น สีหน้ามิได้เผยความรู้สึกใด ๆ ยังคงนิ่งเช่นเคยติดจะดุดันราวเขากำลังฝึกทหารด้วยซ้ำ
ฮูหยินใหญ่ทอดถอนใจราวทำเพื่อบอกกลายๆว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องในอดีต ก่อนจะกล่าวขึ้น
"เจ้าอยู่ชายแดนนานในเมื่อจัดการข้าศึกได้แล้วก็คงกลับมาอยู่เมืองหลวงตลอดแล้วสินะ”
“เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่แน่นอน...” หลี่หยวนเอ่ยเสียงแข็งจนบางทีดูเหมือนคนกำลังไม่พอใจ
“หึ ช่างเรื่องพวกนั้นก็แล้วกัน อีกไม่นานเจ้าจะอายุสามสิบแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรสร้างครอบครัวแล้ว"
หลี่หยวนวางถ้วยชาลง แววตาเฉยชาพลันดุดันขึ้นทันใด "ข้าไม่ต้องการสร้างครอบครัว"
"ไม่ได้!? เจ้าจะยอมให้ตระกูลหลี่ล่มสลายเพราะไร้มายาทสืบทอดไปเช่นนั้นหรือ?"
"ข้ามิใช่บุรุษที่เหมาะจะมีใคร ชีวิตแม่ทัพเช่นข้าหาได้ควรนำใครเข้ามาร่วมทรมานด้วยไม่ เรื่องนี้มารดาก็น่าจะรู้ดี..."
แน่นอนว่าหลี่หยวนหมายถึงชีวิตของมารดาที่ต้องคอยเป็นห่วงยามบิดาออกศึกนั่นเอง หรือแม้แต่ตอนที่บิดาถูกฆ่าศึกฆ่าในสนามรบเขายังจำความเสียใจที่มารดาเผชิญได้ดี เขาไม่อยากให้ต้องมีใครมาเจอชะตาเดียวกันอีก
ผู้ถูกกล่าวอ้างอย่างฮูหยินใหญ่หลี่ถึงกลับนิ่งอึ้งค้างไปทันที ความโศกเศร้าในอดีตเป็นสิ่งที่นางไม่อยากนึกถึงจริงๆ ทว่าเรื่องนี้ก็มิใช่เหตุผลที่นางจะยอมโอนอ่อนตามบุตรชายตรงหน้าเสียหน่อย
“หากเจ้าห่วงข้าผู้เป็นมารดาจริง ก็ควรสร้างครอบครัวและมีหลานให้ข้าเลี้ยงเสีย อย่าได้นำเรื่องเหล่านั้นมาเป็นข้ออ้างเลยอาหยวน”
หลี่หยวนไม่ตอบอันใดกลับมา เขาเพียงแค่ลุกขึ้นคำนับมารดา "หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าขอไปจัดการธุระอื่นต่อ"
มารดามิได้รั้งไว้ เพียงมองส่งบุตรชายไปจนสุดสายตา เมื่อร่างสูงหายไปแล้ว จื่อเหยาเม้มปากเล็กน้อย มองมารดาอย่างลังเล ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาหลังจากเงียบมาตลอด
"หรือเพราะพี่ใหญ่ยังไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นกันเจ้าคะท่านแม่?"
แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่ผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาจนอายุเท่านี้ เข้าใจคำว่าสิ่งเหล่านั้นดี คราวนี้แววตาของนางฉายความแน่วแน่ก่อนนางพยักหน้าให้บุตรสาวเบา ๆ อย่างเห็นด้วย
“เขาอยู่แต่กับพวกบุรุษในสนามรบ คลุกดินคลุกทรายคงไม่เข้าใจรสชาติหอมหวานของดอกไม้งามสินะ”
จื่อเหยาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกายซุกซนไม่แพ้ผู้เป็นมารดาตอนนี้
"ท่านแม่ยังจำสตรีนางนั้นที่ท่านซื้อนางมอบให้พี่ใหญ่ได้ไหมเจ้าคะ ในเมื่อท่านเสียเงินซื้อนางมาแล้ว เหตุใดไม่ให้นางทำหน้าที่ของตนเสียหน่อยเล่าเจ้าคะ!?"
ฮูหยินใหญ่นึกย้อนกลับไปในความทรงจำทันที นางนึกถึงเด็กสาววัยเกือบสิบขวบที่มีดวงตาสุดสว่างแต่ตามผิวกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทุบตีจากบิดามารดาของนางขึ้น สีหน้าก็เกิดลังเลใจ
"เป็นความคิดที่ไม่เลว ผ่านมาสิบปีแล้วนางเติบโตเต็มทีพร้อมทำหน้าที่แล้วกระมัง ข้าลืมนางไปจนมิได้สั่งสอนในสิ่งที่ควรเลยน่ะสิ แม่เกรงว่าจะไม่ถูกใจพี่ใหญ่ของเจ้า..."
"เรื่องนั้นมิใช่ปัญหาเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าความไร้เดียงสาของนางอาจชนะใจพี่ใหญ่ก็เป็นได้ เรื่องนี้ลูกขอจัดการเองเจ้าค่ะ"
สองแม่ลูกหันมองกันด้วยความมุ่งมั่น พวกนางเชื่อว่าแผนนี้จะทำให้หลี่หยวนรู้จักความสุขที่แท้จริงเสียที!
