บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ชะตาของพี่ชาย

“คุณหนูของชิงชิง!” ร่างเล็กของสาวใช้วัยกลางคนที่ควบตำแหน่งพี่เลี้ยงคนสนิทรีบวิ่งเข้ามาหา ขัดจังหวะเว่ยหยวนและหลู่ฟู่หลินโดยไม่ได้ตั้งใจ เว่ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงก้าวถอยห่างออกจากคนตัวเล็ก และถือโอกาสหมุนกายหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลู่ฟู่หลินยังคงมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายไปจนลับสายตาด้วยความเสียดาย

เมื่อครู่นี้เขาทำเหมือนกับกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแล้วแท้ๆเชียว

“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ใบหน้าของชิงชิงเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา พร้อมกับกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วร่างของเจ้านายสาวด้วยความห่วงใย หลังจากที่นางโดนบรรดาสาวใช้ของคุณหนูตระกูลต่างๆ จับมัดไว้กับต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือคุณหนูหลู่ฟู่หลินได้ โชคดียิ่งนักที่เมื่อครู่นี้องครักษ์ของเว่ยหยวนไท่จื่อได้ช่วยปลดเชือกให้นาง

“ข้าไม่เป็นอะไร” หลู่ฟู่หลินส่งยิ้มบางๆ ให้กับชิงชิง ตั้งแต่เล็กจนโต ชิงชิงเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่คอยรักและดูแลนางเป็นอย่างดี

“เช่นนั้นก็กลับกันเถิดเจ้าค่ะคุณหนู” ชิงชิงเห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว เกรงว่าหลู่กั๋วกงกับหยางฮูหยินจะเป็นห่วงคุณหนูหลู่ฟู่หลินของนาง

หลู่ฟู่หลินพยักหน้ารับชิงชิง หวนคิดไปถึงคนสกุลหลู่ ป่านนี้ท่านพ่อหลู่อวี้โจวคงกลับมาจากสำนักว่าการแล้ว ส่วนท่านแม่หยางเสี่ยวเหมยก็คงกำลังรอนางกลับไปเช่นกัน

หลู่ฟู่หลินรีบขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางกลับ ครั้นเมื่อไปถึงพบว่าท่านพ่อหลู่อวี้โจวกับท่านแม่หยางเสี่ยวเหมยและท่านย่าเยว่เฉียวได้เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลสวี หลู่ฟู่หลินนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวันก่อนคนสกุลสวีได้ส่งจดหมายเทียบเชิญมายังจวนสกุลหลู่ ซึ่งนางเองก็ลืมไปเสียสนิท

“ท่านพี่โจวหลินกลับมาหรือยัง”

“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ คุณชายอยู่ที่หอนอนเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบเจ้านายสาวอย่างนอบน้อม หลู่ฟู่หลินได้ยินเช่นนั้นจึงรีบมุ่งหน้าไปยังหอนอนของพี่ชายฝาแฝดทันที เมื่อสาวใช้หน้าประตูเห็นจึงทำท่าจะเคาะประตูบอกเจ้าของห้อง หากแต่หลู่ฟู่หลินกลับยกมือขึ้นห้ามนางเสียก่อน

แอ๊ด!

ประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออก พร้อมกับร่างบางของหลู่ฟู่หลินก้าวเข้าไปด้านใน

คิ้วกระบี่ของหลู่โจวหลิวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ กำลังจะอ้าปากตำหนิเพราะคิดว่าเป็นสาวใช้ที่เดินทะเล่อทะล่าเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร เขาจึงรีบหมุนกายหันหลังให้นางอย่างรวดเร็ว ท่าทางมีพิรุธของพี่ชายทำให้หลู่ฟู่หลินอดที่จะย่นคิ้วเข้าหากันไม่ได้

“หลินเอ๋อร์จะเข้ามาหาพี่ เหตุใดไม่ให้สาวใช้เคาะประตูก่อน” หลู่โจวหลินตำหนิน้องสาวเสียงเบา อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะดุด่าหรือต่อว่านางหรอก หลู่ฟู่หลินเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนสกุลหลู่ แม้กระทั่งเขาเองก็รักใคร่และหวงแหนนางไม่น้อยไปกว่าใครเลยทีเดียว

“หากข้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่เห็นน่ะสิเจ้าคะว่าท่านพี่กำลังมีเรื่องใดปิดบังข้าอยู่”

“ข้าไม่ได้มีเรื่องใดปิดบังอย่างที่เจ้าว่า” หลู่โจวหลินปฏิเสธ ทว่ากลับไม่ยอมหันหน้ากลับมา ยังคงยืนหันหลังให้น้องสาวเช่นเดิม

“แล้วเหตุใดท่านพี่ถึงหลบหน้าท่านพ่อท่านแม่กับข้าล่ะเจ้าคะ” หลู่ฟู่หลินก้าวเข้ามาใกล้ หากแต่ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากของคนเป็นพี่ชาย หลู่ฟู่หลินไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่ายามนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ สองสามเดือนมานี้ หลู่โจวหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังพูดจาโกหกบ่อยขึ้น และหายตัวออกไปจากจวนอยู่บ่อยๆ

หลู่ฟู่หลินหวาดกลัวยิ่งนักว่าบุตรชายสกุลซ่งที่พี่ชายของนางกำลังคบหาจะทำให้หลู่โจวหลินเสียคน

หลังจากที่มีเพียงแค่ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง สุดท้ายหลู่โจวหลินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่เตียงกว้าง และเอ่ยขึ้นมาว่า

“เจ้าออกไปเถิด ข้าอยากพักผ่อน”

“ข้าไปก็ได้เจ้าค่ะ” หลู่ฟู่หลินรับปากอย่างว่าง่าย ทำให้หลู่โจวหลินรู้สึกโล่งใจไม่น้อย ทว่าเพียงแค่เขาเผลอ คนที่กำลังจะก้าวออกไปจากประตูก็วิ่งกลับเข้ามา และคว้าไปที่ข้อมือใหญ่ของผู้เป็นพี่ดึงให้เขาหันหน้ากลับมา

“ท่านพี่หน้าของท่านไปโดนอะไรมา” หลู่ฟู่หลินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของพี่ชายอย่างอึ้งๆ นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาหลบหน้าของทุกคนเป็นแน่ เมื่อเห็นเช่นนี้หญิงสาวรู้สึกปวดใจไม่น้อยและคิดว่าหากเป็นท่านพ่อกับท่านแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างจากนาง บางทีอาจเจ็บปวดยิ่งกว่านางเสียอีก ที่ผ่านมาท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่าเลี้ยงนางกับหลู่โจวหลินมาเป็นอย่างดี แค่จะดุด่าทุบตีหรือทำให้เจ็บตัวเพียงแค่เสี้ยวเล็บยังไม่เคยทำ ทว่าผู้ใดกันที่กล้าทำร้ายพี่ชายของนางจนบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้กันนะ!

หลู่โจวหลินเบือนหน้าหนี ไม่ยอมตอบคำถามของผู้เป็นน้องสาว

“ใครทำร้ายท่านพี่บอกฟู่หลินเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น แต่เมื่อเห็นเขายังคงเงียบไม่ยอมตอบคำถามของนาง ปากบางจึงค่อยๆเบะเข้าหากัน วิธีนี้เรียกว่าวิธีไม้ตายที่นางใช้มาตั้งแต่เด็กๆเมื่อต้องการให้พี่ชายทำตามใจ และดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะได้ผลอีกเช่นเคย ทันทีที่หลู่โจวหลินเห็นน้องสาวทำหน้าราวกับจะร้องไห้ เขาจึงรีบก้าวเข้ามาหานางทันใด

“หลินเอ๋อร์อย่าร้องไห้” ชายหนุ่มปลอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาวางลงบนศีรษะของหลู่ฟู่หลินพลางลูบไปมาเบาๆ

“ท่านพี่ใครทำร้ายท่าน” หลู่ฟู่หลินถามย้ำอีกหน สีหน้าของหลู่โจวหลินนั้นเต็มไปด้วยความลำบากใจ ทว่าสุดท้ายเมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของน้องสาว ในที่สุดเขาจึงยอมตอบ

“ข้ามีเรื่องกับเย่หมิงชิน”

คำตอบของพี่ชายทำให้หลู่ฟู่หลินใจหายวาบ วันนี้นางเพิ่งเจอเย่หมิงชินอยู่หยกๆ และยังมีความคิดที่จะเข้าหา ทว่าเขากลับเป็นคนที่ทำร้ายพี่ชายของนางเสียอย่างนั้น แต่เมื่อลองหวนนึกถึงตอนที่ได้พบเจอกันเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา พบว่าเย่หมิงชินไม่ได้มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนท่านพี่หลู่โจวหลินของนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ดวงตาข้างขวาปูดโปนจนแทบจะจำเค้าโครงเดิมไม่ได้แล้ว ฉะนั้นจะเรียกว่ามีเรื่องกันก็คงไม่ถูกมากนัก ต้องเรียกว่าพี่ชายของนางโดนเย่หมิงชินทำร้ายมากกว่า

“มีเรื่องอะไรกัน เหตุใดต้องทำร้ายกันถึงเพียงนี้ล่ะเจ้าคะ” หลู่ฟู่หลินถามด้วยความไม่เข้าใจ นางคิดว่าจู่ๆเย่หมิงชินคงไม่เดินเข้ามาทำร้ายหลู่โจวหลินเฉยๆหรอก

“ข้ากับคุณชายซ่งเผลอไปขัดแข้งขัดขาเย่หมิงชินเข้าน่ะสิ มันเลยส่งคนมาสั่งสอนข้าเพื่อข่มขู่ไม่ให้ข้ากับคุณชายซ่งนำเรื่องที่เห็นไปบอกผู้ใด” ดวงตาเรียวรีถอดแบบท่านพ่อหลู่อวี้โจววาววับขึ้นด้วยความโกรธ ฝีมือของเขาและพวกคนของเย่หมิงชินยังคงต่างกันมากนัก รู้อย่างนี้จะตั้งใจฝึกฝนวิทยายุทธกับท่านพ่อจะได้สู้กับพวกมันได้

“ขัดแข้งขัดขาเรื่องใดกัน” หลู่ฟู่หลินยังไม่คลายความสงสัย แต่ก็มีความมั่นใจถึงสามในสี่ส่วนว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น หญิงสาวก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งที่อย่างน้อยเย่หมิงชินก็ไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิตพี่ชายของนาง คงเป็นเพราะเขายังเกรงต่ออำนาจของท่านพ่อหลู่อวี้โจวอยู่เป็นแน่ เพราะถ้าหากเป็นคนอื่น มีหรือที่คนอย่างเย่หมิงชินจะปล่อยให้รอดชีวิต

“ข้ากับคุณชายซ่งเห็นพวกมันกำลังลักลอบขนอะไรบางอย่าง” หลู่โจวหลินหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนรุ่งสาง เขากับซ่งเหลียงออกเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ไปทั่วตามประสา ได้พบกับทหารของเย่หมิงชินโดยบังเอิญ ด้วยความสงสัยจึงได้ชักชวนกันตามไปดู หากแต่โชคร้ายที่โดนพวกมันจับได้จึงโดนซ้อมปางตาย ยังดีที่มันยอมปล่อยเขากับซ่งเหลียงออกมา ไม่ได้ทำรุนแรงจนถึงชีวิต

“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ท่านพี่ต้องบอกท่านพ่อกับท่านแม่นะ”

“บอกไม่ได้เด็ดขาด! มันข่มขู่ว่าถ้าข้านำเรื่องนี้ไปบอกผู้ใด มันจะตามมาสังหารทั้งตระกูล” หลู่โจวหลินรีบรั้งข้อมือบางของน้องสาวเอาไว้ ถึงแม้ว่าบิดาจะมียศเป็นถึงกั๋วกง แต่ถ้าพวกมันใช้วิธีสกปรกหรือหากมีผู้ที่มีอำนาจใหญ่กว่าบิดาของเขา เขาก็ไม่มั่นใจว่าท่านพ่อหลู่อวี้โจวจะสามารถรับมือได้หรือไม่

“ท่านพี่จะกลัวไปไย ท่านพ่อมีอำนาจ คนของเราก็มากฝีมือ” หลู่ฟู่หลินแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย ทว่าหลู่โจวหลินกลับส่ายศีรษะไปมา ยืนกรานอย่างหนักแน่นอย่างไรเขาจะไม่ยอมบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะคนสกุลหลู่ เพราะเขาไม่ต้องการให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน

“เจ้ายังเด็ก ไม่เข้าใจ”

“เด็กอะไรกัน ข้ากับท่านพี่อายุเท่ากัน ท่านพี่เกิดก่อนข้าไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง” หญิงสาวอ้าปากเถียงผู้เป็นพี่ หลู่โจวหลินคงลืมไปแล้วสินะว่าเขาและนางนั้นเป็นฝาแฝดกันน่ะ

หลู่ฟู่หลินได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ คราแรกตั้งใจจะหนีจากพระเอกและไปซบอกตัวร้าย หวังให้เย่หมิงชินช่วยเหลือดูแล แต่พี่ชายตัวดีของนางก็ดันไปมีเรื่องกับเขาจนได้ ตอนนี้เปรียบเหมือนว่าสกุลหลู่มีข้าศึกบุกมาประชิดทั้งสองทาง ไหนจะกลัวว่าเว่ยหยวนไท่จื่อจะมีความทรงจำในภพชาติเดิมเช่นเดียวกับนาง และยังต้องคอยระแวงว่าเย่หมิงชินจะกลับคำพูดหันมาทำร้ายพี่ชายของนางอีกครั้งหรือไม่ หรือนางควรจะเปลี่ยนเป้าหมายเข้าหาเว่ยหยวนไท่จื่อเพื่อใช้ให้เขาปกป้องคุ้มครองหลู่โจวหลินและคนสกุลหลู่ดี

อย่างไรก็ตาม หลู่ฟู่หลินได้แต่หวังว่าพี่ชายของนางจะฉลาดพอที่จะสามารถเอาตัวรอดจากตัวร้ายเย่หมิงชินได้ นางกลัวใจเว่ยหยวนไท่จื่อและเย่หมิงชินยิ่งนัก เกิดเป็นหลู่ฟู่หลินนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel