บท
ตั้งค่า

07 บ้านองศา

.

.

..อคิน

(ผมว่า..ผมชอบพี่ว่ะ)

มันเป็นคำสารภาพที่ตรงไปตรงมา ใครหลายคนก็เคยบอกผมแบบนี้ แต่มันไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะรู้สึกตอบสนอง

“เฮ้ยพี่ระวัง!!” ผมตกใจเสียงเตือนขององศา เท้าเหยียบเบรกจนมิด ลำตัวของทั้งผมทั้งองศาถูกกระชากไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วแทบจะกระแทกเข้ากับคอนโซลหน้ารถ

“นายเป็นไรไหม”

“ผมไม่เป็นไรพี่ พี่เหอะ โอเครึเปล่า”

“อืม ไม่เป็นอะไ..” คนด้านข้างยื่นมือมาสัมผัสที่หน้าผากของผม

“ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ หรือว่าแอร์จะเย็นไป พี่เลยง่วง ถ้าไงพี่จอดพัก..”

“ไม่เป็นไร ฉันบอกแล้วไง!” ผมขึ้นเสียงและปัดมือที่ยังลอยอยู่ใกล้หน้า

“ขอโทษครับพี่ ถ้าผมทำอะไรที่พี่ไม่ชอบ”

..ใช่ ผมไม่ชอบ คนส่วนใหญ่ที่เข้าหาผมก็มีแค่เหตุผลเดียว และคนข้างๆ ก็กำลังทำแบบเดียวกัน ..โง่จริงๆ ที่เผลอคิดไปว่าเป็นคนที่น่าสนใจ เพราะแตกต่างจากคนอื่น กล้าดียังไงมาบอกชอบฉัน แล้วยังท่าทีตีสนิทแบบนั้นอีก

“พี่ปล่อยผมลงตรงสี่แยกข้างหน้าก็ได้นะ เดี๋ยวผมกลับบ้านเอง”

“ฉันรับปากแล้วว่าจะไปส่ง”

“...”

ตลอดทางต่อจากนั้น องศานั่งเงียบ ผมเองก็อยู่กับตัวเอง สับสน ไม่เข้าใจ คนเราจะชอบกันได้แค่ในครั้งสองครั้งที่เจอกันเลยรึไง ผมขับเลี้ยวมาตามถนน ผ่านเส้นทางที่คุ้นเคย..ทางไปบ้านของจิน แต่วันนี้ผมเลี้ยวมาอีกทาง ทางที่ผมไม่เคยแม้แต่จะลองหลงเข้าไป ..คนร่างบางข้างๆ กำลังนอนหลับสนิทตอนที่ผมกำลังจะเอ่ยปากถามว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาเมื่อข้างหน้ามีทางแยก ดีที่ผมมีโลเคชั่นเรียบร้อย เลยขับตามทางที่ดาวเทียมให้คำปรึกษาไว้

ภาพบ้านเรือนสองข้างทางไม่ได้แย่ขนาดที่ผมจะรู้สึกรับไม่ได้ แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่าบ้านตามความคุ้นชินของผม เด็กเล็กขี่จักรยาน เด็กโตวิ่งไล่เล่นกันอยู่ตามซอยเล็กซอยย่อย ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็นั่งจับกลุ่มคุยกัน ..คงเป็นวงเหล้า ยังดีที่ถนนสองเลนกว้างและถูกเทปูนอย่างดี ถึงจะไม่เนียนเรียบ แต่ด้วยรถที่ผมขับอยู่ ยังไงก็ไม่ทำให้คนข้างๆ ต้องสะดุ้งตื่นเพราะแรงกระโดดของรถแน่ ผมค่อยๆ จอดรถเทียบหน้าบ้านที่คิดว่าใช่ เพราะมันใกล้เคียงกับโลที่มี และพื้นที่ด้านหน้าก็บ่งบอกว่าเป็นร้านค้าชัดเจน เพราะมีตู้แช่น้ำ ถังน้ำแข็ง และชั้นวางขนม ..ก็จินเคยบอกไว้ว่าบ้านขององศาเป็นร้านขายของชำ ผมลงจากรถและเดินไปหาหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน

“ขอโทษนะครับ ที่นี่ใช่บ้านขององศารึเปล่า”

“ออ ใช่จ๊ะ มีอะไรรึเปล่า”

“สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยขององศาน่ะครับ”

“จ๊ะ”

“พอดีองศาเขาไม่สบายนิดหน่อยครับ ผมเลยพามาส่งที่บ้าน”

“ไม่สบาย! เป็นอะไรมากไหม”

“ไม่ครับ แค่เป็นไข้แดด ไม่ต้องห่วงนะครับ น้องทานยาแล้ว ตอนนี้ก็หลับสนิท” ผมหันหลังไปเปิดประตูรถฝั่งองศา คนตัวบางยังนอนหลับ ปลุกยังไงก็คงไม่ตื่นเพราะฤทธิ์ยาแรง ผมเลยโน้มตัวเข้าไปปลดเบลท์ และช้อนคนร่างบางขึ้นจากเบาะอย่างทุลักทุเล อยากจะต่อยสักหมัดให้สมกับที่ทำผมกระวนกระวายใจ แล้วยังมาหลับให้ผมต้องลำบากอีก

“โอะ หนักไหม ให้แม่ช่วยไหม”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมกระชับแขนให้อุ้มองศาได้ถนัด และดันประตูรถให้ปิด “ถ้าไงให้ผมอุ้มขึ้นไปส่งบนห้องเลยล่ะกันนะครับ”

“ได้จ๊ะได้ ทางนี้เลย ขึ้นไปชั้นสอง ห้องขวามือจ๊ะ แม่ฝากด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

บันไดไม้ส่งเสียงลั่น คงเพราะน้ำหนักของคนสองคนที่กดถ่วง ความชันตามสไตล์บ้านกลางเก่ากลางใหม่บวกความกว้างที่แคบยิ่งทำให้เดินได้ยากลำบาก แต่ผมก็พาองศาขึ้นมาถึงที่หมายจนได้ ฟูกหนาขนาดสามฟุตครึ่งถูกวางอยู่ในความมืดสลัว ผมยกมือขึ้นสูงเพื่อกดสวิตช์ไฟให้มอบแสงสว่างนำทาง ห้อง..ก็ดูเรียบร้อยตามสไตล์ผู้ชาย ผนังที่มีโปสเตอร์การ์ตูนติด กับชั้นวางหนังสือที่ถูกกินพื้นที่ด้วยฟิกเกอร์และโมเดล

“อือ..” ยังมีหน้ามาครางหาความสบายจากท่าอุ้มที่ผมกำลังอึดอัด อยากจะโยนร่างบางในอ้อมแขนให้หล่นลงบนฟูกแบบแรงๆ แต่ก็นะ ..รอให้นายหายเจ็บก่อน ฉันค่อยเอาคืนที่ทำให้ฉันนั่งปั่นป่วนอยู่คนเดียว ผมวางองศาลงบนฟูก เล่นเอาเกือบหัวทิ่ม เพราะฟูกเตี้ยกว่าระดับเข่ายาวๆ ของผม ..หน้าของผมลอยอยู่ใกล้ไอ้คนหลับไม่รู้เรื่อง เปลือกตาที่ปิดสนิทบวกขนตายาวดำขลับ จมูกโด่งและเรียวที่พอเหมาะกับรูปหน้าเล็ก ปากแดงอมชมพูอ่อนที่อูมอิ่มน่าประกบ แล้วยังลมหายใจสม่ำเสมอที่น่าฟัง ..นี่ผมเป็นอะไร!

“ไอ้เก๋ากลับมาแล้วเหรอ.. เอ่อ.. ขอโทษนะถ้าพ่อเข้ามากวน” ผมหันหลังไปมอง ด้วยท่าทางของผมตอนนี้คงคิดดีได้ยาก

“สวัสดีครับคุณพ่อ” ผมรีบส่งเสียงและถอนตัวเองออกจากการคร่อมลำตัวขององศา “ผมเป็นรุ่นพี่ที่คณะน่ะครับ พอดีองศาไม่สบายนิดหน่อย ผมเลยมาส่งน่ะครับ”

“...” พ่อขององศาเดินตรงมาก่อนจะยื่นมือลงแตะที่หน้าผากขององศา “มีไข้ด้วยนิ เอาไงดี” พ่อขององศามองมาที่ผม “พ่อกับแม่ต้องไปธุระด่วนที่ต่างจังหวัด จะอยู่คนเดียวได้ไหมเนี่ย องศาๆ” พ่อพยายามเขย่าตัวองศาเบาๆ เพื่อปลุก สักพักคนตัวบางก็รู้สึกตัว

“ห่ะ.. ป๊า..”

“อยู่คนเดียวไหวไหม ป๊ากับม๊าต้องไปหาตั่วโกวน่ะ คืนนี้จะค้างที่นู้นด้วย”

“ไหว..”

“เอางี้ ป๊าตามเจ้าโตมานอนเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่เอานะป๊า.. เก๋าอยู่เองได้..”

“ไข้ขึ้นขนาดนี้ จะอยู่คนเดียวได้ไง ตามเจ้าโตนั่นแหละ มันยอมอยู่แล้ว”

“ไม่เอาๆ ถ้าพี่โตมา.. เอาเป็นว่า ไม่ต้องตามนะป๊า เกรงใจพี่โตมัน” (ไม่เอาพี่โต ถ้าไอ้พี่โตมา เก๋าต้องเสร็จพี่โตแน่ป๊า)

..พี่โต? เสร็จพี่โต? “ถ้าไงให้ผมอยู่เป็นเพื่อนน้องก็ได้ครับ ผมสะดวก”

“แต่..”

“แต่..” (แต่พี่เพิ่งไม่โอเคเปล่าวะ)

“คุณพ่อสบายใจได้ครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี”

“ปลาเก๋าว่าไง ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ”

ปลาเก๋า? “..ผมชื่ออคินครับ”

“งั้นพ่อฝากเก๋าด้วยนะ เก๋าลงไปล็อกประตูไหวไหม”

“เดี๋ยวผมลงไปเองครับ ปลาเก๋าไม่น่าจะไหว” ทันทีที่ผมพูด ‘ปลาเก๋า’ องศามองมาทางผม ทำตาปริบๆ

(น่าอายฉิบ ทำไมพี่มันต้องมารู้ชื่อเล่นกูด้วย ป๊านะป๊า)

ผมเดินตามพ่อขององศาลงมาชั้นล่าง “เอ่อ อคิน”

“ครับ”

“อย่าหาว่าพ่อถามมากเลยนะ”

“...”

“เก๋าไปก่อเรื่องมาใช่ไหม”

“...”

“บอกพ่อมาเถอะ พ่อสัญญาว่าจะไม่บอกเก๋าว่าเราบอก”

“ครับ มีเรื่องนิดหน่อย”

“ไอ้ลูกคนนี้มันใจร้อน ไม่ยอมคน ฝากดูๆ มันหน่อยนะ”

“ได้ครับ”

“อาว แล้วปลาเก๋าล่ะป๊า”

“เก๋ามันลงมาไม่ไหว”

“เฮ้อ ทำไมต้องมาป่วยเอาวันนี้ด้วย ใครจะดู เราจะไม่ไปก็ไม่ได้ด้วย”

“ไม่เป็นไรม๊า พ่ออคินเขาจะดูให้”

“ตามเจ้าโตไม่ดีกว่าเหรอ เกรงใจ.. ชื่อไรนะ”

“อคินครับ”

“เออน่ะ เกรงใจอคินเปล่าๆ”

“ไอ้เก๋ามันก็เกรงใจไอ้โตมันเหมือนกันเนี่ยสิ บอกท่าเดียว ไม่เอาๆ”

“ผมอยู่ดูน้องได้ครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเกรงใจ”

“เอาตามนี้แหละม๊า”

“แต่..” (จะไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้)

(เฮ้อ คงไม่ทำอะไรไอ้เก๋าล่ะมั้ง ท่าเมื่อกี้ก็.. แต่ไอ้เก๋าเรามันไม่ยอมใครง่ายๆ หรอก มันหมัดหนักจะตาย)

“ไม่ต้องห่วงปลาเก๋านะครับ เดินทางปลอดภัยครับ”

(หนักแน่นดี ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง) “อื้อ ไปกันเถอะม๊า”

(หวังว่าจะเป็นคนดีเหมือนหน้าตานะ ห่วงปลาเก๋าจัง) “อืมๆ ฝากด้วยนะพ่ออคิน ออ ในตู้เย็นมีของกินอยู่ ถ้าไงฝากอุ่นให้ปลาเก๋าด้วยนะ เราก็กินด้วย อย่าอดล่ะ ยิ่งผอมๆ อยู่”

“ครับ” ผมดึงประตูเหล็กให้ลากปิด หลังพ่อกับแม่ขององศาเดินห่างไปไกล

“คุณคินครับ..” เสียงของลุงชอบดังขึ้น มีหว่องกับเวยยืนขนาบสองข้าง พร้อมกับผู้ติดตามอีกร่วมสิบที่ยืนกระจายตัวอยู่ไกลออกไป

“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่”

“แต่..”

“ผมนอนได้ ไม่ต้องห่วง ให้ทุกคนกลับไปได้”

“คุณคินก็รู้ว่าลุงทำแบบนั้นไม่ได้”

“งั้นก็.. ตามสบายครับ”

หว่องกับเวยรีบออกแรงปิดประตูเหล็กอย่างรู้หน้าที่ ส่วนผมก็แค่ล็อกแม่กุญแจ ทุกอย่างถูกปิดสนิทเรียบร้อย เหลือเพียงแสงไฟด้านหลังของตัวบ้านที่มีลักษณะเป็นห้องครัว ผมเปิดประตูตู้เย็น ..มีชามสองสามชามที่ถูกปิดฝาไว้ ผมเปิดมันออก หน้าตาดูเป็นอาหารพื้นฐานที่ใครๆ ก็กินกัน ผัดผักคะน้า ไก่ผัดขิง และข้าวสวย ผมถอนหายใจ ..มีแต่เมนูที่คนป่วยกินลำบาก

.

.

..เรย์

“ไม่อยากเชื่อสายตาว่านายจะมา” ผมเดินไปหยิบแก้วไวน์ที่รินวางไว้บนเคาเตอร์บาร์ หลังจากเปิดประตูให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญให้เข้ามาในห้องชุดชั้นบนสุดของคอนโดที่แพงที่สุดใจกลางเมือง

“ก็คิดถึงน้องชาย..”

ผมเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าวิวพาโนรามาของตึกสูงยามค่ำคืน ..ไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่พี่ชายคนเดียวพูดออกมาแบบนั้น

“ฉันก็อุตส่าห์จะฝากผ่านอคินมา แต่เขาก็ดันบอกให้ฉันมาหานายเอง ใจร้ายจริงๆ ทั้งที่นานๆ ทีจะได้เจอกัน”

“...”

“ไม่อยากรู้เหรอว่าเจอกันที่ไหน”

“...”

“ก็ที่โรงพยาบาล.. คินมากับน้องคนนึง ดูท่าทางคินจะห่วงเด็กคนนี้มากอยู่เหมือนกัน”

ผมยกไวน์ในมือขึ้นดื่มจนหมดแก้ว “แล้วยังไง”

“ก็แค่คิดถึงเลยผ่านมาบอก เผื่อนายจะคิดเหมือนกับฉัน”

“...”

“ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน งั้นฉันกลับเลยดีกว่า ไม่กวนเวลาส่วนตัวของนายล่ะ ออ ฝากบอกพ่อด้วยนะ..ว่าคิดถึง”

“...” เสียงประตูปิดลง ..รันกลับไปแล้ว ผมยังยืนเหม่อมองออกไปไกล ตอนนี้เมฆขุ่นหนากำลังก่อตัวทั้งที่ท้องฟ้ามืดสนิท ผมมองเห็นมัน.. พายุกำลังจะมา ..แก้วไวน์ถูกวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา และมันไม่อยู่ในสภาพใช้การได้อีกต่อไป

.

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel