องศาอคิน

149.0K · จบแล้ว
After 5 p.m.
51
บท
7.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ดวงตาใสใต้กรอบแว่น.. นักศึกษาที่แว๊นมอไซค์ยามดึก.. คนที่ถึกทนทั้งที่ถูกรุมซ้อม.. เขาคือคนที่ตกผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ.. องศา ชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์กับความถูกต้องและศักดิ์ศรีของตัวเองอคิน ชายหนุ่มที่เกิดมาพร้อมของขวัญจากพระเจ้า ความซื่อสัตย์ขององศาที่อยู่ในสายตาของอคินตั้งแต่ครั้งที่ได้เจอกัน ความเชื่อใจที่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องนำพา..

นิยายรักโรแมนติกนิยายYaoiนิยายรักพลิกชีวิตมาเฟียแฟนตาซี พระเอกเก่ง

01 Before Story

.

.

แสงของแดดกล้าแรงแยงตาในยามบ่ายแก่ ผมกะพริบตาพยายามจะโฟกัสภาพของคนที่ยืนหันหลังให้ในมุมสี่สิบห้าองศา เพราะตัวของผมกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นดินที่ต้นหญ้าขึ้นเขียวหร็อมแหร็มใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ใบร่วงโรย เม็ดเหงื่อผุดอยู่เต็มหน้าจนอยากจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเช็ด คุณแม่ต้องน้อยใจแน่ๆ ถ้ามันถูกพี่เลี้ยงเอาไปซักทั้งที่ยังไม่ถูกใช้งาน ..แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องผ้าเช็ดหน้า คนตัวเล็กกว่าที่ยืนทำเก่งอยู่ตรงหน้าตังหากที่น่าเป็นห่วง

“พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” เด็กแปลกหน้าพูดเสียงใสแต่ดังก้องไปทั่วสนามเด็กเล่นท้ายหมู่บ้าน

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามายุ่ง!”

“กลับบ้านไปขายของไป๊ ไอ้พ่อค้าเหงื่อเหม็น”

มือของคนตัวเล็กกำหมัดแน่น “ได้ แต่ฉันจะพาเพื่อนของฉันไปด้วย”

“ไม่ต้องมาตู่เลย เหงื่อเหม็นอย่างนาย ไม่มีทางเป็นเพื่อนไอ้คุณชายหน้าหวานนี่แน่”

“พวกนายไม่เชื่อก็ลองถามดูสิ เน๊อะ ..มะขาม” มันหันหน้าเล็กๆ ของตัวเองมา พร้อมกับยัดเยียด ‘มะขาม’ ให้เป็นชื่อของผม?!!

“มะขาม! อยากจะหัวเราะให้ฟันนํ้านมหลุดว่ะ คุณหนูนี่ชื่อมะขาม” แล้วพวกมันสามคนก็พากันหัวเราะ ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าตอนที่โดนพวกมันรุมผลักแบบไม่รู้สาเหตุซะอีก

“พวกนายหยุดเลยนะ! ชื่อมะขามออกจะน่ารัก ไปกันเถอะมะขาม” คนตัวเล็กยื่นมือมาให้ผมจับ คงอยากดึงผมให้ลุกขึ้น ..ไม่มีทาง ใครจะไปยอมรับชื่อเรียกที่ตลกขนาดนั้นได้ ผมนั่งนิ่งไม่ขยับ แถมยังเบือนหน้าหนี แต่มันก็ไม่ลดความพยายาม เอาสองมือเล็กๆ คว้าเข้าที่แขนของผมและออกแรงฉุดกระชาก “บอกให้ไปก็ไปดิ” แต่ผมก็ยังนิ่ง

“เห็นแม่ะ ตู่จริงๆ ด้วย”

“ไม่ใช่แค่เหงื่อเหม็น แต่เป็นไอ้ขี้โม้ด้วย”

“ใช่ๆ ไอ้พ่อค้าเหงื่อเหม็นขี้โม้”

“ไอ้พ่อค้าเหงื่อเหม็นขี้โม้” พวกมันล้อเลียนและเดินรุมประชิดคนตัวเล็ก

“...” ผมเห็นมือเล็กเริ่มสั่นไหวจากหางตา

“พรุ่งนี้ต้องไปเล่าที่โรงเรียน ว่าไอ้เหงื่อเหม็นเนี่ยอยากมีเพื่อนเป็นคุณหนู”

“เฮ้อ ไม่เจียมเลยเน๊อะ ว่าม่ะ”

“เอาเวลาไปเล่นขายของที่บ้านไม่ดีกว่ารึไงว๊า”

“เอ๊ะ หรือว่ามันจะเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่วะ”

“เออว่ะ กับไอ้ปอดแหกข้างบ้าน”

“แล้วต้องมีบท ‘กลับมาแล้วเหรอคะคุณ รับโค้กสักถุงไหมคะ’ ”

“โคตรตุ๊ดเลยว่ะ” คนตัวเล็กกําหมัดแน่นและยกมันขึ้นสูง คงกะจะซัดเข้าที่ปากของหนึ่งในสามคนนี้ แต่ผมก็คว้ามือนั้นไว้ มันหันมามองผม ตาของมันกำลังบอกความรู้สึกมากมาย ทั้งโกรธ อาย และ..

“..จะไปได้ยัง” ผมพูดออกไปแบบนั้นทั้งที่ยังมองตาของมันอยู่ และดูเหมือนมันก็จะฉลาดพอ

“อืม ไปดิมะขาม” ผมกลั้นหายใจเพื่อจะยอมรับชื่อ ‘มะขาม’ ส่วนมันก็ยิ้มจริงใจตอบ

“เห้ย เดี๋ยวดิ คิดว่าเป็นเพื่อนกันแล้วก็จะเดินไปได้เลยเหรอวะ”

คนตัวเล็กหยุดยืนนิ่งแล้วหันหลังไปเผชิญหน้ากับพวกมัน ส่วนผมก็ถอนหายใจ

“แล้วพวกนายจะเอายังไง”

“เอาไงดีวะพวกเรา”

“ก็อยากเล่นด้วย” แล้วพวกมันคนนึงก็ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของคนตัวเล็ก

“ปล่อยนะ!”

“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มายุ่ง”

คนตัวเล็กพยายามแกะมือของไอ้นักเลงปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมออก แต่ก็ไม่ได้ผล แน่ล่ะ ไซส์มันต่างกันเกินไป ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะจับข้อมือนั้นบิดหักลง แน่นอนว่าได้ผลชะงัก คอเสื้อของคนตัวเล็กเป็นอิสระ ส่วนมันที่มืออยู่ใต้อาณัติของผมก็ทำหน้าเจ็บปวดและร้องโอดโอย

“มึง!! ปล่อยกู”

“ปล่อยเพื่อนกูนะเว้ย!!”

มันคนนึงพยายามจะเข้ามางัดมือของผมออก ส่วนอีกคนก็เข้ามากระชากตัวผมให้ออกห่าง คงหวังว่าเพื่อนมันจะรอดพ้นจากความเจ็บปวด ..หึ อ่อนแอ ผมเอาไหล่แกร่งชนจนคนทั้งคู่ล้มกลิ้งลงวัดกับพื้น ส่วนไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าก็จับแขนมันบิดไพล่หลังแล้วถีบส่งให้ไปไกลๆ ..พวกไม่มีน้ำยา ยังไม่ทันจะคิดเสร็จ ไอ้คนตัวเล็กที่เล่นบทคนตัวใหญ่ก็คว้าข้อมือผมออกวิ่ง ..วิ่ง?? วิ่งทำไม หนีงั้นเหรอ? ฝีมือระดับผมไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีใคร และไอ้ที่ยอมโดนรุมตอนแรก ก็แค่อยากรู้ว่าเด็กน้อยพวกนี้จะทำอะไรได้บ้าง

“..นาย ..อย่า ..ไป.. สู้กับพวกมันเลย” ไอ้คนตัวเล็กพูดไปหอบไป หลังจากพาผมวิ่งหนีมาไกลพอประมาณและไม่มีทีท่าว่าพวกนั้นจะตามมา

“ทำไม”

“..ก็ เดี๋ยวแม่จะดุเอาไง”

“??”

“ใช่ แม่ฉันสอนว่า อย่าไปมีเรื่องกับใคร เดี๋ยวโดนตำรวจจับ”

“นายกลัว?”

“อืม ..กลัว”

“กลัวแล้วนายเข้ามายุ่งทำไม”

คนตัวเล็กยิ้มด้วยท่าทีใสซื่อ ..ไม่บอกก็รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่

“อ๊ะ นายมีแผลนิ” มันจับข้อศอกของผมขึ้นดูด้วยสายตาอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ ฉันมีพลาสเตอร์”

..พลาสเตอร์?!! เด็กบ้าอะไรพกพลาสเตอร์ติดตัว

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันก็กลับบ้านแล้ว”

“ติดไว้ก่อน เชื้อโรคจะได้ไม่เข้า” มันไม่สนใจคำพูดของผมสักนิด แถมยังเจ้ากี้เจ้าการแปะพลาสเตอร์อย่างรวดเร็ว ..นุ่มนวล

“...”

“เสร็จเรียบร้อย”

“...”

“ฉันต้องไปแล้วล่ะมะขาม”

“...”

“วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันอยู่ที่นี่ ดีใจนะที่ได้เจอ”

..วันสุดท้าย?

“ลืมบอกไป เมื่อกี้นายสุดยอดมาก เก่งสุดๆ ไปเลยมะขาม ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่ รับรองว่าเราต้องเป็นเพื่อนซี้กันแน่ๆ ไปก่อนนะ” มันพูดจบก็ยิ้มจนตาหยีและวิ่งโบกมือจากไปไกล ส่วนผมก็ได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแบบตั้งรับไม่ค่อยทัน ผมควรจะชิงพูดให้มันฟังว่าผมชื่ออะไร.. เพราะมันคือคนแรก.. ที่ผมเห็นว่าพูดตรงกับสิ่งที่มันคิด

.

.